สำนักศึกษามักจะถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงระฆังอันไพเราะ แม้แต่เรื่องใหญ่ขนาดไหนก็ไม่มีทางเปลี่ยนจังหวะที่มั่นคงของมันได้ คนที่ควรออกไปวิ่งตอนเช้าก็ไปวิ่ง คนที่ควรเรียนหนังสือก็เรียนหนังสือ ตอนที่ฮ่องเต้เสด็จมา เหล่าชายหนุ่มที่กินเก่งก็ยังคงกัดซาลาเปาอยู่เต็มปาก ตะเกียบเสียบอยู่ที่หมั่นโถว ชามข้าวเต็มไปด้วยโจ๊ก หัวไชเท้าก็อยู่ในชาม ใช้ปากคาบมาเคี้ยว แม้จะเหลืออีกครึ่งหนึ่งแต่ไม่อยากกินหมดจึงคายกลับเข้าไปในชามแล้วกัดหมั่นโถวต่อ
นี่คือจุดจบของการเอาค่าอาหารของตัวเองไปเดิมพัน สำนักศึกษาไม่เคยห้ามให้มีการเดิมพัน เจ้าสามารถเดิมพันว่าการเรียนของคนอื่นไม่เท่าเจ้าแล้วก็สามารถเดิมพันว่าเจ้าวิ่งได้เร็วที่สุด แม้แต่จะเดิมพันว่าตัวเองฉี่ได้ไกลกว่าคนอื่นก็ไม่มีปัญหา แต่ว่าจะมีเรื่องการพนันอย่างเช่นไพ่นกกระจอก ลูกเต๋า หรือไพ่โป๊กเกอร์ไม่ได้เด็ดขาด หากถูกจับได้ การไปขนหินบนเขาคือการลงโทษที่เบาที่สุด
เห็นคนอื่นกินไข่ไก่ กินโจ๊ก ซื้อซาลาเปาเนื้อ แต่ตัวเองกินผักดองก็ต้องยอมจำนน ยอมรับความพ่ายแพ้ คือกฎอีกข้อของสำนักศึกษา ที่นี่คือสวนสนุกของคนฉลาด หากเจ้าคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนฉลาด เช่นนั้นก็ต้องเป็นคนซื่อสัตย์ ถูกหลอกบ่อยๆ เข้าเดี๋ยวก็จะฉลาดขึ้นมาเอง
บรรยากาศของวันนี้ไม่ค่อยเหมือนก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ นักศึกษาที่ถือชามข้าวอยู่ในมือล้วนแต่มองไปทางประตูใหญ่ บางคนก็มองไปที่ระฆังใหญ่ในหอระฆัง ที่นั่นมีคนรับใช้ที่กำลังรอเตรียมตีระฆังอยู่ทุกเมื่อ
มีสาวงามชาวหูคนหนึ่งกำลังพิชิตประตูใหญ่ของสำนักศึกษา ได้ยินมาว่าไขปริศนาได้แล้ว และตอนนี้กำลังไขรหัสสุดท้าย ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาไปแล้วครึ่งวัน ยังคงห่างไกลจากสถิติของสำนักศึกษา แต่เพียงแค่ส่วนโค้งงอที่ยื่นออกมาของสาวงามก็เพียงพอที่จะดึงดูดพวกชายหนุ่มที่มีพลังเหลือล้นพวกนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดว่าสาวงามคนนี้กำลังใกล้จะพิชิตด่านแรกของสำนักศึกษาได้แล้ว
เห็นว่าสาวงามไม่หวีผม ไม่ล้างหน้า และยังสวมเสื้อผ้าที่สกปรก ดังนั้นวันนี้ลูกศิษย์ทุกคนต่างมีรูปลักษณ์หน้าตาที่เปลี่ยนไป คนที่ขี้อวดก็ปักพัดเอาไว้ข้างหลังและนั่งยองๆ กินโจ๊กบนพื้น
