ตอนที่ 2025 ดวงแสงกับไอสีเขียว

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

กระบี่บินที่เปล่งไอมารอันน่าตกใจเล่มนี้ ย่อมเป็นของที่ยึดได้จากหนึ่งในจอมมารจำนวนมากที่ถูกหานลี่สังหารระหว่างทำศึกในแดนวิญญาณ

มันไม่มีประโยชน์สำหรับหานลี่ เขาจึงทำทีใจกว้างตามสถานการณ์ หยิบออกมาแลกกับหินแร่ในมือ

“ขอบน้ำใจผู้อาวุโส! โลหะประหลาดก้อนนี้ ผู้น้อยแลกมาจากมือของสหายผู้หนึ่งเมื่อไม่นานมานี้เอง แต่ก่อนหน้านี้ก็คล้ายเปลี่ยนมือมาหลายครั้งแล้ว อาจยากที่จะตรวจสอบแหล่งดั้งเดิม” มารอ้วนเตี้ยรับกระบี่บินมา หลังจากใช้จิตสัมผัสตรวจตราดู ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นประหลาดใจยิ่ง พลางกล่าวขอบคุณหานลี่ติดต่อกัน

เมื่อครู่ที่เขาบอกกับมารเผ่ากีบดำว่าจะแลกกับอาวุธอาคมชั้นยอดหนึ่งชิ้น ย่อมมีความโลภอยู่บ้าง แต่ตอนนี้กลับแลกมาอยู่ในมือได้จริงๆ แค่คิดก็รู้แล้วว่าเบิกบานใจเพียงใดแล้ว

ของวิเศษชั้นยอดชิ้นหนึ่ง สำหรับผู้ซึ่งดำรงอยู่ในระดับเทพแปลงอย่างเขานั้น ยากที่จะได้มาครอบครอง

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ช่างเถอะ โลหะประหลาดก้อนนี้น่าจะเพียงพอต่อการใช้สอยของข้าแล้ว” หานลี่ขมวดคิ้ว ก่อนตอบแบบสบายๆ กลับทันที

พูดจบ เขาก็ไม่คิดแช่อยู่ที่นี่นาน หันกายเดินจากไปเอง

เดิมทีมารอ้วนเตี้ยยังคิดฉวยโอกาสตีสนิท แต่พอเห็นเช่นนี้ ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่แสดงท่าทีน้อมส่งอย่างเจียมตัว

เมื่อได้ของแล้ว ความคิดเดิมที่จะรีบจากไปของหานลี่ ย่อมถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

ในสองชั่วยามให้หลัง เขาก็สำรวจสิ่งของทั้งหมดบนแผงลอยที่เหลือในถนนทั้งสายอย่างถ้วนถี่ และพบยาวิญญาณสองชนิดที่ไม่มีในแดนวิญญาณจริงๆ ทำให้เขารวบรวมวัตถุดิบที่สามารถนำมาปรุงเป็นโอสถสงบจิตใจชนิดหนึ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์

โดยถ้ากินโอสถชนิดนี้ขณะฝึกวิชา จะเพิ่มประสิทธิภาพในการรู้แจ้งเห็นจริงขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นประโยชน์ไม่น้อยในระยะยาวจริงๆ

ซึ่งสูตรของโอสถชนิดนี้ หานลี่มีมานานแล้ว ขาดแต่สมุนไพรวิญญาณสองชนิดที่สูญพันธุ์ไปจากแดนวิญญาณนานแล้ว จึงไม่สามารถปรุงออกมาได้สักที

เมื่อหานลี่ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ก็ออกจากถนนสายนี้ เข้าไปดูในร้านรวงที่อยู่ใกล้ๆ อีกอย่างอิ่มเอมใจ

เสียดาย ของที่วางขายในร้านค้าเหล่านี้ กลับพุ่งเป้าไปที่ของใช้สำหรับมารชั้นสูงแทบทั้งสิ้น จึงไม่พบของอะไรที่มีค่าสำหรับเขาอีก

