นี่ยังไม่ได้นับรวมของประมูลที่ตระกูลหลิวกับตระกูลถันจำใจต้องยกให้เพราะเพียงแค่สมบัติล้ำค่าทั้งเจ็ดชิ้นนี้ ก็มีมูลค่าสามหมื่นกว่าล้านแล้ว!
มิหนำซ้ำยังมีสมบัติของเหล่ายอดฝีมือที่ตี้เสี่ยอู๋ตามเก็บกวาดหลังจากที่หลิงหยุนไล่ล่าสังหารตายทีละคนสองคนซึ่งมีทั้งอาวุธชนิดต่างๆ โอสถ ยันต์ สมุนไพร และอีกมากมายนับไม่ถ้วน!
เหล่ายอดฝีมือที่มาแอบดักปล้นเสี่ยวเม่ยเม่ยนั้นแต่ละคนล้วนอยู่ในด่านกลางขั้นเซียงเทียนเป็นอย่างต่ำ สมบัติที่ค้นได้จากตัวของพวกเขาจึงไม่ได้ด้อยไปกว่าของประมูลในโรงประมูลตระกูลเย่นัก
“เอาล่ะ..คืนนี้นับว่าได้มามากพอแล้ว!”
หลิงหยุนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงพึงพอใจพร้อมกับพยักหน้าที่เปื้อนไปด้วยร้อยยิ้มจะไม่ให้เขามีความสุขได้อย่างไรกันเล่าในเมื่อท้ายที่สุดในเวลาเพียงแค่สองชั่วโมง เขากลับได้สมบัติล้ำค่าที่มีมูลค่ามากกว่าเงินที่ใช้ประมูลไปถึงสองเท่า..
‘ข้าคงจะไม่พลาดการประมูลเช่นนี้อีกในครั้งหน้าเป็นแน่..’
หลิงหยุนได้แต่แอบคิดอยู่ในใจก่อนจะหันไปมองรอบๆแล้วจงใจพูดขึ้นว่า “ยังมีเหยื่อหลงเหลืออยู่แถวนี้อีกหรือไม่นะ!”
เย่ซิงเฉินได้ยินเช่นนั้นจึงตอบกลับไปทันที“นี่เจ้ายังพอใจอีกรึ ระวังไว้เถิด โลภมากจะลาภหาย ถึงตอนนั้นเจ้าจะมานึกเสียใจ!”
หลิงหยุนกระแอมเบาๆในลำคอแล้วจึงหยิบขวดผงละลายศพส่งให้ตี้เสี่ยวอู๋ พร้อมกับสั่งว่า “เสี่ยวอู๋ มีหลายคนที่รู้ว่าพวกเรามาเส้นทางนี้ อาจมีใครบางคนคิดตามมาสำรวจ เจ้ากับแวมไพร์ทั้งห้า ช่วยกันเก็บกวาดและทำลายซากศพทั้งหมดทิ้งซะ!”
จากนั้นจึงหันไปสั่งเอ็ดเวิร์ดว่า“เอ็ดเวิร์ด หลังจากที่เจ้าช่วยเสี่ยวอู๋เรียบร้อยแล้ว จัดการพาเขาบินกลับบ้านตระกูลหลิงด้วย” ก่อนที่จะเดินแยกจากไปตี้เสี่ยวอู๋ได้หันไปถามหลิงหยุนว่า “พี่หยุน แล้วรถที่จอดทิ้งไว้ล่ะ”
เย่ซิงเฉินเป็นฝ่ายตอบแทนหลิงหยุน“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไป เดี๋ยวจะมีคนมาขับกลับไปเอง..”
ระหว่างทางที่ขับรถออกจากโรงประมูลชาวยุทธไปทางตะวันตกนั้นเย่ซิงเฉินก็ได้เล็งเห็นปัญหานี้แล้ว จึงได้สั่งการให้คนขององค์กรนักฆ่ามาจัดการขับรถกลับไป
หลังจากที่ตี้เสี่ยวอู๋กับเหล่าแวมไพร์ออกไปปฏิบัติภารกิจตามคำสั่งแล้วหลิงหยุนก็ได้หันไปสั่งเสี่ยวเม่ยเม่ย
“หลังจากที่พวกเขาจัดการเก็บกวาดเรียบร้อยแล้วเจ้าก็กลับไปพร้อมกับพวกเขา แล้วซ่อนตัวต่ออีกสักสองสามวัน..”