เห็นท่อสูบยกขึ้นสูง เหลือแค่ด่านสุดท้ายก็จะสำเร็จแล้ว อาจารย์หลี่กังนั่งยิ้มอยู่บนรถเข็นเพื่อรอดูสถิติใหม่ นั่นคือสถิติของผู้หญิง หากเป็นเช่นนี้ มันคงจะเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ของเหล่าลูกศิษย์ที่ขี้เกียจเหล่านั้น
หลี่ไท่ทำท่าทางดูถูก สำหรับเขาแล้ว หน้าที่เดียวของผู้หญิงก็คือการคลอดลูก ผู้หญิงที่ดีก็คือผู้หญิงที่มีหน้าตาสวยงามและเลี้ยงลูกเป็น เรื่องอื่นคือเรื่องเหลวไหว การพิชิตประตูใหญ่ของสำนักศึกษาอธิบายอะไรไม่ได้ ตอนนั้นเขาเองยังไม่ได้ใช้เวลานานขนาดนี้ สำหรับความช่วยเหลือของอาจารย์กงซูคือเขาใช้พู่กันเขียนสรรเสริญยกย่อง
เอ็นเนื้อยังผูกติดอยู่ที่ขอบประตู ไม่รู้ว่าแป้งในถุงกระดาษชื้นหรือไม่ ทันทีที่เปิดประตูก็จะมีผงแป้งพุ่งเข้าใส่ หลี่ไท่ตั้งใจมาดูผู้หญิงที่ร้องไห้อ่อนแอ ไม่ได้จะมาดูอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ บนโลกใบนี้จะมีอัจฉริยะอะไรตั้งมากมาย แค่อวิ๋นเยี่ยคนเดียวหลี่ไท่ก็คิดว่ามากเกินไปแล้ว เขายิ่งไม่อยากให้ผู้หญิงโง่ๆ มาเป็นอาจารย์ของตัวเอง อัจฉริยะที่อวิ๋นเยี่ยเอามาจากหอนางโลมน่ะรึ สรุปแล้วนางรับใช้ผู้ชายเก่งกว่า หรือมีความรู้ทางคณิตศาสตร์มากกว่ากันแน่ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์
เมื่อหลี่กังเห็นว่าผ่านด่านสุดท้ายมาแล้ว เขาก็โบกมือขึ้น ทันใดนั้น เสียงระฆังที่ไพเราะและทรงพลังก็ดังขึ้นมา หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง…
เหล่าลูกศิษย์ของสำนักศึกษาต้องมาแสดงความเคารพต่อนักปราชญ์คนนี้ กำมือกันอย่างเคร่งขรึม เตรียมต้อนรับอาจารย์คนใหม่
ใบหน้าที่ภาคภูมิใจของไฮปาเทียปรากฏขึ้นมาที่ร่องประตู เห็นใบหน้าที่งดงามนั้น รอยยิ้มของหลี่ไท่ก็ชั่วร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อประตูใหญ่ค่อยๆ เปิดออก รอยยิ้มของเขาก็แปลกประหลาดขึ้นเรื่อยๆ
ประตูใหญ่เปิดออก ไฮปาเทียพึ่งจะก้าวออกมาได้ก้าวเดียวก็มีเงาสีขาวพุ่งเข้ามาที่หน้าอกของนาง ควันสีขาวระเบิดขึ้นมา ทันใดนั้นนางก็กลายเป็นคนผิวขาวอย่างสมบูรณ์แบบ
หลี่ไท่ยิ้มมุมปาก เอามือสอดเข้าไปในแขนเสื้อ เดินไปที่ภูเขาด้านหลังของสำนักศึกษาอย่างอารมณ์ดี ไปดูกลไกอันล้ำค่าของเขา ในที่สุดเรื่องพวกนี้ก็ถูกเอามาพูดถึงในที่ประชุม
ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หลี่กังจะไปเอาเรื่องจากหลี่ไท่ด้วยความโมโห แต่พอหันหน้ากลับไปก็ไม่เห็นเขาแล้ว กำลังจะเข้าไปปลอมใจไฮปาเทียก็ได้ยินไฮปาเทียที่ใบหน้าเต็มไปด้วยแป้งพูดอย่างช้าๆ ว่า “พิธีต้อนรับของสำนักศึกษานั้นช่างไม่เหมือนใครจริงๆ เหตุใดข้าถึงได้ลืมไปว่าสถานที่แห่งนี้คือสถานที่ที่อิสระและมีแต่เรื่องอัศจรรย์เกิดขึ้นเสมอ ช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดของคนคนหนึ่งก็คือตอนที่เรายืนอยู่บนจุดสูงสุด หลังจากที่พวกข้าผ่านความยากลำบากมาแล้วมากมาย สุดท้ายพวกข้าก็ประสบความสำเร็จ คิดไม่ถึงว่านี่จะกลายเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด ความภาคภูมิใจในความสำเร็จทำให้ข้าลืมไปว่าข้ายังอยู่ในอันตราย ขอบคุณสำนักศึกษาที่มอบบทเรียนนี้ให้กับข้าตอนที่ข้าเข้ามา ข้าจะจดจำไปตลอดชีวิต ข้าจะอ่อนน้อมถ่อมตนและรอบคอบไปตลอดชีวิต และเดินไปตามวิถีแห่งชีวิตของตัวเองทีละก้าวจนถึงจุดจบ เพื่อการนี้แล้ว ข้ายินดีที่จะร่วมแรงร่วมใจกับทุกท่าน”
หลี่กังยิ้มอย่างมีความสุข คำแนะนำของอวิ๋นเยี่ยไม่มีผิด นี่คืออาจารย์ที่เกิดมาเพื่อให้ความรู้แก่พวกเด็กๆ อาจารย์คนอื่นๆ ก็อดไม่ได้ที่จะประทับใจกับคำพูดไม่กี่ประโยคนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ตกใจ ก่อนจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ทำให้ใบหน้าที่เหมือนตัวตลกกลายเป็นเคร่งขรึมสั่งสอนลูกศิษย์ได้อย่างรวดเร็ว ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา
เหล่าลูกศิษย์ต่างพากันปรบมือให้กับไฮปาเทีย ถึงแม้ว่าเหตุการณ์เมื่อครู่จะไม่ได้ทำให้นางสั่นคลอน แต่การต้อนรับอันอบอุ่นนี้มันกลับกระทบกับหัวใจที่นุ่มนวลที่สุดของนาง นางน้ำตาไหลออกมา ช่างเป็นรอยที่น่าขันบนใบหน้าของนาง
หลี่กังเดินไปข้างหน้า กางแขนออกและพูดว่า “ยินดีต้อนรับ เด็กฉลาด สำนักศึกษาอวี้ซันยินดีต้อนรับเจ้า หวังว่าเจ้าจะทิ้งชื่อเสียงอันเป็นอมตะไว้ที่เขาอวี้ซัน”
ไฮปาเทียเดินเข้าไปกอดหลี่กังที่ผอมบางร่างน้อยเบาๆ จากนั้นก็พูดอย่างสุภาพว่า “ขอบคุณท่านมาก ท่านผู้อาวุโสที่จิตใจดีและชาญฉลาด ไฮปาเทียรู้สึกราวกับเด็กเร่ร่อนที่หาบ้านของตัวเองเจอ”
หลี่กังจับมือไฮปาเทียและแนะนำให้นางรู้จักกับอาจารย์ของสำนักศึกษาทีละคน กิริยา ท่าทาง และมารยาทที่ดีของนางได้รับการยอมรับจากเหล่าอาจารย์ของสำนักศึกษา จากนั้นค่อยแนะนำอวิ๋นเยี่ยเป็นคนสุดท้าย ถือโอกาสตอนที่อาจารย์หลี่กังและอาจารย์หยวนจางพูดคุยกัน ไฮปาเทียก็พูดว่า “ท่านโหวเจวี๋ยที่เคารพ หากท่านไม่บอกว่าใครเป็นคนทำเรื่องตลกนั้น ข้าก็จะไปบอกภรรยาของท่านว่าเรามีคืนหนึ่งคืนด้วยกัน คืนนั้นช่างเป็นคืนที่ลืมไม่ลง