และขณะนี้ ท้องฟ้าก็ค่อยๆ มืดค่ำลง คนเดินถนนจึงลดลงอย่างรวดเร็ว ร้านค้าทยอยกันปิดร้าน ไม่รับลูกค้าอีก ท่าทางเหมือนกำลังเข้าสู่สภาวะกฎอัยการศึก

หานลี่สุ่มเจอที่พักที่พอจะพักค้างคืนได้แห่งหนึ่ง จึงเหมาห้องเดี่ยวที่มีความเป็นส่วนตัวสูงไว้พักอาศัยชั่วคราวห้องหนึ่ง

หลังจากวางเขตต้องห้ามหลายชั้นไว้ในห้อง ค่อยวางใจนำโลหะประหลาดที่ได้เมื่อตอนกลางวันออกมา พินิจพิเคราะห์เงียบๆ อยู่ตรงหน้า

เป็นวัตถุที่มีความมันวาว แต่พื้นผิวยุบๆ นูนๆ ไม่เรียบเป็นอย่างยิ่ง

ที่แปลกก็คือ ไม่เพียงเปล่งไอมารเข้มข้นออกมาตลอด ยังมีไอวิญญาณบริสุทธิ์เป็นสายๆ ผสมอยู่ด้วย

นี่กลับเป็นวัตถุดิบหายากชิ้นหนึ่งที่ไอวิญญาณกับไอมารผสานเข้าด้วยกันได้

แต่ที่หานลี่ซื้อหินแร่ก้อนนี้มา กลับมิใช่เพียงเพราะจุดนี้

หลังจากครุ่นคิดสักพัก เขาพลันโยนหินแร่ออก ให้ลอยอยู่กลางอากาศตรงหน้า แล้วใช้นิ้ววาดลงตรงที่ว่าง

เสียงดัง พรึ่บ!

แสงสีเขียวสายหนึ่งกะพริบวาบแล้วหายไป หินแร่ดำขาวถูกตัดแบ่งครึ่งอย่างไร้สุ้มเสียง ของสิ่งหนึ่งซึ่งมีขนาดเท่าเม็ดถั่วตกลงมา

มือเดียวทำท่าคว้าจับฉับพลัน พละกำลังไร้รูปสายหนึ่งม้วนออก เก็บของที่รั่วออก ไว้ในมือทันที

หานลี่เพ่งมอง กลับเป็นของที่มีลักษณะแบบลูกปัดผลึกสีเทาขุ่น

“เนตรวิญญาณดูไม่ผิด ด้านในมีของอีกอย่างซ่อนไว้จริงๆ แค่ไม่รู้ว่ามีประโยชน์กับข้าหรือไม่ ต้องพิสูจน์ดูสักหน่อย”

พอหานลี่จับลูกปัดผลึกเล่นดูสักพัก ก็พึมพำพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ค่อยใช้จิตสัมผัสตรวจดูด้านใน

จากนั้น เขาพลันหน้าเปลี่ยนสี ขว้างลูกปัดผลึกในมือออกทันที

เสียง ‘ตูม’ ดัง ลูกปัดผลึกที่พุ่งออกพลันส่งเสียงดังกัมปนาท ทำให้พลังปราณอันน่าเกรงขามแผ่ออก และลำแสงสีเทาขาวซึ่งมีความหนาพอๆ กับชามข้าวพุ่งออกจากลูกปัดผลึก วาบแสง แล้วพุ่งชนเขตต้องห้ามที่วางไว้บนเพดานห้อง

ลำแสงฉีกม่านแสงหลายชั้นขาดราวเศษกระดาษ ก่อนชนกับชั้นสุดท้ายของเขตต้องห้ามอย่างแรง ทำให้ลำแสงชะงักเล็กน้อยที่ถูกขวางทางไว้

