บทที่ 2053 – ตระกูลจ้านมาเยือน ปีใหม่กลับมาอีกครั้ง

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 2053 – ตระกูลจ้านมาเยือน ปีใหม่กลับมาอีกครั้ง
  เหล่าคนของตระกูลจี๋ต่างก็ได้รับเหรียญตราระดับสูงสุดจากภัตตาคารหยกรัญจวน ในแต่ละวันพวกเขาจะได้รับประทานอาหารรสเลิศ และเมื่อเป็นเช่นนี้นั่นก็หมายความว่าในอนาคตถ้าหากพวกเขาติดใจในรสชาติอาหารพวกเขาจะต้องกลับมาที่นี่อย่างแน่นอน ต่อให้จี๋อี้หลายได้รับการรักษาจนหายขาดแล้วก็ตาม
  ตระกูลจี๋คือขุมกำลังแรกที่ชิงสุ่ยให้การรักษาตามแผนการบรรลุสู่หมอปฏิหารย์ เขาลงมือบันทึกตำราเล่มหนึ่ง โดยในวันที่วันนี้ได้มีการกล่าวถึงตระกูลจี๋ รวมไปถึงวิธีการการรักษาจี๋อี้หลาย
  ชิงสุ่ยใช้เวลาตลอดทั้งคืนเพื่อที่จะหลอมเหรียญตราขึ้นมา 1 เหรียญ โดยบนเหรียญตรานั้นมีคำสลักอยู่ซึ่งเป็นคำว่า
  ชิง!!
บทที่ 2053 – ตระกูลจ้านมาเยือน ปีใหม่กลับมาอีกครั้ง
  เหล่าคนของตระกูลจี๋ต่างก็ได้รับเหรียญตราระดับสูงสุดจากภัตตาคารหยกรัญจวน ในแต่ละวันพวกเขาจะได้รับประทานอาหารรสเลิศ และเมื่อเป็นเช่นนี้นั่นก็หมายความว่าในอนาคตถ้าหากพวกเขาติดใจในรสชาติอาหารพวกเขาจะต้องกลับมาที่นี่อย่างแน่นอน ต่อให้จี๋อี้หลายได้รับการรักษาจนหายขาดแล้วก็ตาม
  ตระกูลจี๋คือขุมกำลังแรกที่ชิงสุ่ยให้การรักษาตามแผนการบรรลุสู่หมอปฏิหารย์ เขาลงมือบันทึกตำราเล่มหนึ่ง โดยในวันที่วันนี้ได้มีการกล่าวถึงตระกูลจี๋ รวมไปถึงวิธีการการรักษาจี๋อี้หลาย
  ชิงสุ่ยใช้เวลาตลอดทั้งคืนเพื่อที่จะหลอมเหรียญตราขึ้นมา 1 เหรียญ โดยบนเหรียญตรานั้นมีคำสลักอยู่ซึ่งเป็นคำว่า
  ชิง!!   ในอนาคต ใครก็ตามที่ถือเหรียญจะได้รับความช่วยเหลือจากขุมกำลังที่ติดหนี้บุญคุณชิงสุ่ยโดยไม่มีข้อยกเว้น
  “การเดินทางย่อมเริ่มต้นที่ก้าวแรกเสมอ”ชิงสุ่ยหลังเริ่มแผนการของเขา ซึ่งตระกูลจี๋ก็มีค่ามากพอที่จะมีชื่ออยู่ในรายชื่อผู้ที่ติดนี่บุญคุณของเขา ในอนาคตการจะอยู่รอดในโลกเก้ามหาทวีปที่แท้จริงจำเป็นต้องมีขุมกำลัง มันคือจุดเริ่มต้นที่เขาจะต้องตามหาผู้ที่มีคุณสมบัติมากพอจะคอยช่วยเหลือเขา
  ครึ่งเดือนผ่านไปอ่างสมบัติของชิงสุ่ยได้พัฒนาไปถึงระดับที่สาม จากผลของพลังที่เพิ่มขึ้นควรจะเป็น 30 ส่วนมันกลายเป็น 40 ส่วนแทน ชิงสุ่ยยินดีเป็นอย่างมากและตั้งข้อสันนิษฐานว่าในระดับขั้นต่อไปจะเพิ่มพูนขึ้นเป็นสองเท่าของขั้นก่อนหน้า
  ช่วงตลอดเวลาที่ผ่านมาความแข็งแกร่งของอสูรแมงมุมมังกรก็ยังคงเพิ่มขึ้น มันได้รับประโยชน์มหาศาลจากการดูดซับพลังของแก่นแท้จากตัวอสุรกายขนาดยักษ์ใต้น้ำ แม้ว่าอสูรแมงมุมมังกรจะมีรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปไม่มาก ความสามารถหลายตัวหลายอย่างได้ถูกปรับเปลี่ยนไป
