กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 1241
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณท่านวิลสัน เอเลนก็ผงะและรู้สึกไม่พอใจ
มีคนนำเงินมาลงทุนกับตระกูลวิลสันจริง ๆ เหรอ? คนคนนั้นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร?
มีคนที่น่ารังเกียจเหลืออยู่ไม่กี่คนในตระกูลวิลสัน แล้วพวกเขาจะพาใครมาร่วมวงด้วยได้อีกล่ะ? เป็นไปไม่ได้เลยที่คนเหล่านั้นจะทำให้วิลสัน กรุ๊ป กลับมาฟื้นคืนชีพขึ้นอีกครั้ง! การเอาเงินมาลงทุนในบริษัทนี้ก็เหมือนการโยนเงินลงไปในท่อระบายน้ำนั่นแหละ!
เมื่อคิดได้ดังนี้ เอเลนก็พูดจาเย้ยหยันขึ้นทันที “นี่… นังแก่น่ารำคาญ ไม่ต้องมาแสดงความเห็นอกเห็นใจคนอื่นให้ฉันเห็นหรอกย่ะ เพราะเท่าที่ฉันรู้มาเกี่ยวกับแกและสมาชิกครอบครัวสั่ว ๆ ของแกน่ะ ถึงแม้วิลสัน กรุ๊ปจะได้เปิดตัวขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ต้องล้มละลายลงอีกครั้งในอีกไม่กี่วันอย่างแน่นอน ลองแหกตาดูสิว่าครอบครัวแกเหลือแต่สมาชิกปัญญาอ่อนอยู่ทั้งนั้น! แกจะคาดหวังอะไรจากแฮโรลด์ไอ้ขี้แพ้ได้ล่ะ? แกควรขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่ไม่ได้ใช้เงินของแกจนหมดน่ะ!”
คำพูดของเอเลนจี้ใจดำของคุณท่านวิลสันเข้าอย่างจัง
ถึงแม้ว่าโดนัลด์ เว็บบ์จะนำเงินมาลงทุนในบริษัทของพวกเขา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถสุขกายสบายใจได้ในอนาคต
เพราะอย่างไรก็ตาม เงินของโดนัลด์ก็ช่วยได้เพียงแก้วิกฤตทางการเงินให้เท่านั้น แต่พวกเขายังต้องการใครสักคนที่มีความสามารถในการจัดการและนำพาบริษัทไปได้ ถ้าพวกเขาต้องการประคับประคองและขยายอาณาจักรทางธุรกิจของเขาอยู่
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตระกูลวิลสันไม่มีผู้ที่มีความสามารถสักคนเดียวที่จะมาช่วยรับมือกับงานนี้ได้
ความสามารถของคริสโตเฟอร์อยู่ในระดับปานกลาง ส่วนแฮโรลด์ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เขาเก่งมากในเรื่องตักตวงผลประโยชน์จากครอบครัวตัวเอง ดังนั้นจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพึ่งพาเขาในการจัดการบริษัท แล้วนับประสาอะไรกับการทำเงินให้กับบริษัท
แฮโรลด์เพิ่งจะเข้ามาร่วมงานกับวิลสัน กรุ๊ปได้ไม่กี่ปี แต่ก็เป็นได้เพียงพนักงานที่ไร้ประโยชน์ที่ไม่เคยทำงานทำการอะไรได้สำเร็จลุล่วงสักอย่าง
ส่วนเวนดี้นั้น… ก็ไม่มีอะไรดีสักอย่างในตัวผู้หญิงที่แสนเกียจคร้านคนนี้ เพราะเธอไม่เคยได้ทำงานเลยสักวันเดียวในชีวิตของเธอ หลังจบการศึกษาจากโรงงานผลิตใบปริญญาที่ไม่มีใครรู้จัก