ขณะลำแสงล่าช้าลง หานลี่ก็เคร่งขรึมลง ร่างสั่นไหว พลันปรากฏตัวเหนือลำแสง แล้วกดฝ่ามือข้างหนึ่งลงไปในที่ว่าง

มือใหญ่สีทองโผล่ออกทันที เปล่งแสงโทนร้อนหลายสาย ต้านลำแสงไว้

แต่หานลี่ก็ยังไม่มีท่าทีผ่อนคลาย นิ้วทั้งห้าสั่นน้อยๆ ระเบิดแสงสีทองแยงตา บีบกันจะๆ ให้ลำแสงสีเทาขาวที่แขนค่อยๆ ถอยออก ด้วยต้านไว้ไม่ได้ทั้งหมด

ใบหน้าของหานลี่แสดงความตกใจขึ้นวาบ แต่ก็รีบตั้งสติ แค่นเสียงเย็นชาออกจากปาก แสงสีทองที่แขนกะพริบวาบ พลันขยายใหญ่ แขนเสื้อขาดออกทีละนิด เผยให้เห็นเกล็ดสีทองอร่ามเป็นชิ้นๆ

แล้วนิ้วทั้งห้าของมือใหญ่สีทองก็ค่อยๆ กำเข้ามา

เสียงคำรามดังกระหึ่ม!

รอบๆ ลำแสงสีเทาขาวพลันก็มีพลังมหาศาลของเขตต้องห้ามเพิ่มขึ้น บีบอัดจนกลายเป็นดวงแสงเส้นผ่านศูนย์กลางไม่กี่ฉื่อหนึ่งลูกในพริบตา และพอวาบ ก็ถูกมือใหญ่สีทองจับเอาไว้

แล้วหานลี่ก็ท่องคาถา พลางดีดเคล็ดวิชาจากนิ้วทั้งสิบเข้าไปในมือใหญ่สีทองต่อเนื่องกันเป็นสาย

พอแขนสีทองพร่ามัว ก็กลายเป็นอักขระยันต์สีทองเป็นเส้นๆ ห่อหุ้มดวงแสงสีเทาขาวไว้ด้านใน

ดวงแสงที่เดิมทีหดขยายไม่หยุด คล้ายแตกออกได้ทุกขณะ ก็เก็บแสงและเงียบลงในพริบตา ไม่มีเสียงใดๆ ดังออกมาอีก

สีหน้าหานลี่ค่อยผ่อนคลายลง พอขยับร่าง ก็กลับไปยืนบนพื้นอีกครั้ง แล้วยกมือขึ้น

ดวงแสงหล่นลง ตกลงไปในฝ่ามือของหานลี่แต่โดยดี

พลังแฝงที่อยู่ในดวงแสงเมื่อครู่ ดูแคลนไม่ได้จริงๆ ขนาดหานลี่มิได้ใช้วิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังเกือบต้านไว้ไม่อยู่ แต่ตอนนี้ท่ามกลางอาคมของเขตต้องห้าม มันกลับเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งสุดจะเปรียบ ดูไม่ออกว่าเมื่อครู่มีความน่าเกรงขามแม้แต่น้อย

หานลี่ใช้มือข้างเดียวพยุงดวงแสงขึ้น จ้องมองพลางขมวดคิ้ว ไม่พูดไม่จา

สำหรับเขาแล้ว พลังอันแข็งแกร่งของดวงแสงค่อนข้างแปลกก็จริง แต่พลังงานที่สร้างมันขึ้นมา ถึงจะเป็นสิ่งที่เขาสนใจมากที่สุด

ก่อนหน้านี้ที่หานลี่ไม่ลังเลใจแม้แต่น้อยในการบีบให้ชาวมารขายโลหะประหลาดจากมือ นอกจากใช้เนตรวิญญาณเห็นของอีกสิ่งหนึ่งที่ดำรงอยู่ในโลหะแล้ว จิตสัมผัสก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความลึกลับสุดๆ ที่อยู่ในนั้นด้วย

