ตอนที่ 2880 หนทางสู่ขั้นหก

“อวดเก่งจริงๆ !! ฉันอยากเห็นนักว่าคุณจะไปได้ไกลแค่ไหน !!!”

จักรพรรดิอสูรมองไปยังซือเฟิงที่ก้าวเท้าเข้าสู่ห้องลับด้วยความรู้สึกดูถูก ในขณะเดียวกันดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความมั่นใจในดินแดนลับของเทพปีศาจ

แต่หลังจากที่ซือเฟิงก้าวเท้าเข้าสู่ห้องลับ ….

หนึ่งก้าว … สองก้าว … สามก้าว …

หลังจากซือเฟิงเดินมามากกว่ายี่สิบก้าว และเหลือระยะทางห่างจากประตูแห่งความมืดไม่ถึงสิบก้าว จักรพรรดิอสูรนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองโง่งมไปเลย ….

เนื่องจากซือเฟิงนั้นดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากประตูแห่งความมืดเลย โดยทุกย่างก้าวที่ซือเฟิงก้าวเดินนั้นเขาสามารถทำมันได้อย่างนุ่มนวล และเป็นธรรมชาติมากๆ ซึ่งนี่มันก็ราวกับว่าผลของประตูแห่งความมืดนั้นไม่มีอยู่จริง ….

“???”

จักรพรรดิอสูรมองไปยังซือเฟิงด้วยท่าทีที่ตกตะลึง และไม่อยากจะเชื่อ

นี่มันบ้าอะไรกัน ?

เมื่อซือเฟิงเดินมาถึงตรงหน้าของประตูแห่งความมืดนั้น ไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดิอสูรเลย แม้แต่ไฟเออร์แดนซ์ และสมาชิกสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆที่ติดตามเขามาก็ตกตะลึงมากเช่นกัน

“หัวหน้ากิล หัวหน้าทำได้ยังไงกัน ?” ไฟเออร์แดนซ์อดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย

แรงกดดันจากประตูแห่งความมืดภายในห้องลับแห่งนี้นั้นคือสิ่งที่เธอไม่เคยประสบมาก่อนเลย เพราะแรงกดดันนี้มันเกิดมาจากออร่า Divine Might ของเทพโบราณ โดยออร่า Divine Might นี้มันก็เข้มข้นมากๆซะจน เธอนึกว่าเทพโบราณพึ่งจะออกไปจากบริเวณนี้ได้ไม่นาน และนี่มันก็ทำให้เธอสามารถก้าวไปข้างหน้าได้แค่สามก้าวเท่านั้น ก่อนที่จะไม่สามารถก้าวต่อไปได้อีกแม้แต่นิดเดียว
อาชีพขั้นห้านั้นแข็งแกร่งกว่าอาชีพขั้นสี่อย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ผู้เล่นขั้นห้าอย่างซือเฟิงจะสามารถทำเรื่องนี้ได้ง่ายดายจนเหมือนแรงกดดันจากประตูแห่งความมืดนั้นไม่มีอยู่จริง ….

เธอนั้นรู้ดีว่ายิ่งเข้าใกล้ประตูแห่งความมืดมากเท่าไหร่ แรงกดดันที่จะต้องเผชิญมันก็จะยิ่งน่ากลัวและมีมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งในเวลานี้นั้นเธออยู่ข้างหลังซือเฟิง โดยอยู่ห่างมากกว่าสามสิบก้าว โดยแม้ช่องว่างระหว่างขั้นสี่กับขั้นห้าจะยิ่งใหญ่มากๆ แต่แบบนี้มันก็เป็นไปไม่ได้แน่นอน ….

ในเวลานี้นั้นนอกเหนือจากไฟเออร์แดนซ์แล้ว ทุกคนที่เห็นซือเฟิงไปยืนอยู่ตรงหน้าประตูแห่งความมืดก็ล้วนมองไปยังซือเฟิงอย่างสงสัยมากๆ เพราะเท่าที่ดูจากท่าทีของซือเฟิงแล้ว มันดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากประตูแห่งความมืดเลย

“ทำได้ยังไงหรอ ?” ซือเฟิงมองไปที่เหล่าผู้คนที่อยากรู้อยากเห็นด้วยรอยยิ้มจางๆ “แน่นอนว่าฉันก็แค่เดินตรงมาตรงนี้ แต่จะพูดให้แม่นยำก็คือฉันใช้ทักษะบางอย่างช่วยน่ะ ….”