  มันคือเหตุผลที่ชิงสุ่ยรู้สึกปลอดภัย เมื่อมันปลดปล่อยด้ายแมงมุมที่น่าเกรงขามออกไปแล้ว ต่อให้เป็นอสูรที่แข็งแกร่งกว่าสุดท้ายพวกมันก็จะถูกด้ายพิษกักกันจนตาย แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือมันสามารถเผชิญหน้ากับศัตรูจำนวนมากในแต่ละครั้งได้อย่างไม่มีเกรงกลัว
  ในบรรดาข้ารับใช้ของอสูรแมงมุมมังกรก็มีอยู่หลากหลายชนิด บางตัวก็เป็นประเภทที่พร้อมจะระเบิดพลีชีพเพื่อเจ้านาย ในขณะที่บางตัวก็แข็งแกร่งจนกลายมาเป็นหนึ่งในสมุนแนวหน้า หากจะพูดว่าความแข็งแกร่งของมันเมื่อได้รับการเสริมพลังจากอสูรแมงมุมมังกรจะเทียบเท่ากับอสูรหมีทลายเหมันต์ก็คงจะไม่เกินจริงเกินไป
  เหล่าบริวารของอสูรแมงมุมมังกรทุกตัวสามารถยิ่งใยออกมาได้ เส้นใหญ่ของพวกมันก็มีสภาพเหนียวเหมือนของเหลวกึ่งของแข็งความเหนียวของมันทำหน้าที่ในการลดความเร็วศัตรูนอกจากนี้พิษของมันจะทำให้ศัตรูเป็นอัมพาตเล็กน้อย ถ้าหากศัตรูถูกโจมตีด้วยใยจำนวนมาก ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะกลายเป็นผลลัพธ์ที่น่ากลัว
  เช้าวันนี้ชิงสุ่ยก็ได้ทำการรักษาจี๋อี๋หลายจนเสร็จสิ้น จี๋อี้หลายฟื้นตัวจนเต็มที่แล้ว ชิงสุ่ยได้ตรวจสอบร่างกายของเขาซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นเส้นลมปราณ หรือจุดตันเถียน ทุกอย่างล้วนฟื้นฟูสมบูรณ์
  สำหรับจี๋อี๋หลาย นี่คือเรื่องมหัศจรรย์ใครจะไปคิดว่าหมอปาฏิหาริย์จะอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆอย่างเมืองรุ้งครามแถมยังเป็นเพียงชายหนุ่มอายุน้อยอีกต่างหาก
  หลังจากผ่านไปชิงสุ่ยก็เริ่มคุ้นเคยกับคนของตระกูลจี๋มากขึ้น โดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาจะต้องเจจอหน้ากันทุกวัน เมื่อใดก็ตามที่ชิงสุ่ยว่าง เขาก็จะแวะเวียนไปนั่งดื่มชา สนทนาเรื่องต่างๆ ตอนนี้พวกเขาจึงถือว่าเป็นคนรู้จักกัน เพียงแต่จากข้อตกลงเงื่อนไขที่ได้ให้ไว้แต่แรก การที่พวกเขาจะกลายมาเป็นเพื่อนกันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
  ทันทีที่ชิงสุ่ยดึงเข็มออก ความโกลาหลก็เกิดขึ้นจากข้างนอก ผู้คนจำนวนมากมุ่งหน้าเข้ามาภายในหอคอยจักรพรรดิ
  ชิงสุ่ยขมวดคิ้วรีบเดินออกไป
  กลุ่มคนที่เข้ามาภายในหอคอยจักรพรรดิเริ่มทำการกักตัวผู้ที่ทำงานอยู่ภายในในสถานที่แห่งนี้ ในขณะเดียวกันชาววัยกลางคนก็ตะโกนด้วยความโกรธ “ชิงสุ่ย โผล่หัวออกมา”
  “ข้าชิงสุ่ย!! ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”ชิงสุ่ยจ้องมองไปที่ชายผู้ที่กำลังตะโกนและกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ
  ชิงสุ่ยสังเกตเห็นกลุ่มคนที่เข้ามามีประมาณ 20 คนและแต่ละคนก็มีความแข็งแกร่งพอสมควร จากตรงนี้เขาพอจะยืนยันภูมิฐานของคนเหล่านี้ได้ ทั้งหมดน่าจะมาจากตระกูลจ้าน  “เจ้าคือชิงสุ่ย คนที่ทำร้ายจ้านเฉิงใช่หรือไม่?”ชายคนนั้นจ้องมองชิงสุ่ย
