GGS:บทที่ 930 ส่งดอกไม้
ซูจิ้งตรงไปยังร้านเสื้อผ้าหลงเต็ง เมื่อเขาไปถึงก็ได้ยินเสียงตงเจี๋ยและพนักงานคนอื่นๆกำลังหัวเราะร่วนกันอย่างสนุกสนาน ตอนนี้ที่หน้าร้านเต็มไปด้วยดอกกุหลาบที่ส่งกลิ่นหอมโชยไปทั่วทั้งร้าน
“คุยอะไรกันอยู่เหรอ” ซูจิ้งถามออกมา
ตงเจี๋ยและพนักงานคนอื่นๆเองหยุดหัวเราะกันในทันที ก่อนที่จะงุ้มหัวลงเล็กน้อยพลางแลบลิ้นออกมากันทุกคน บ่งบอกได้เลยว่ากำลังเผาซูจิ้งกันอยู่
“ไม่มีอะไรหรอกน่า แค่คุยกันเล่นเฉยๆ” ฉือชิงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“โอ้… แต่ทำไมฉันได้ยินแว่วๆเกี่ยวกับเรื่องแฟนหรือผู้ชายหล่อๆอะไรแบบนั้นล่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ได้ยินด้วยอ่ะ” ชิฉิงไป๋จ้องยังซูจิ้งราวกับโดนจับได้ ต่อให้เขาไม่ได้ตั้งใจฟังนักแต่เสียงนั้นได้ยังตั้งแต่ยังไม่เข้าร้านเลย ดูเหมือนว่ากุหลาบพวกนี้จะมีหนุ่มหล่อนำมามอบให้ฉือชิงนะ
“คุณซู มีหนุ่มหล่อมาตกหลุมรักพี่ชิงด้วยล่ะ เขานั้นดูดีมากเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังส่งดอกกุหลายมาให้ 9,999 ดอก เขายังบอกว่าจะส่งรถสปอร์ตมาให้ที่บ้านด้วยนะ แต่พิ่ชิงปฏิเสธไป” ตงเจี๋ยพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“แล้วหนุ่มหล่อคนนั้นคือ?” ซูจิ้งถามออกมา
“เขาชื่อฮัวหยุนชู ลูกชายของตระกูลฮัว หนึ่งในสี่คุณชายเหมือนคุณเลย” ตงเจี๋ยพูดออกมา
“โอ้” หัวใจเต้นของซูจิ้งเต้นแรงในทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ ความจริงแล้วมีน้อยคนนักในประเทศที่จะไม่เคยได้ยินชื่อนี้ นั่นก็เพราะว่าพ่อของฮัวหยุนชูคนนี้เป็นหนึ่งในคนที่รวยที่สุดของประเทศ แน่นอนว่านายน้อยอย่างฮัวหยุนชูเองก็ต้องรู้จักตามไปด้วย
อีกทั้งเขานั้นยังได้ชื่อว่าเป็นคุณชายสี่ที่ทรงอิทธิพลและรวยที่สุดในประเทศ นอกจากนั้นฮัวหยุนชูยังมีอำนาจของตระกูลหนุนหลังอย่างหนักแน่น ต่างจากซูจิ้งที่พึ่งจะมีชื่อเสียงทีหลัง
อีกทั้งพึ่งจะเริ่มพัฒนาธุรกิจของตัวเองจึงถือได้ว่าเบื้องหลังของซูจิ้งนั้นยังไม่หนักแน่นพอต่อให้เขานั้นมีอำนาจอยู่ล้นพ้นมือก็ตาม
ต่อให้เขานั้นเริ่มเป็นที่เบื่อหน่ายของชาวเน็ตอยู่บ้านแต่ก็ยังถือได้ว่ามีฐานะของคุณชายสี่อยู่ดี
“ดูเหมือนว่าเขานั้นจะรู้จักฉันตอนที่ดูเรื่องกระบี่เทพธิดานะ เขามาที่นี่เพื่อซื้อเสื้อผ้าตั้งสองรอบแน่ะ” ฉือชิงอธิบาย