ต่อหน้าเย่ซิงเฉินเสี่ยวเม่ยเม่ยไม่กล้าสนทนากับหลิงหยุนมากนักนางจึงเพียงแค่พยักหน้า และรีบเดินตามตี้เสี่ยวอู๋ไป เวลานั้นสายตาของเย่ซิงเฉินจับจ้องอยู่ที่ร่างของหวังชงเซียวพร้อมกับรอยยิ้มงดงาม..
“คนผู้นี้นามว่าหวังชงเซียว”
หลิงหยุนรีบแนะนำให้เย่ซิงเฉินรู้จัก“เขาคือยอดฝีมือจากดินแดนพันธมิตรทะเลจีนตะวันออก แต่ตอนนี้ตกลงใจที่จะมาร่วมงานกับข้า..”
“เอ่อ..”
หวังชงเซียวได้โอกาสพูดขึ้นอีกครั้งจึงได้แต่ถามด้วยท่าทีนอบน้อม “ไม่ทราบว่าแม่นางผู้นี้คือ..!”
หวังชงเซียวเห็นว่าเย่ซิงเฉินนั้นเข้าสู่ขั้นซานฉางชี่แล้วในใจก็นึกตกตะลึงไม่น้อย และได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่าหลิงหยุนไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ถึงกับแบ่งกลุ่มทำงานกันอย่างรอบคอบ
“แม่นางผู้นี้คือภรรยาของข้านางมีชื่อว่าเย่ซิงเฉิน”
หลิงหยุนหันไปยิ้มให้หวังชงเซียวพร้อมกับเอื้อมมือไปตบบ่า“เจ้าต้องเรียกนางว่านายหญิง และคำสั่งของนางก็เสมือนคำสั่งของข้า!”
“เจ้าอย่าได้ฟังคำพูดไร้สาระของเขา!”
เย่ซิงเฉินชายตามองหลิงหยุนแล้วจึงหันไปบอกหวังชงเซียวว่า “ข้าคือธิดาพรรคมารคนปัจจุบัน เจ้าเรียกข้าว่า.. เรียกว่า..”
ระหว่างที่เย่ซิงเฉินกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะให้อีกฝ่ายเรียกเช่นใดนั้นหวังชงเซียวจึงชิงร้องตะโกนตอบไปว่า
“นายหญิง..”
“…”
เย่ซิงเฉินถึงกับพูดไม่ออกและได้แต่คิดอยู่ในใจว่าหลิงหยุนใช้วิธีการใดกัน จึงสามารถทำให้หวังชงเซียวเชื่อฟังได้ถึงเพียงนี้!
แต่ถึงแม้เย่ซิงเฉินจะไม่เห็นด้วยนักแต่นางก็ไม่เอ่ยปฏิเสธ..
“โม่วู๋เตาเป็นเช่นใดบ้างจนป่านนี้ข้ายังไม่ได้รับข่าวคราวจากเขาเลย!”
หลิงหยุนนึกเป็นห่วงโม่วู๋เตาและรีบหันไปบอกเย่ซิงเฉินทันที “ซิงเฉิน พวกเรารีบกลับไปหาโม่วู๋เตากันดีกว่า!”
เย่ซิงเฉินยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าไปมาและตอบหลิงหยุนไปว่า “ไม่ล่ะ ภารกิจในคืนนี้เสร็จสิ้นแล้ว ข้าไม่ควรตามเจ้าเข้าไปในเมือง..”
ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของพรรคมารอีกทั้งเวลานี้ตระกูลหลิงก็กำลังผงาดขึ้นอย่างรวดเร็ว นางจึงไม่ต้องการให้ฐานะของตนต้องนำเอาปัญหามาให้กับหลิงหยุน
ระหว่างที่พูดเย่ซิงเฉินก็ได้เรียกสิ่งของที่อยู่ในแหวนพื้นที่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นผ้าแพรไหมดำ โอสถ อาวุธ และอื่นๆที่ได้มาจากตระกูลหลิวกับตระกูลถัน มอบคืนให้กับหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ผู้ที่มาดักปล้นเสี่ยวเม่ยเม่ยในคืนนี้ล้วนเป็นชาวยุทธภพแต่ละคนล้วนเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก จู่ๆหายตัวไปเช่นนี้คงต้องเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่เป็นแน่..”
“หลิงหยุนเหตุการณ์ในคืนนี้ไม่ต่างจากการตบหน้าตระกูลเย่ และจะส่งผลต่อธุรกิจโรงประมูลของตระกูลเย่ในวันข้างหน้าไม่มากก็น้อย!”