อวิ๋นเยี่ยรู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางได้เจอกับคนดีๆ ผู้หญิงที่ใจแคบคนนี้พูดแบบนั้นออกมา ผู้หญิงเย่อหยิ่งอย่างนางถูกเล่นงานเสียขนาดนั้นจะไม่เอาคืนได้เช่นไร
“เจ้าอย่าแปลกใจไปเลย กลไกนี้ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อเจ้าคนเดียว ตอนที่ฝ่าบาทมาก็มีเหมือนกัน ตอนนั้นเป็นควันสีเทา แต่ว่าข้าบอกเจ้าก็ได้ คนที่ติดตั้งกลไกนี้คืออัจฉริยะคนหนึ่ง ปีนี้พึ่งจะอายุสิบเจ็ด เป็นองค์ชายคนหนึ่ง ต่อไปพวกเจ้าก็จะมีโอกาสได้เจอกัน ไม่ใช่ลมตะวันออกทับถมลมตะวันตก ก็คือลมตะวันตกทับถมลมตะวันออก สรุปแล้วมันไม่เกี่ยวอะไรกับข้า ที่นี่ไม่ใช่อียิปต์ หากเจ้าบอกภรรยาของข้าว่าเราแอบมีอะไรกัน เจ้ารู้หรือไม่ว่าภรรยาของข้าจะทำเช่นไร นางจะพยายามทำให้เจ้ามาเป็นภรรยารองของข้า ที่นี่เรียกพฤติกรรมเช่นนี้ว่าศีลธรรมอันดีงาม อย่าดูถูกพลังของฮูหยิน บางทีวันหนึ่งข้ากลับไปถึงบ้าน ข้าอาจจะเห็นเจ้านอนอยู่บนเตียงของข้า”
พูดเสร็จก็หัวเราะแล้วเดินไปหาสวี่จิ้งจงเพื่อจัดเตรียมห้องทำงานให้กับไฮปาเทีย เห็นได้ชัดว่านางไม่สามารถอยู่ร่วมห้องทำงานกับอาจารย์ท่านอื่นๆ ได้
หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ไฮปาเทียยิ่งดูงดงามมากกว่าเดิม ทุกการเคลื่อนไหวและรอยยิ้มราวกับมีพลังวิเศษ ทำให้เด็กผู้ชายในสำนักศึกษาต่างพากันเสียสติ แย่งกันนำทางพาไฮปาเทียไปเยี่ยมชมสำนักศึกษา ไม่จำเป็นต้องให้อวิ๋นเยี่ยพาไป ไอ้พวกนั้นจะบอกทุกอย่างที่ตัวเองรู้ให้กับอาจารย์คนสวยของพวกเขาเองอย่างแน่นอน หรือหากอาจารย์อยากจะถามเรื่องบรรพบุรุษแปดชั่วอายุคนของพวกเขาก็คงไม่มีปัญหา
เดินไปทั่วทุกที่หนึ่งรอบ มีเพียงแค่ห้องเดี่ยวที่อยู่ไกลๆ ห้องหนึ่งที่ไม่มีใครพาไฮปาเทียไปเยี่ยมชม ไฮปาเทียที่อยากรู้อยากเห็นพึ่งจะเอาหัวยื่นเข้าไปทางหน้าต่าง มีดที่แวววาวก็พุ่งเข้าปักเข้าที่กรอบหน้าต่าง ไม่รู้ว่ามีความกล้าหาญแท้จริงหรือเพียงแค่แกล้งทำเป็นนิ่ง ไฮปาเทียเอ่ยถามชายร่างใหญ่ที่อยู่ในห้องว่า “ข้าคืออาจารย์ที่มาใหม่ เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่”