“ทักษะ ?” สมาชิกของสภาสิบแปดปีกทุกคนตกตะลึงไปชั่วขณะ

เนื่องจากพวกเขาไม่เห็นความผิดปกติใดๆเลยในการก้าวของซือเฟิง และซือเฟิงก็เดินผ่านแรงกดดันที่น่ากลัวนี้ไปด้วยท่าทีที่ปกติมากๆ ดังนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไงที่ซือเฟิงจะใช้ทักษะบางอย่างต่อต้านแรงกดดันนี้ได้แบบสบายๆอย่างที่เขาแสดงออกมา ?

ขณะเดียวกันตอนนี้จักรพรรดิอสูรก็จ้องมองไปยังซือเฟิงที่ยืนอยู่หน้าประตูแห่งความมืดราวกับว่าเขาได้เห็นผี

“ไม่ ! เป็นไปไม่ได้ !! คุณเป็นใครกันแน่ ?!!”

“คุณเชี่ยวชาญทักษะแบบนั้นได้ยังไงกัน ?!!”

มันมีวิธีพิเศษที่จะใช้เข้าใกล้ประตูแห่งความมืดได้ แต่เขาก็ไม่เคยบอกใครเลยเกี่ยวกับวิธีพิเศษนี้ ใน God domain ตอนนี้มันควรจะมีแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้วิธีนี้

และแม้ว่าจะรู้วิธีพิเศษ แต่หากปราศจากพรจากเทพปีศาจ แม้แต่ผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของขั้นสี่ก็ยังยากจะเข้าใกล้ประตูแห่งความมืดได้

ซือเฟิงนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองมายังจักรพรรดิอสูร เมื่อได้ยินคำถามของเขา ….

“มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะใช้ทักษะบางอย่างเพื่อให้ตัวเองเข้าใกล้ประตูแห่งความมืดนี้ได้ แต่คุณคงไม่คิดหรอกนะว่าไอ้ทักษะบางอย่างที่ว่า ซึ่งก็คือการใช้กฎ และความสัมพันธ์กับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ขั้นพื้นฐานจะเป็นลักษณะเฉพาะแค่ของวิหารเทพปีศาจของคุณ ?”

หลังจากที่เขาได้เห็นประตูแห่งความมืดในห้องลับ และเห็นสภาพของไฟเออร์แดนซ์กับคนอื่นๆที่พยายามจะเข้าใกล้มันนั้น เขาก็รู้ถึงสิ่งหนึ่งได้ทันที ….

นั่นคือห้องลับนี้มันเหมือนกับพื้นที่พิเศษในการทดสอบของมังกรศักสิทธิ์ที่เขาเคยเจอมา ซึ่งพื้นที่พิเศษทั้งสองแห่งนี้ก็มีสิ่งที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ พื้นที่ทึบ !!

ในพื้นที่พิเศษในการทดสอบของมังกรศักสิทธิ์นั้น เนื่องจากมันไม่มีอะไรเลย ผู้เล่นจึงจำเป็นจะต้องใช้ธาตุเวทย์มนต์เพื่อซ่อมแซม และสร้างสะพานที่หักขึ้นใหม่ ในขณะที่พื้นที่ภายในห้องลับนั้นตรงกันข้าม เพราะธาตุเวทย์มนต์ที่นี่มันดูค่อนข้างจะโกลาหลและวุ่นวายมากๆ และยิ่งอยู่ใกล้กับประตูแห่งความมืดมากเท่าไหร่ ธาตุเวทย์มนต์มันก็จะยิ่งโกลาหล และวุ่นวายมากขึ้นเท่านั้น โดยโจทย์ที่ผู้เล่นต้องทำ หากต้องการจะเข้าใกล้ประตูแห่งความมืดให้ได้นั้นมันก็ง่ายมากๆ ซึ่งมันก็คือการทำให้ธาตุเวทย์มนต์ทั้งหมดนี้กลับสู่สภาพเดิม และทำให้มันหายวุ่นวายกับโกลาหล

และพูดกันโดยพื้นฐานแล้ว นี่มันก็คือการทดสอบความเข้าใจถึงกฎ และความสัมพันธ์กับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ของผู้เล่นนั่นเอง