“หลังจากที่เจ้ากลับเข้าเมืองครั้งนี้ควรเก็บเนื้อเก็บตัว และจัดการเรื่องเรื่องจำเป็นในปักกิ่งให้เรียบร้อย จากนั้น..”
ประโยคต่อไปที่เย่ซิงเฉินไม่ได้พูดออกมาก็คือ‘จากนั้นจะได้เดินทางไปร่วมงานประมูลชาวยุทธที่หุบเขาเฟิงเหลยในเขาหลงหู่’
“ข้ารู้เรื่องนั้นเจ้าอย่าได้กังวลใจไป!”
หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่เย่ซิงเฉินมีให้เขาจึงยิ้มพร้อมกับจ้องมองนางด้วยแววตามั่นอกมั่นใจ..
“ถ้าเช่นนั้นข้าต้องไปก่อนแล้วหากเจ้ามีสิ่งใด ก็ติดต่อข้าได้ทันที!”
จากนั้นเย่ซิงเฉินจึงได้กระโดดหายเข้าไปเนินเขามุ่งหน้ากลับกระท่อมไม้ไผ่ของตน โดยมีหลิงหยุนมองตามไปจนกระทั่งลับสายตา
“คุณชายจากนี้พวกเราควรทำเช่นใดต่อไป”
หวังชงเซียวรอจนกระทั่งเย่ซิงเฉินไปไกลแล้วจึงเอ่ยถามหลิงหยุนอย่างระมัดระวัง
หลิงหยุนไม่ตอบแต่กลับเรียกโทรศัพท์มือถืออกมาโทรหาโม่วู๋เตาทันที“นี่เจ้านักพรตน้อย.. ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ใด”
“ท่านพี่หยุนข้าอยู่ในสวนสาธารณะแถบถนนวงแหวนที่ห้าฝั่งตะวันออก ตอนนี้ข้าอยู่กับแม่นางเหออวี้ฉง เอ่อ.. ข้าหมายถึงแขกในห้องวีไอพีหมายเลข 13”
โม่วู๋เตาบอกตำแหน่งที่อยู่ของตนกับหลิงหยุนคร่าวๆ
“เอาล่ะพวกเราไปกันได้แล้ว!”
หลิงหยุนปรี่ไปหาโม่วู๋เตาทันทีในขณะที่หวังชงเซียวก็ติดตามไปด้วยเช่นกัน แม้ทั้งคู่จงใจอ้อมไม่ให้ผ่านโรงประมูลตระกูลเย่ แต่ด้วยความเร็วของทั้งคู่ ทำให้หลิงหยุนกับหวังชงเซียวไปถึงที่ที่โม่วู๋เตาจอดรถรอด้วยความรวดเร็ว
โม่วู๋เตากับเหออวี้ฉงออกมาจากโรงประมูลอย่างเงียบๆในราวตีหนึ่งนับว่าโม่วู๋เตาฉลาดในการเลือกสถานที่รอหลิงหยุนยิ่งนัก เพราะในเวลาตีสามเช่นนี้คนธรรมดาทั่วไปต่างก็กำลังนอนหลับอุตุ จะมีผู้ใดออกมาเดินเล่นในสวนสาธารณะกันเล่า
หลิงหยุนและหวังชงเซียวมาถึงสวนสาธารณะและพบว่าทั้งโม่วู๋เตา และเหออวี้ฉงกำลังนั่งคุยกันอยู่ที่ม้านั่ง เขาก็ได้แต่ส่ายหน้าและบ่นพึมพำอยู่ในใจ
‘เจ้านักพรตน้อยนี่ช่างชื่นชอบการอยู่ใกล้หญิงงามจริงๆ’
หลิงหยุนหันไปบอกกับหวังชงเซียวที่ยืนข้างๆว่า“เอาล่ะ ข้าจะมอบหมายงานสำคัญให้กับเจ้า หากเจ้าทำไม่สำเร็จก็ไม่สามารถร่วมงานกับข้าได้!” หวังชงเซียวมองตาหลิงหยุนด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับตอบด้วยเสียงมั่นใจ “ข้ารับรองว่าไม่ล้มเหลวแน่!”
“เยี่ยม!”
หลิงหยุนจ้องหน้าหวังชงเซียวพร้อมกับยิ้มให้แล้วพูดต่อว่า“เอาล่ะ เจ้าไปสวนสัตว์ใกล้ๆนี้ จับสัตว์มาให้ข้าหนึ่งตัว!”