“เป็นเขานี่เอง ก็ว่าอยู่ว่าหนุ่มหล่อที่ไหนกันถึงกล้าทุ่มทุนสร้างขนาดนี้” ซูจิ้งพูดออกมาและเขาก็ไม่แปลกใจอะไรเลยสักนิดที่จะมีใครบางคนมาตามจีบฉือชิง
ฉือชิงนั้นถ้าจะพูดตามจริงแล้วเรียกได้ว่าสวยวันสวยคืนแถมยังเรียบร้อยเป็นกุลสตรีซะอีก ถ้าไม่มีคนมาจีบนี่สิแปลก หากคนนั้นไม่ได้ตาบอด ถ้าคนพวกนั้นไม่ได้กลัวเขาล่ะก็ สมควรที่คนพวกนั้นจะมาเข้าแถวกันจีบยาวเป็นหางมังกรกีดขวางทางทำมาหากินร้านอื่นเรียบร้อยไปแล้ว
ฉือชิงนั้นถึงแม้ว่าเขาจะมั่นใจได้ว่าไม่มีวันแปรเปลี่ยน แต่พอมีคนอื่นเข้ามาจีบแฟนของเขาแบบนี้ก็อดหึงเสียไม่ได้เหมือนกัน
การที่ได้มาเห็นกุหลาบที่ถูกนำมาจีบแฟนตัวเองอย่างนี้แน่นอนว่าเขานั้นต้องขุ่นเคืองใจ
“ฉันบอกเด็กๆในร้านไปแล้วนะว่าให้เอาไปทิ้ง แต่พวกนี้ไม่ยอมท่าเดียว” ฉือชิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ก็มันน่าเสียดายนี่นา” สาวน้อยคนหนึ่งที่เป็นพนักงานในร้านพูดออกมาและปวดใจแทนหนุ่มหล่อคนนั้น
“นี่เธอไม่เคยได้ดอกกุหลาบจากแฟนของเธอรึไงกัน” ฉือชิงพูดออกมา
สาวน้อย ตงเจี๋ย และพนักงานคนอื่นๆเองต่างก็ไม่อยากจะสร้างความขุ่นเคืองให้กับซูจิ้งอย่างแน่นอนถึงแม้พวกเธอจะรู้ว่าซูจิ้งไม่มีทางเล่นงานพวกเธอแน่ๆ
แต่การที่จะให้นำดอกกุหลาตั้งมากมายราวกับยกมาทั้งสวนแบบนี้เอาไปทิ้งมันก็น่าเสียดาย อีกอย่างนั้น ดอกไม้ 9,999 ดอกนั้นมีความหมายที่ดีมากๆสำหรับพวกเธอ แต่สำหรับฉือชิงนั้นมันไม่ได้มีค่าอะไรเลย
ฉือชิงนั้นไม่ใส่ใจและรู้สึกเสียดายเวลาที่จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆ การที่เธอนั้นเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอนั้นสนใจรับกุหลาบนี้อย่างเต็มใจ
หรือจะทำนิสัยแบบคนเมืองหลวงที่หมุนเวียนเปลี่ยนคนไปเรื่อยๆแต่อย่างใด ขนาดซูจิ้งให้เงินในบัญชีไปหมื่นล้านหยวนฉือชิงยังไม่อยากจะใช้เลยแม้แต่น้อยทั้งๆที่ถ้าเป็นคนอื่นก็คงถลุงไปจนหมดแล้ว นับประสากับแค่รถสปอร์ตคันเดียว
ถึงแม้ตัวเธอนั้นจะไม่ได้ปฏิเสธหรือพูดออกมาให้ชัดเจนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นแบบไหนเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นราวกับว่าทั้งคู่นั้นไม่ได้ใส่ใจกันมากนัก