เมื่อเธอได้เป็นคู่หมั้นของเจอรัลด์ ไวท์ สิ่งที่เธอทำเพียงอย่างเดียวก็คือการใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย หลังจากเลิกรากับเขาเธอก็กลายเป็นคนรักของเคนเนธ จากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นคนรักของเจฟฟรี่ย์ ตอนนี้นอกจากเธอจะไม่มีความสามารถในการทำธุรกิจแล้ว เธอยังไม่สามารถกอบกู้ชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ในเรื่องการใช้ชีวิตแบบหลอกลวงของเธอด้วย ซึ่งก็คาดหวังอะไรกับเธอไม่ได้เช่นกัน
ในทางตรงกันข้าม คุณท่านวิลสันก็ไม่ได้อายุน้อยลงแต่อย่างใด มีอยู่หลายสิ่งหลายอย่างที่ทำด้วยตัวเองไม่ได้ และไม่มีความสามารถในการจัดการได้อีกต่อไป ภายใต้สถานการณ์ที่ดูสิ้นหวังเช่นนี้ เธอรู้สึกว่าแคลร์ซึ่งเป็นหลานรักที่เธอรักน้อยที่สุด แท้จริงแล้วเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดในบรรดาคนในตระกูลวิลสันทั้งหมด
ดังนั้นแม้ว่าเธอจะมาที่นี่เพื่อเยาะเย้ยเอเลน แต่จริง ๆ แล้ว เธอต้องการทำให้เอเลนอ่อนข้อให้เธออีกครั้ง ด้วยการใช้ชื่อเสียงและความสามารถพิเศษของเธอที่ถูกยึดไป ถ้าเธอสามารถทำให้เอเลนมายืนอยู่ข้างเธอได้ เอเลนก็จะช่วยเกลี้ยกล่อมให้แคลร์กลับมาอยู่กับวิลสัน กรุ๊ป
ถ้าแคลร์เต็มใจที่จะกลับมา เธอก็จะแต่งตั้งให้แคลร์เป็นผู้อำนวยการบริษัทอย่างแน่นอน เพื่อที่เธอจะได้ทำให้บริษัทกลับมาสู่เส้นทางเดิม และสามารถฟื้นฟูชื่อเสียงของบริษัทได้อีกครั้ง
คุณท่านวิลสันได้เรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของแคลร์ก่อนที่จะมาในวันนี้ บริษัทของแคลร์มีขนาดเล็กมาก แต่เธอมีหลากหลายโครงการอยู่ในมือ ซึ่งทั้งหมดนั้นก็มาจากเอ็มแกรนด์ กรุ๊ป, ตระกูลมัวร์, ตระกูลไวท์ และตระกูลควินตัน
ตอนนี้แคลร์กำลังดำเนินการโครงการต่าง ๆ เหล่านี้ให้เสร็จอย่างช้า ๆ ถ้าเธอกลับมาอยู่กับบริษัทวิลสัน กรุ๊ป เธอก็จะนำโครงการต่าง ๆ เหล่านี้มาด้วย… จริงไหม?
เมื่อคิดได้ดังนี้ คุณท่านวิลสันก็ระงับความโกรธเคืองเอาไว้ แล้วพูดว่า “เอเลน เราไม่ได้มีความแค้นเคืองอะไรต่อกัน ฉะนั้นเรื่องที่ผ่านไปแล้วทำไมเราไม่ปล่อยให้มันผ่านไปล่ะ? ฉันคิดว่าเราควรพักเรื่องความอคติเอาไว้ก่อน แล้วมาร่วมมือกันทำงานไม่ดีกว่าเหรอ? แกว่าจริงไหม?”
เอเลนร้องคำรามด้วยความรำคาญ “ขอโทษนะ? เราไม่ได้มีความแค้นอะไรลึก ๆ เหรอ? อย่ามาประจบประประแจงฉันให้ยากเลยนางแม่มดแก่! แกลืมไปแล้วเหรอว่าเคยหักขาฉันไว้ยังไง? รอไปก่อนเถอะ ไม่ช้าก็เร็ว ฉันจะทุบขาทั้งสองข้างของแกให้แหลกเป็นชิ้น ๆ แน่!”
คุณท่านวิลสันชี้ไปที่รถเบนท์ลีย์ คอนติเนนตัลคันใหม่เอี่ยม แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เอเลน ถ้าแกกับครอบครัวที่เหลืออยากกลับมาอยู่ในอ้อมกอดของพวกเรา ฉันจะซื้อรถเบนท์ลีย์แบบเดียวกันนี้ให้ แกจะว่ายังไง?