“เอ่อ..”
หวังชงเซียวได้ฟังถึงกับแทบกระอักเลือดและแทบอยากจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ไม่มีน้ำตา..
งานสำคัญชิ้นแรกที่หลิงหยุนมอบหมายให้เขาทำคือการไปจับสัตว์ป่า!!
ยอดฝีมือระดับหกขั้นพลังเหนือธรรมชาติไปจับสัตว์ป่างั้นรึเรื่องนี้ยากเย็นตรงใหนกัน ไม่ต่างจากการตบยุงสักตัว..
“ทำไม!เจ้ามีปัญหางั้นรึ?!”
หลิงหยุนมองสีหน้ากระอักกระอ่วนของหวังชงเซียวแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมาและได้แต่คิดในใจว่า
‘หากไม่คิดว่าเจ้ามาจากดินแดนทะเลจีนตะวันออกและยังไม่รู้จักสังคมของโลกสมัยใหม่ดีนัก ข้าจะให้เจ้าไปขโมยคนไข้มาจากโรงพยาบาลแทนการจับสัตว์ป่า!’
“คุณชายอย่าได้เข้าใจผิด..”
หวังชงเซียวรีบอธิบายทันที“ข้าไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด เพียงแค่ต้องการรู้ว่าคุณชายต้องการสัตว์ป่าชนิด ข้าจะได้จับมาให้ได้ถูกต้อง!”
“อ่อ..อย่างนั้นรึ!”
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า“อะไรก็ได้ จะเป็นวัว แกะ หมู หรือว่าหมาก็ได้ทั้งนั้น ขอให้เป็นสัตว์ที่ตัวใหญ่ๆเป็นพอ แล้วก็จับเป็นล่ะ..”
“เท่าที่ข้ารู้มีสวนสัตว์แห่งหนึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไปราวสิบห้ากิโลเมตร เจ้ารีบไปจัดการตามที่ข้าสั่ง แล้วรีบๆกลับมาล่ะ!”
หลิงหยุนยังย้ำอีกว่า“ที่นี่เป็นเมืองหลวงซึ่งมีผู้คนพลุกพล่าน หากเจ้าจะเหาะต้องเหาะให้สูงจนผู้คนไม่สามารถมองเห็นได้ และต้องหลีกเลี่ยงไม่ผ่านไปทางตัวเมือง และบริเวณถนนวงแหวนที่สาม เพราะที่นั่นมีค่ายกลที่สกัดกั้นจิตหยั่งรู้ซึ่งมีผลต่อการใช้พลังจิตของเจ้า เจ้าอาจตกลงมาตายได้..”
“ข้าเข้าใจแล้วขอบคุณคุณชายที่เตือน”
หวังชงเซียวพยักหน้าและเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือพื้นดินราวสามกิโลเมตรทันที จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกตามคำบอกของหลิงหยุน
“หวังชงเซียวผู้นี้ใช้การได้ดีทีเดียวและดูเหมือนจะยินดีร่วมงานกับข้าด้วยความเต็มใจ!”
หลิงหยุนไม่กังวลว่าหวังชงเซียวจะฉวยโอกาสนี้หลบหนีไปแต่อย่างใดเพราะเขาเองก็ได้เห็นกับตาแล้วว่าทั้งเย่ซิงเฉิน และตี้เสี่ยวอู๋ล้วนมีแหวนพื้นที่แบบเดียวกันทั้งสองคน และนั่นบ่งบอกว่าหลิงหยุนน่าจะทำไว้มากมายหลายวงอย่างที่บอกไว้จริงๆ และแหวนพื้นที่ของหลิงหยุนนี่เองที่จะทำให้หวังชงเซียวไม่สามารถหนีไปไหนได้!
….
ที่ม้านั่งยาวข้างทะเลสาบเงียบสงบในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง..