คุณค่าของวัตถุชิ้นนี้มองข้ามไม่ได้เป็นอันขาด คล้ายมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อเขาเช่นกัน

เมื่อบำเพ็ญเพียรถึงระดับการดำรงอยู่แบบหานลี่ ย่อมให้ความสำคัญกับการสัมผัสทางวิญญาณสุดจะเปรียบ แม้สัมผัสเหล่านี้เกิดขึ้นน้อยมาก แม่นยำบ้างไม่แม่นยำบ้าง แต่กลับไม่มีผู้ใดละเลย

จิตสัมผัสเมื่อครู่ของเขา แม้สำรวจบนลูกปัดผลึกเพียงนิดเดียว ก็ต้องสะดุ้ง ถอนตัวออก แต่ยังคงสัมผัสได้ถึงของบางอย่าง แต่ถ้าต้องการผลลัพธ์จริงๆ ยังจำเป็นต้องใช้จิตสัมผัสสำรวจดูอีกรอบถึงจะได้

ทว่าพลังงานที่สร้างดวงแสงแปลกประหลาดจริงๆ เหมือนพอจิตสัมผัสธรรมดาสัมผัสได้ ก็เปลี่ยนเป็นรุนแรงไร้ที่เปรียบทันที

ทำให้เรื่องง่ายอยู่แต่เดิม กลายเป็นเรื่องยากขึ้นมา!

ขณะหานลี่เปลี่ยนความคิด พลันสูดหายใจเข้าลึกๆ เผยให้เห็นความเครียดบนใบหน้า ขณะเดียวกันก็ทำการใช้เคล็ดวิชาขับเคลื่อนกับเคล็ดวิชาหลอมจิตวิญญาณพร้อมกัน ทำให้จิตสัมผัสเพิ่มขึ้นกว่าครึ่ง

ต่อด้วยการกะพริบดวงตาสีน้ำเงิน

เสียง ‘พรึ่บ’ ดังลั่น! เส้นใยผลึกที่แทบจะโปร่งใสพุ่งออกจากหว่างคิ้วของเขากิ่งแล้วกิ่งเล่า พอวาบ ทั้งหมดก็หายเข้าไปในดวงแสงสีเทาขาวที่ถูกกักไว้

นี่คือรูปแบบทางกายภาพของจิตสัมผัส ซึ่งมีจำนวนมากกว่าร้อยกิ่ง จะเห็นได้ว่าจิตสัมผัสของหานลี่แข็งแกร่งถึงระดับที่เรียกได้ว่าน่าเกรงขามแล้ว!

พริบตาที่เส้นใยผลึกหายเข้าไป ดวงแสงก็สั่นเล็กน้อย ส่งเสียงต่ำหึ่งๆ ออกมา แสดงวี่แววไม่เสถียรอีก

หานลี่เห็นดังนี้ ก็รีบร่ายอาคมในใจ

อักขระสีทองที่ห่อหุ้มดวงแสงเหล่านั้นพลันเปล่งแสงสว่าง ก่อตัวเป็นตาข่ายสีทองรัดเข้ามา

ดวงแสงที่ยึกยักอยู่แต่เดิม สะเทือนหนึ่งครั้ง ก็คืนสู่ความสงบดังเดิมทันที

หานลี่ที่ค่อนข้างตื่นเต้น พลันวางใจลง หลังจากหลับตา จิตสัมผัสก็เริ่มสำรวจดวงแสงอย่างละเอียด

ผ่านไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาก็แสดงอาการตะลึงงันออกมา แต่หลังจากร้องเสียงต่ำ ก็พลันเปลี่ยนเป็นอาการปีติยินดี ทว่าความปีติยินดีนี้ รักษาไว้ได้เพียงเสี้ยวเวลา สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นงุนงงเล็กน้อย สุดท้ายสีหน้าท่าทางสุขทุกข์ไม่แน่นอน