เอาจริงๆต่อให้ทั้งคู่หวานแหววกันขนาดไหนแต่คนมันจะจีบยังไงก็คงหาทางจีบอยู่ดี
กับคนที่มาจีบฉือชิงนั้นเขาก็ยังเห็นตระกูลฮัวที่สุดแสนจะมั่นใจในความร่ำรวยนั้นยังใช้เพียงสมุดธนาคารแบบธรรมดาเท่านั้น แถมบัญชีที่ใช้นั่นส่วนใหญ่ก็อยู่ในชื่อพ่อของเขาทั้งนั้นเลย
จึงบอกได้เลยว่าหากไอ้เจ้าฮัวหยุนซูนั้นคิดจะจีบฉือชิงด้วยเงินล่ะก็ เป็นเพียงแค่ฝันลมๆแล้งๆเท่านั้นเอง
หลังจากที่ตงเจี๋ยและพนักงานคนอื่นๆได้โยนดอกกุหลาบทิ้งไป บรรดาคนไร้บ้านที่เห็นต่างก็เข้ามาแย่งกันเก็บไปในทันที
ด้วยการที่มันยังสดและสภาพดีมาก พวกเขานั้นถึงกับดีใจจนโหวกเหวกโวยวายเพราะว่าต้องสามารถขายได้ราคาดีอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามก็ได้มีใครบางคนผ่านมา ตรงเข้ามาทำร้าย และได้แย่งดอกไม้พวกนั้นไปจนหมด
“ที่รักจ๋า ฉันนำดอกไม้มามอบให้เธอด้วยล่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาก่อนที่เขานั้นจะนำดอกไม้สีแดงออกมาจากกระเป๋า สีของมันช่างสดใสและมีกลิ่นที่หอมเย้ายวนอย่างมาก
ซูจิ้งนำดอกไม้ดอกนั้นไปวางลงบนหัวของฉือชิง รากนั้นค่อยๆฝังเข้าไปในเส้นผมอย่างช้าๆจนดูเหมือนว่ามันโตอยู่บนหัวฉือชิงมานานมากแล้ว
และด้วยการที่เธอนั้นไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อยทำให้เธอไม่ได้รู้สึกเลยสักนิดว่ามีอะไรกำลังแทรกซึมไปตามผมของเธอ
“มันคนจะเด่นดีไม่น้อยล่ะนะถ้าฉันมีดอกไม้ใหญ่ขนาดนี้บานอยู่บนหัวน่ะ” ฉือชิงพูดออกมาแต่เธอก้ไม่ได้มีท่าทีจะปัดออกแต่อย่างใด ใบหน้าของเธอนั้นยิ้มออกมาอย่างน่าเย้ายวน แสดงให้เห็นว่ามีความสุขอย่างมาก
“ไม่หรอกน่า เหมาะกับที่รักดีออก” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ตงเจี๋ย สาวน้อยก่อนหน้านี้และพนักงานคนอื่นๆเองที่เห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ความรักนี่ทำให้คนตาบอดได้จริงๆ
เมื่อเทียบกับดอกกุหลาบกว่า 9,999 ดอกก่อนหน้านี้แล้ว ก็อีแค่ดอกไม้สีแดงดอกเดียวเนี่ยนะ ฉือชิงถึงกับยอมทิ้งดอกกุหลาบพวกนนั้นไปจนหมด ไม่เพียงเท่านั้นยังมีท่าทีชอบมากๆเลยซะอีก
แต่กับเรื่องนี้ก็โทษคนพวกนี้ไม่ได้เพราะไม่ใครคิดอย่างแน่นอนว่าดอกไม้นี้ไม่ใช่ดอกไม้ธรรมดา
แต่ว่านี่คือฮัวเหยาหรือก็ปีศาจดอกไม้ที่ซูจิ้งพึ่งจะได้มาเป็นลูกน้อง ต่อให้ดอกกุหลาบทั้งโลกเอามารวมกันก็ยังไม่มีค่าเท่าปลายนิ้วของเธอไปได้