  “จนถึงตอนนี้ข้าก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องใดๆเกี่ยวกับจ้านเฉิง แต่ข้ารู้ว่าข้าทุบตีขยะจากตระกูลจ้าน มีอะไรผิดปกติหรือ เจ้ามาที่นี่เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับเขาใช่หรือไม่?”ชิงสุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย
  “เจ้าคือเหตุผลที่ทำให้ข้าต้องมาอยู่ที่นี่ไอ้หน้าโง่!! เจ้าคงมีชีวิตอยู่นานเกินพอแล้วถึงได้กล้าทำร้ายคนจากตระกูลจ้าน!!”สายตาของชายวัยกลางคนที่จ้องมองชิงสุ่ย มันเหมือนกับสายตาที่กำลังมองดูคนตาย
  “ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินตระกูลจ้านมากเกินไปมาโดยตลอด ถึงได้มาต่อสู้เพียงเพื่อขยะอย่างเขา!! คนของตระกูลจ้านเอ่ย เจ้าไม่คิดว่าตัวเองประเมินตระกูลของตนสูงส่งเกินไปหน่อยหรือ?”ชิงสุ่ยจ้องมองชายวัยกลางคนด้วยท่าทางเหยียดหยาม
  “ท่านหมอปาฏิหาริย์ชิง ถ้าหากข้าจำไม่ผิด พวกเขากำลังละเมิดข้อตกลงของตนเองที่ทำให้ตระกูลจ้านได้กลายมาเป็นหนึ่งในกำลังที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนฟ้าอุดร”ในขณะเดียวกัน จี๋อี๋ซวนก็เดินเข้ามา
  “ลุงจี๋….”ชายวัยกลางคนตัวแข็งทื่อทันทีที่เห็นจี๋อี๋ซวน
  “ตระกูลจี๋ของข้าติดหนี้บุญคุณท่านหมอปาฏิหาริย์ชิง เพียงแค่เจ้ากลับไปแล้วหยุดใช้ชื่อตระกูลจ้านซะ ข้าจะไม่เอาเรื่อง ถ้าหากชายชราตระกูลจ้านรู้เรื่องในสิ่งที่พวกเจ้ากำลังทำ ข้ามั่นใจว่าเขาจะต้องลงมือสังหารพวกเจ้าทั้งหมดด้วยตัวเอง “จี๋อี๋ซานส่ายหน้า
  “ท่านลุงจี๋ พวกเราจะรีบจากไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย ท่านลุงจี๋ ครั้งหน้าข้าหวังว่าพวกเราจะได้จิบชาด้วยกัน”ชายวัยกลางคนนำพาคนของเขาทั้งหมดจากไปในทันที
  ในตอนแรก ชิงสุ่ยตั้งใจจะเคลื่อนไหวครั้งใหญ่และต่อสู้กับตระกูลจ้าน อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่คิดว่าทุกอย่างจะคลี่คลายได้ง่ายดายขนาดนี้ ดังนั้น ลึกในใจของเขาก็ย่อมต้องมีความสุข มันคงจะเป็นเรื่องดีถ้าหากเขาจะไม่สร้างศัตรูในทุกพื้นที่ เมื่อถึงเวลาที่เขาพัฒนาไปอีกระดับ ศัตรูก็จะไม่กล้ามาเป็นศัตรูกับเขา
  ตระกูลจี๋ไม่ได้พูดอะไรต่อ
  วันเวลาผ่านไปเร็วมาก จี๋อี้หลายซื้อตัวจะสมบูรณ์ จี๋อี้ซวนและคนอื่นๆจึงกล่าวคำอำลาชิงสุ่ย “คุณชายชิง ส่งจดหมายหาพวกเราได้ตลอดเวลาที่ท่านต้องการ พวกเราจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยท่านตามที่ท่านขอ”
  หลังจากได้เห็นดวงตาอันแสนจริงใจและซื่อสัตย์ ชิงสุ่ยก็พยักหน้าตอบรับ
  ………………