ซึ่งสำหรับซือเฟิงที่เคยผ่านการทดสอบของมังกรศักสิทธิ์ที่ยากกว่านี้มาแล้ว การทดสอบแบบนี้ของประตูแห่งความมืดในห้องลับ มันจึงเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆเลยสำหรับเขา

“แต่ก่อนอื่น ฉันขอให้ทุกคนลืมเรื่องดินแดนลับของเทพปีศาจไปก่อน เพราะท้ายที่สุดห้องลับนี้มันก็นับเป็นดินแดนศักสิทธิ์แห่งการฝึกเช่นกัน เนื่องจากทุกคนจำเป็นจะต้องมีความเข้าใจถึงกฎ และมีความสัมพันธ์กับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ของตัวเองดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียวจึงจะเดินเข้าใกล้ประตูแห่งความมืดมาได้ ….” ซือเฟิงมองไปยังพื้นที่ในห้องลับทั้งหมด และกล่าวอย่างมีความสุขว่า “เดิมทีฉันคิดว่าจะหาวิธีฝึกให้พวกคุณในเรื่องนี้พอดี แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่จำเป็นแล้ว !!!”

เมื่อทำความเข้าใจถึงกฎการใช้งาน และความสัมพันธ์ของตัวเองกับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ได้ดีถึงระดับหนึ่งแล้ว นอกเหนือจากผู้เล่นจะสามารถเข้ามาใกล้ประตูแห่งความมืดได้ มันก็ยังมีผลประโยชน์อยู่อีกอย่างหนึ่งด้วย ซึ่งนั่นก็คือมันจะทำให้ผู้เล่นมีสิทเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นห้าได้ง่ายขึ้น ดังนั้นซือเฟิงจึงสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าห้องลับนี้มันเป็นดินแดนศักสิทธิ์แห่งการฝึกในเรื่องนี้อย่างแท้จริง

เมื่อจักรพรรดิอสูรได้ยินคำพูดและคำอธิบายทั้งหมดของซือเฟิง เขาก็เป็นลมไปในทันที ….

อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ไม่ได้ให้ความสนใจใดๆกับจักรพรรดิอสูร เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจจริงๆคือประตูแห่งความมืดตรงหน้าเขาต่างหาก ….

ประตูแห่งความมืดนี้เป็นประตูสีดำสนิทที่มีความสูงห้าเมตร และกว้างสองเมตร โดยซือเฟิงนั้นก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าประตูนี้ทำจากวัสดุอะไร และเมื่อประตูเปิดออกนั้น ซือเฟิงก็สังเกตเห็นกระแสน้ำวนสีดำที่แผ่ออร่า Divine Might ที่รุนแรงออกมา ซึ่งจากที่ซือเฟิงสัมผัสนั้นมันมีความเป็นไปได้สูงมากเลยว่าผู้เล่นที่อยู่ต่ำกว่าขั้นสี่จะไม่สามารถก้าวเข้ามาที่นี่ได้

หลังจากที่ซือเฟิงใช้สกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำตรวจสอยประตูตรงหน้า ข้อมูลของมันก็ได้ปรากฎขึ้นมา ….

(ดินแดนลับของเทพปีศาจ) (ดินแดนลับระดับพระเจ้าเหมาะสำหรับเลเวล 150-200)

“ช่างเป็นดินแดนลับที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ !!!” ซือเฟิงที่ได้เห็นข้อมูลของดินแดนลับของเทพปีศาจอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา

และตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนแรกจักรพรรดิอสูรถึงไม่กลัวว่าเขาจะได้รับดินแดนลับของเทพปีศาจไป

ใน God domain ดินแดนลับนั้นก็เป็นเหมือนกับดันเจี้ยน ยิ่งมีเลเวลสูงเท่าไหร่ การเข้าไปโจมตีและเก็บเกี่ยวมันก็จะยิ่งทำได้ยากขึ้นเท่านั้น ซึ่งดินแดนลับระดับพระเจ้านั้นก็นับเป็นความยากสูงสุด และอันตรายที่สุดของดินแดนลับแล้ว และเท่าที่เขารู้ทั่วทั้ง God domain นั้นมันก็มีดินแดนแบบนี้อยู่ไม่ถึงสิบแห่งเลย

โดยในดินแดนลับแบบนี้นั้น แม้แต่พวกขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าก็ยังมีสิทจะตายได้ หากประมาท !!!