“แม่นาง..โหวเฮ้งของเจ้าบ่งบอกว่าเป็นผู้ที่มีฐานะร่ำรวย ข้าขอดูมือของเจ้าสักหน่อยจะได้หรือไม่ ข้าจะทำนายดวงชะตาในอีกสามเดือนข้างหน้าให้กับเจ้า”
โม่วู่เตาสวมชุดนักพรตมอมแมมพูดจาท่าทางเคร่งขรึมเวลานี้เขากำลังหาโอกาสที่จะได้สัมผัสมือของเหออวี้ฉง
เหออวี้ฉงได้ยินเช่นนั้นจึงเริ่มระมัดระวังตัวและรีบดึงมือที่วางใกล้กับขาซ้ายของโม่วู๋เตากลับมาทันที แล้วก็ไม่ยอมยื่นมือออกไปให้โม่วู๋เตาดูตามที่ขอ
หลังจากการประมูลสิ้นสุดลงและได้ทำการโอนเงินค่าสินค้าเรียบร้อยแล้ว เหออวี้ฉงจึงให้นักรบตระกูลเย่จัดส่งของที่ประมูล และแหวนพื้นที่ของหลิงหยุนนี่เองที่จะทำให้หวังชงเซียวไม่สามารถหนีไปไหนได้!
….
ที่ม้านั่งยาวข้างทะเลสาบเงียบสงบในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง..
“แม่นาง..โหวเฮ้งของเจ้าบ่งบอกว่าเป็นผู้ที่มีฐานะร่ำรวย ข้าขอดูมือของเจ้าสักหน่อยจะได้หรือไม่ ข้าจะทำนายดวงชะตาในอีกสามเดือนข้างหน้าให้กับเจ้า”
โม่วู่เตาสวมชุดนักพรตมอมแมมพูดจาท่าทางเคร่งขรึมเวลานี้เขากำลังหาโอกาสที่จะได้สัมผัสมือของเหออวี้ฉง
เหออวี้ฉงได้ยินเช่นนั้นจึงเริ่มระมัดระวังตัวและรีบดึงมือที่วางใกล้กับขาซ้ายของโม่วู๋เตากลับมาทันที แล้วก็ไม่ยอมยื่นมือออกไปให้โม่วู๋เตาดูตามที่ขอ
หลังจากการประมูลสิ้นสุดลงและได้ทำการโอนเงินค่าสินค้าเรียบร้อยแล้ว เหออวี้ฉงจึงให้นักรบตระกูลเย่จัดส่งของที่ประมูลได้ทั้งหมดไปให้นางที่ห้อง
หลังจากที่ได้รับไขหยกม่วงแล้วเหออวี้ฉงก็ได้นำไปมอบให้กับผู้เฒ่าซึ่งมีแผลเป็นบนใบหน้า และมีดวงตาแดงก่ำผู้เป็นหัวหน้าทันที ทั้งสามผู้เฒ่าแห่งดินแดนหนานหยางรับไขหยกม่วงมาแล้ว จึงรีบรุดออกจากโรงประมูลตามเสี่ยวเม่ยเม่ยไปอย่างรวดเร็ว
โม่วู๋เตาที่รอจังหวะให้ผู้เฒ่าทั้งสามจากไปจึงรีบไปปฏิบัติภารกิจที่หลิงหยุนสั่ง ซึ่งก็คือการพาตัวเหออวี้ฉงให้ออกมาจากเขตความคุ้มครองของตระกูลเย่ หลังจากหลิงหยุนเสร็จสิ้นภารกิจของตนก็จะตามไปสมทบอีกที
วิธีการของโม่วู๋เตานั้นก็ไม่มีอะไรซับซ้อนเขาบอกกับเหออวี้ฉงผ่านกระแสจิตเพียงแค่สองสามประโยคเท่านั้น
–แม่นางข้าเป็นคนของผู้ที่คุยกับเจ้าในระหว่างประมูล หากเจ้าต้องการให้คนในครอบครัวหายจากอาการเจ็บป่วย ได้โปรดตามข้าออกไปนอกบริเวณโรงประมูลแห่งนี้สักครู่!-
–ข้าจะไปรอเจ้าอยู่ทางทิศตะวันตกหากภายในครึ่งชั่วโมงข้ายังไม่เห็นเจ้า ก็เป็นอันว่าข้อตกลงก่อนหน้าเป็นอันสิ้นสุด!-
เหออวี้ฉงซึ่งกำลังตรวจสอบของที่ประมูลมาอยู่ภายในห้องหลังจากได้ยินคำพูดของโม่วู๋เตาก็ถึงกับตกใจอย่างมาก เพราะคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะติดต่อตนกลับมาเช่นนี้
เหออวี้ฉงรู้ตัวว่าตนได้ตัดสินใจผิดพลาดไปแล้ว!
นั่นเพราะหากอีกฝ่ายหลอกลวงตนจริงหลังการประมูลสิ้นสุดลง เหตุใดยังต้องติดต่อตนกลับมาเช่นนี้เล่า!