  6 เดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยยังคงอาศัยอยู่ในหอคอยจักรพรรดิตลอดเวลา ที่ผ่านมาเขาได้รักษารายชื่อที่เขาต้องการไปถึง 2 คน การที่มีคนติดหนี้บุญคุณเขาถึง 2 ครั้งย่อมทำให้เขาพึงพอใจ
  ในช่วงวันปีใหม่ อวี้ซีหยวนตั้งใจจะกลับไปที่บ้านของเธอเพื่อฉลองงานปีใหม่กับครอบครัว เธอเองก็พยายามเชิญชิงสุ่ยให้ไปร่วมงาน แต่สุดท้ายชิงสุ่ยก็ปฏิเสธ ตอนนี้เขามองว่าหอคอยจักรพรรดิก็เป็นบ้านอีกหลังนึงของเขาแล้ว
  ทั้งเสือใหญ่และแม่ของเขาเองก็อยู่ที่นี่ ตอนนี้เสือใหญ่จะพัฒนาฝีมือจนกลายเป็นหมอที่มีชื่อเสียง ชิงสุ่ยสอนให้เขาเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการสกัดจุด วิธีการรักษาห่วงวิญญาณ ตราบใดที่เขาสามารถวินิจฉัยโรคของผู้ป่วยราย เขาก็จะสามารถสั่งยาทุกอย่างได้ นั่นจึงทำให้การรักษาอาการบาดเจ็บส่วนใหญ่สำหรับเขาไม่มีปัญหาเลย
  ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มฝึกฝนวิธีการฝังเข็มจากชิงสุ่ย เนื่องจากมีข้อจำกัดบางอย่าง ทำให้เขาไม่อาจเรียนรู้ได้เทียบเท่ากับชิงสุ่ย อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้ก็มากพอที่จะทำให้เขากลายเป็นหมอที่สมบูรณ์แบบประจำหอคอยจักรพรรดิ
  เสือใหญ่ได้รับโอกาสในการเรียนรู้มากมาย เขารู้สึกขอบคุณชิงสุ่ยสุดขั้วหัวใจ เขาอยากจะขอเป็นลูกศิษย์ของชิงสุ่ย แต่เขาก็รู้ตัวว่าเขามีคุณสมบัติไม่พอ เขาจะไม่มั่นใจ ตราบใดที่ชิงสุ่ยไม่กล้าถามเขาเรื่องนี้เขาก็จะไม่กล้าแม้แต่จะพูด
  อย่างไรก็ตาม ก่อนปีใหม่จะมาถึง เสือใหญ่ก็ได้รวบรวมความกล้ากล่าวขอกับชิงสุ่ยโดยตรง “ข้าอยากจะมีอาจารย์ แต่ลึกๆในใจของข้าก็กลัวจะทำท่านอับอาย ดังนั้น ข้าจึงไม่เคยคิดว่าจะขอท่านโดยตรง…..”
  เสือใหญ่คุกเข่าลงตรงหน้าชิงสุ่ย ในตอนแรกเขาเองก็ไม่กล้า แต่อวี้ซีหยวนเป็นคนพูดเชิญชวนเขาด้วยตัวเอง ทั้งยังแนะวิธีปลอบใจ และช่วยโน้มน้าวชิงสุ่ย
  “ชิงสุ่ย รับเสือใหญ่เป็นลูกศิษย์ของท่านเถอะ ดูตัวเขาสิ เขาทุ่มเททำงานหนักและจริงจังกับทุกอย่าง ถึงตอนนี้ มันเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆแต่เขาก็ยังบรรลุไปถึงระดับหมอผู้มีชื่อเสียง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ท่านจะได้เจอคนแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ท่านจะได้สั่งสอนเขาตั้งแต่พื้นฐาน มันเป็นอะไรที่คุ้มค่าน่าดู”อวี้ซีหยวนกล่าวโน้มน้าวชิงสุ่ย
  ในที่สุดชิงสุ่ยก็รับเสือใหญ่มาเป็นลูกศิษย์ นั้นจึงทำให้เขากลายเป็นลูกศิษย์คนที่สามของชิงสุ่ย
  วันปีใหม่ใกล้กระชั้นชิด อวี้ซีหยวนแยกตัวกลับบ้าน ชิงสุ่ยได้กลิ่นวันปีใหม่หนักขึ้นเข้าไปทุกที เขาเองก็เริ่มคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่ ภรรยาและลูกของเขา…..