อย่างไรก็ตามดินแดนลับระดับพระเจ้า เลเวล 150-200 แบบนี้นั้นก็เป็นสถานที่ที่กองกำลังนับไม่ถ้วนล้วนใฝ่ฝันจะเข้าไป และมันก็เป็นสถานที่ที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าต้องการจะเข้าไปอย่างถึงที่สุด

เพราะในดินแดนลับนี้นั้นมันมีเบาะแสสำหรับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นหกของพวกเขา !!!

เมื่อได้ก้าวมาถึงขั้นห้าแล้ว มันจะมีผู้เล่นสักกี่คนกันที่ไม่อยากเลื่อนขั้นไปเป็น
ขั้นหก ?

ด้วยเหตุนี้ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง เมื่อมีการค้นพบดินแดนลับระดับพระเจ้าแบบนี้นั้น มหาอำนาจต่างๆจึงพร้อมจะทุ่มทุกอย่างเพื่อทำสงครามแย่งชิงดินแดนลับนี้กันเลย

“ดูเหมือนว่าเมืองหินโบราณนั้นจะต้องได้รับการปกป้องอย่างดีที่สุด ….” ซือเฟิงมองไปที่ดินแดนลับของเทพปีศาจตรงหน้าเขา และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

ในตอนแรกเขาคิดจะใช้เมืองหินโบราณเป็นแนวป้องกันการรุกรานของกองกำลังจากโลกอื่นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกนั้นมีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งเมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับโลกอื่นขนาดใหญ่ทั้งโลกนั้น พวกเขาก็จะสามารถปกป้องไว้ได้แค่เมืองกิลทั้งหมดของพวกเขาเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงจำเป็นจะต้องเพิ่มเมืองหินโบราณเข้าไปในสมการเรื่องนี้ด้วย และเขาก็รู้ดีว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะป้องกันเมืองหินโบราณไว้ให้ได้ เนื่องจากโครงสร้างการป้องกันของเมืองนั้นได้ถูกทำลายลงไปแทบทั้งหมดแล้ว นี่ยังไม่นับตัวเมืองที่เหลือแต่เศษซากปรักหักพังอีก

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะพูดยังไง ตอนนี้เขาก็ต้องป้องกันเมืองหินโบราณเอาไว้ให้ได้ เพราะดินแดนลับของเทพปีศาจ เลเวล150-200 นั้นมันสำคัญมากๆ ซึ่งหากเขายอมปล่อยให้มันหลุดมือไป เขาก็ไม่รู้ว่าชั่วชีวิตนี้ เขาจะได้ค้นพบอะไรแบบนี้อีกทีเมื่อไหร่

แถมในอนาคต เขาก็น่าจะต้องพึ่งพาดินแดนลับแห่งนี้เพื่อช่วยให้เขาเลื่อนขั้นเป็นขั้นหกด้วย ….

เมื่อสภาสิบแปดปีกถ่ายโอนไอเทมทั้งหมดจากคลังกิลของมือแห่งนักบุญไปยังคลังกิลของตัวเองเสร็จสิ้น ซือเฟิงก็ได้อธิบายรายละเอียดคร่าวๆถึงวิธีการใช้ห้องลับนี้ฝึก และผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการฝึกให้ไฟเออร์แดนซ์กับคนอื่นๆฟัง

และหลังจากนั้นเวลาสี่ชั่วโมงก็ผ่านไป ซึ่งนี่มันก็ทำให้โทเค่นลอร์ดผู้ปกครองเมืองหินโบราณนั้นถูกผูกมัดเข้ากับซือเฟิงอย่างสมบูรณ์ พร้อมกันนั้นเสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้น

ระบบ : ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นที่ได้เป็นเจ้าของเมืองหินโบราณคนใหม่ คุณต้องการจะสร้างเมืองหินโบราณขนาดใหญ่ขั้นสูงขึ้นมาใหม่หรือไม่ ?

“ต้องการ !!” ซือเฟิงเลือกอย่างไม่ลังเล

ระบบ : ตรวจพบดินแดนลับระดับพระเจ้า คุณต้องการจะรวมดินแดนลับนี้เข้ากับเมืองหินโบราณขนาดใหญ่ขั้นสูงด้วยหรือไม่ ?