ในห้องมีแบบจำลองภูมิศาสตร์ขนาดใหญ่ มีภูเขา มีที่ราบ และมีทะเลสีฟ้า หนึ่งในนั้นมีแม่น้ำสายหนึ่งไหลผ่าน ในแม่น้ำสายนั้นมีน้ำไหล บนแม่น้ำยังมีเรือจำลองที่สวยงามอยู่สองสามลำ เด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งกำลังเติมทรายลงไปในน้ำไม่หยุด แปลกมาก เขามักจะชั่งน้ำหนักของทรายก่อนที่จะเติมลงไปเสมอ เห็นว่าไฮปาเทียกำลังมองดูเขาอยู่ เขาก็ยิ้มอย่างเขินอายทีหนึ่งจากนั้นก็ทำงานของตัวเองต่อไป
ชายร่างใหญ่ผลักนางออกไป จากนั้นก็ปิดหน้าต่างใส่ ไม่สนใจนางแม้แต่น้อย
ลูกศิษย์ที่อยู่ข้างๆ รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “อาจารย์ ท่านอย่าโกรธไปเลย เขาก็เป็นเช่นนี้ เขาอยากจะขุดคลองระหว่างทะเลกับแม่น้ำฮวงโห เรื่องอื่นเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว มีเพียงแค่เรื่องทรายพวกนั้นที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเขา เพราะว่าในแม่น้ำมีทราย กระแสน้ำบริเวณนั้นจึงแผ่วเบา มักจะมีทรายทับถมอยู่เสมอ อีกไม่กี่ปีแม่น้ำอาจจะถูกกั้นขวาง นอกจากนี้ทางเข้าทะเลก็ยังขยายออกไปเรื่อยๆ เขาคงจะยังสร้างท่าเรือไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงอารมณ์ไม่ดี ท่านโปรดอย่าได้ถือสา”
ไฮปาเทียพูดกับลูกศิษย์ว่า “คนเช่นนี้ควรค่าแก่การเคารพ เขาได้อุทิศตนให้กับงานของตัวเองจนลืมโลกภายนอก ข้าเชื่อว่าเขาจะต้องหาทางออกเจอ เราไม่ควรไปรบกวนเขา”
“อาจารย์ เราพาท่านไปดูกะโหลกมังกรและโครงกระดูกปลายักษ์ดีกว่า ที่นั่นคือที่ที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชมมากที่สุดในสำนักศึกษา”
“เหลวไหล ห้องสมุดถึงจะเป็นแก่นแท้ของสำนักศึกษา หนังสือสะสมของสำนักศึกษาคือหนังสือที่ดีที่สุดบนโลก สองสามวันนี้ยังตีพิมพ์ออกมาไม่น้อย อาจารย์หลี่กังบอกว่าที่นั่นคือสมบัติล้ำค่าของสำนักศึกษา”
“ผิดหมดเลย พิพิธภัณฑ์ผีเสื้อคือที่ที่อาจารย์ควรไป ตอนนี้ที่นั่นมีซากของผีเสื้อมากกว่าสามร้อยสายพันธุ์ ข้ากลับไปบ้านเกิดที่เยว่โจวก็จับผีเสื้อหลากสีสันมาอีกสี่ตัว อาจารย์ควรไปดูที่นั่น”
“เหลวไหล อาจารย์เป็นปราชญ์ทางคณิตศาสตร์ ไม่ว่าเช่นไรก็ควรจะไปดูแบบจำลองการก่อสร้างของหลี่ไท่ที่หลังเขา เขาขึ้นชื่อว่าเป็นอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ ต้องให้อาจารย์ไปเห็นความเย่อหยิ่งของเขาสักหน่อย”
“อัจฉริยะ เจ้าหมายถึงอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์หรือ” ไฮปาเทียเงยหน้าขึ้นยิ้มแล้วถามลูกศิษย์ด้วยความตื่นเต้น