ฉือชิงนั้นไม่สนใจหรอกว่าคนอื่นนั้นจะคิดอะไร แต่เธอนั้นชอบเจ้าดอกไม้ที่อยู่บนหัวของเธอมากๆเท่านั้นเอง ยิ่งไกว่านั้นเธอเองก็ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า แต่หลังจากที่เธอสวมเจ้าดอกไม้นี่วางไว้บนหัวแล้วรู้สึกได้เลยว่าตัวเธอนั้นผ่อนคลายมากขึ้น
ที่เธอยังไม่รู้ก็คือตัวเธอในตอนนี้นั้นมีส่วนหนึ่งของฮัวเหยาอยู่ในร่างกายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้ซูจิ้งจะยังไม่รู้ว่าเธอนั้นจะมีท่าทียังไงเมื่อรู้ว่าตัวเธอเองมีชิ้นส่วนของปีศาจดอกไม้ฝังไว้ในตัวก็ตาม แต่ซูจิ้งเองก็ไม่ได้กังวลเรื่องนี้แต่อย่างใด ตัวเขานั่งลงในพื้นที่รับรอง และทำการนั่งดื่มชาเพื่อรอดูผลลัพท์
แต่ผลที่เขาไม่เคยได้คิดไว้ก็คือลูกค้าที่เข้ามาซื้อของที่ร้านแทบจะทุกคนนั้นต่างก็เข้ามาขอถ่ายรูปกับเขาเป็นการใหญ่ นี่เองก็เป็นสิ่งที่ทำให้ซูจิ้งนั้นถึงกับพูดไม่ออก
หลังจากนั้นสักพัก ดูเหมือนว่าฉือชิงนั้นจะเริ่มรับมือไม่ไหวแล้วเหมือนกันเพราะบางคนนั้นไม่ใช่ลูกค้าแต่ก็ยังเข้ามา ซูจิ้งเองก็ได้เพียงแค่กำลังจะตัดใจกลับไปก่อนเท่านนั้น
แต่ตอนที่เขากำลังจะออกไปนั้นก็ได้มีเด็กสาวอายุ17-18ปีกำลังเดินเข้ามาที่ประตูร้าน เธอนั้นใส่ชุดขาดๆ ร่างกายดูผอมโซ ใบหน้าของเธอนั้นดูเหลืองเล็กน้อย ดูเหมือนจะเป็นคนไร้บ้าน
ฉือชิงเห็นดังนั้นเขาก็อดสงสารไม่ได้จึงได้หยิบแบงค์ร้อยให้กับเธอ แต่สาวน้อยคนนี้ไม่ได้รับเงินแต่อย่างใด เธอทำการคุกเข่าคำนับฉือชิงพร้อมทั้งมีน้ำตาที่ไหลรินออกมาแต่ก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมาแต่อย่างใด
“อย่าทำอย่างนี้สิสาวน้อยเกิดอะไรขึ้น” ฉือชิงรีบเข้าไปประครองเธอขึ้นมาในทันที ส่วนคนอื่นๆเองทั้งพนักงานและลูกค้าต่างก็เริ่มออเข้ามาดูเหตุการณ์
หลายๆคนนั้นได้บ่นกันเบาๆว่าขอทานนั้นเป็นพวกเกียจคร้าน บางคนก็ทำท่าขยะแขยง หลายๆคนไม่แม้แต่จะเฉียดเข้าไปใกล้
เอาจริงๆพวกเขานั้นไม่อยากถูกหลอกเพราะคิดว่าขอทานเองก็เป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง นี่จึงเป็นเหตุผลให้ธุรกิจขอทานนี้ซบซานกันไปเลยทีเดียว
แต่กับเด็กสาวที่มาคุกเข่าตรงหน้าของเขานั้นได้ก้มหัวคำนับจนแทบจะทำให้หัวแตกเลยก็ว่าได้ และดูเธอนั้นก็ไม่ได้มีท่าที่จะโกหกแม้แต่น้อย