หากจะคิดว่าอีกฝ่ายต้องการปล้นสมบัติที่ตนประมูลมาก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เพราะสิ่งของทั้งหมดล้วนอยู่ในห้องพัก และมีนักรบตระกูลเย่นับสิบคนทำหน้าที่คุ้มกันอยู่
เมื่อคิดได้เช่นนี้เหออวี้ฉงจึงรู้สึกผิดมาก และต้องการจะใช้โอกาสนี้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้กับชายชราฟัง จึงได้ให้บอดี้การ์ดฝีมือดีสองคนส่งนางออกไปทางทิศตะวันตกของโรงประมูล
โม่วู๋เตาแอบติดตามไปท่ามกลางความมืดจนกระทั่งรถของเหออวี้ฉงขับพ้นจากเขตความคุ้มครองของตระกูลเย่ โม่วู๋เตาจึงปรากฏตัว และออกมาพบเหออวี้ฉง
ด้วยชุดนักพรตเต๋าที่ดูศักดิ์สิทธิ์ในสายตาของคนทั่วไปบวกกับลิ้นสามแฉกของโม่วู๋เตา เขาพูดจาเพียงไม่กี่คำก็สามารถสร้างความเชื่อถือให้กับเหออวี้ฉงได้แล้ว โม่วู๋เตาจึงได้บอกกับนางว่า ‘อาจารย์’ ของเขาให้ไปรอในสวนสาธารณะซึ่งอยู่ใกล้กับถนนวงแหวนที่ห้าทางฝั่งตะวันออกของปักกิ่ง
เหออวี้ฉงนั้นแม้จะเป็นหญิงสาวธรรมดาแต่นางก็รู้จักชาวยุทธระดับสูงหลายคน และรู้ว่าคนพวกนี้มักทำตัวลึกลับ เมื่อได้ยินว่าชายชราที่พูดคุยกับนางในระหว่างประมูลรอคอยอยู่ นางจึงรีบตามโม่วู๋เตาไปทันที
และเมื่อทั้งคู่มาถึงสวนสาธารณะก็เป็นเวลาตีสองครึ่งพอดี ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่หลิงหยุนเพิ่งจะสังหารผู้เฒ่าทั้งสามจากดินแดนทะเลใต้หนานหยาง และโม่วู๋เตาเองก็ยังไม่ได้โทรเช็คกับหลิงหยุนก่อน
เมื่อมาถึงสวนสาธารณะและไม่พบ‘อาจารย์’ ตามที่บอกไว้ โม่วู๋เตาถึงกับทำหน้าไม่ถูก และได้แต่เอ่ยขอโทษเหออวี้ฉง
ทางด้านเหออวี้ชงเมื่อไม่พบชายชราตามที่คาดหวังก็ได้เตรียมตัวที่จะกลับไปในทันที แต่โม่วู๋เตาได้ขอร้องให้นั่งรออีกสักครู่ แต่หากนางไม่สะดวกเขาก็จะไม่รั้งไว้เช่นกัน
แต่นับว่าโชคดีที่เพียงไม่นานโม่วู๋เตาก็ได้รับโทรศัพท์จากหลิงหยุน เขาจึงรีบบอกกับเหออวี้ฉงว่าท่านหมอเทวดากำลังเดินทางมาใกล้จะถึงแล้ว
ระหว่างที่รอนั้นโม่วู๋เตาจึงอาศัยโอกาสนี้ทำนายภูมิหลังของเหออวี้ฉงจากโหวเฮ้งบนใบหน้าของนาง และนั่นทำให้เหออวี้ฉงรู้สึกตกใจไม่น้อย เพราะโม่วู๋เตากล่าวได้ถูกต้องยิ่งนัก และนั่นยิ่งทำให้เหออวี้ฉงตั้งหน้าตั้งตารอที่จะพบ‘อาจารย์’ ของโม่วู๋เตา เพราะนางรู้สึกว่าครั้งนี้ตนอาจได้พบกับยอดฝีมือที่สูงส่งอีกคนก็เป็นได้
‘ไม่แน่นว่าครั้งนี้ท่านปู่อาจจะหายจริงๆก็เป็นได้!’ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในห้วงมโนของเหออวี้ฉง
แต่เมื่อโม่วู๋เตาเปลี่ยนมาขอดูมือของตนเหออวี้ฉงจึงรีบปฏิเสธทันที!