จึงร่ายอาคมด้วยมือข้างเดียว เสียงแหวกอากาศดังขึ้นอีกครั้ง เส้นใยผลึกทั้งหมดพลันวาบ ดีดตัวหดกลับ

หานลี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แต่คิ้วกลับขมวดแน่น

“ในโลกนี้กลับมีการดำรงอยู่ที่สามารถหลอมรวมไอมารกับไอวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์ เหลือเชื่อจริงๆ หากเป็นเช่นนี้ สิ่งนี้ก็ไม่ว่าธรรมชาติเตรียมไว้สำหรับวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์หรอกหรือ น่าจะไม่จำเป็นต้องหลอมรวม ก็ถูกเปลี่ยนเป็นพลังยุทธ์ในร่างข้าได้อย่างง่ายดาย แต่ในโลกนี้มีเรื่องที่สะดวกและเหมาะสมเช่นนี้จริงๆ หรือ อีกทั้งหนังสือโบราณทุกเล่มก็คล้ายไม่มีบันทึกที่เกี่ยวข้องกัน”

หานลี่พึมพำกับตัวเองขึ้นมา พลางมีท่าทีลังเลใจ

“เอาเถอะ ลองดูก่อนค่อยว่ากัน”

หานลี่ลังเลใจอยู่ไม่นาน ก็ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว

เห็นเพียงเขาท่องคาถาใส่ดวงแสง พลางใช้มือทั้งสองข้างทำท่าไม่หยุด ก่อนจิ้มนิ้วหนึ่งออกไป

ดวงแสงที่ถูกห่อหุ้มด้วยอักขระสีทองมากมาย พื้นผิวเริ่มเปลี่ยนรูป ยุบนูนไม่เรียบขึ้นมา สุดท้ายก็วาบแสง ชิ้นส่วนขนาดเท่าไข่ไก่ถูกสถานการณ์ทำให้แยกออก

ชิ้นส่วนที่แยกออกมานี้ ขณะยังไม่เริ่มระเบิดออก ปากของหานลี่ก็ท่องคาถาไม่หยุด มือข้างหนึ่งยื่นออกดุจสายฟ้า คว้าชิ้นส่วนมาไว้ในมือ จากนั้นแสงสีทองก็กะพริบ โคจรพลังวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์

เงาร่างสีทองสูงราวหนึ่งจั้งโผล่ออกจากด้านหลัง แล้วค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นอย่างผิดปกติ

ขณะเดียวกัน ดวงแสงสีเทาขาวในมือของเขาก็หดเล็กลงด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ในช่วงเวลาก่อนและหลังไม่กี่อึดใจ ดวงแสงทั้งดวงก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“เป็นอย่างที่เดาไว้ไม่มีผิด ปราณแท้ในร่างเพิ่มขึ้นหนึ่งสายจริงๆ ถ้าดูดเข้าไปทั้งดวง จำนวนที่เพิ่มขึ้นจะมิน่าตกใจสุดๆ ไปเลยหรือ”

หานลี่มิอาจระงับความตื่นเต้นในใจได้อีก เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความปีติยินดี

“แต่ นี่มันของอะไร ทั้งๆ ที่ไม่มีสิ่งเจือปนแม้แต่น้อย แต่พอถ่ายแปลงแล้ว ทำไมถึงออกมาอยู่กลางอากาศได้ล่ะ” ถัดมา หานลี่พลันยกนิ้วๆ หนึ่งขึ้น พูดกับตัวเองอีก

เกิดความผันผวนนอกปลายนิ้ว ไอสีเขียวบางๆ ที่แทบจะมองไม่เห็นจุดหนึ่งพลันปรากฏ

สูงเพียงไม่กี่นิ้ว และเรียวผิดปกติ