“ท่านนักพรตโม่ดูท่าท่านคงจะมาถึงที่นี่นานแล้วสินะ!”
  ขณะที่โม่วู๋เตากำลังจะพูดพลันสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นสายตาคู่หนึ่งซึ่งกำลังจ้องมองมาจากด้านบน และแน่นอนว่าจะเป็นผู้ใดไปไม่ได้นอกจากหลิงหยุน!
  “แม่นางเหอ..ขออภัยที่ต้องให้เจ้ารอ!”
  หลิงหยุนเหาะต่ำลงมาแต่ยังไม่กระโดดลงบนพื้นดินทันทีเขายังคงยืนอยู่บนกระบี่เหินยู่เจี้ยน และเหาะอยู่เหนือพื้นดินราวหนึ่งเมตรพร้อมกับเอ่ยทักทายเหออวี้ฉง
  “ห๊ะ!”
  เหออวี้ฉงเงยหน้าขึ้นมาเห็นชายหนุ่มยืนอยู่บนดาบและกำลังเหาะอยู่กลางอากาศเช่นนั้น ก็ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ และหวาดกลัว
  แต่นี่คือความตั้งใจของหลิงหยุนที่ต้องการให้เป็นไปเช่นนั้น!
  แต่เหออวี้ฉงนั้นก็เคยพบเจอสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจมาก่อนหลังจากร้องอุทานออกไปเช่นนั้น นางก็สามารถสงบสติลงได้เกือบจะทันที
  และเมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ของหลิงหยุนแล้วเหออวี้ฉงก็ถึงกับร้องถามขึ้นมาอย่างประหลาดใจ และแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น
  “ท่าน..ท่านคืออาจารย์ของท่านนักพรตโม่งั้นรึ ข้าขอบังอาจถามชื่อเสียงเรียงนามของอาวุโสจะได้หรือไม่?”
  ‘อาจารย์งั้นรึ!’
  หลิงหยุนหันไปมองโม่วู๋เตาอย่างนึกขันและเห็นเขากำลังขยิบตาให้จึงสามารถเข้าใจได้ในทันที
  ‘ดูท่าโม่วู๋เตาคงจะยังไม่ได้บอกชื่อของข้าให้แม่นางผู้นี้ล่วงรู้..’
  หลิงหยุนจึงยิ้มออกมาพร้อมกับตอบเหออวี้ฉงไปว่า“โอ้แม่นางเข้าใจผิดแล้ว! ข้าไม่ใช่อาจารย์ของท่านนักพรต แต่เป็นพี่ชายของเขานามว่าหลินเทียน!”
  การที่หลิงหยุนปกปิดชื่อแซ่ที่แท้จริงของตนนั้นมีเพียงแค่เหตุผลเดียวคือความปลอดภัยของตัวเหออวี้ฉงเอง!
  นั่นเพราะเวลานี้หลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสามผู้เฒ่าดินแดนหนานหยางกับเหออวี้ฉงนั้นเป็นเช่นใดกันแน่อีกทั้งผู้เฒ่าทั้งสามก็ได้แจ้งชื่อของหลิงหยุนให้กับพวกของตนรู้ก่อนสิ้นใจตาย และดูจากท่าทีของเหออวี้ฉงเวลานี้ นางเองก็ยังคงไม่รู้ว่าผู้เฒ่าทั้งสามนั้นถูกสังหารตายแล้ว
  หากเขาเปิดเผยชื่อแซ่ที่แท้จริงให้กับเหออวี้ฉงรู้อาจจะกลายเป็นอันตรายต่อตัวนางเอง และครอบครัวของนางด้วย..
  “อ่อ..ที่แท้ก็คือท่านหลิน!”
  เหออวี้ฉงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยและรีบเอ่ยถามออกไปทันที “แล้วอาจารย์ของพวกท่านเล่า ตอนนี้อยู่ที่ใด กำลังเดินทางมาที่นี่งั้นรึ?”   หลิงหยุนยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับตอบไปว่า“ความรู้ทางการแพทย์ของข้าไม่ได้ด้อยไปกว่าท่านอาจารย์นัก ท่านอาจารย์จึงส่งข้ามาพบเจ้า..”
  ระหว่างที่พูดหลิงหยุนก็ได้ใช้พลังจิตควบคุมกระบี่เหินยู่เจี้ยนให้ร่อนลงด้านล่างและตัวเขาเองก็กระโดดลงมาที่พื้น
  ส่วนเหออวี้ฉงนั้นก็ได้แต่มองกระบี่เล่มใหญ่ของหลิงหยุนที่ค่อยๆเล็กลงและในที่สุดก็หายวับไปกับตาด้วยความตกตะลึง พร้อมกับรำพึงรำพันออกมา
  “เป็นไปได้ยังไง!”
  เหออวี้ฉงรีบลุกขึ้นยืนและเดินตรงเข้าไปหาหลิงหยุนทันทีพร้อมกับย่อตัวทำการคาราวะ และเอ่ยออกไปว่า
  “ข้าน้อยเหออวี้ฉงขอร้องท่านหมอได้โปรดช่วยชีวิตท่านปู่ของข้า และช่วยตระกูลเหอของข้าด้วย!”
  “แม่นางเหอเจ้าลุกขึ้นก่อน!”   หลิงหยุนร้องบอกพร้อมกับปลดปล่อยพลังปราณออกจากฝ่ามือเข้าพยุงร่างของเหออวี้ฉงให้ลุกขึ้น
  หลิงหยุนถึงกับทำหน้าไม่ถูกเพราะคิดไม่ถึงว่าเพียงแค่แสดงความสามารถเพียงเล็กน้อย อีกฝ่ายจะรีบเชื่อมั่นในตัวเขาทันทีเช่นนี้ และหากรู้ว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ หลิงหยุนคงไม่ต้องสั่งให้หวังชงเซียวไปจับสัตว์ใหญ่มาเป็นแน่!
  “เอาล่ะแม่นางค่อยๆเล่าอาการของปู่เจ้าให้ข้าฟังคร่าวๆ”
  หลิงหยุนเพิ่งจะได้สมบัติล้ำค่ากลับไปมากมายหลายชิ้นเขาอยากจะรีบกลับบ้านไปดูสิ่งของเหล่านั้นแทบใจจะขาด จึงอยากจะรีบๆจัดการธุระที่คั่งค้างนี้ให้เสร็จโดยเร็ว และไม่ต้องการเสียเวลาพูดอ้อมค้อม
  แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวที่มีท่าทางมั่นอกมั่นใจมาตลอดการประมูลกลับสะอึกสะอื้นเล็กน้อย แต่ก็เพียงประเดี๋ยวเดียวนางก็สามารถสงบสติอารมณ์ได้ และรีบบอกเล่าอาการเจ็บป่วยของชายชราให้หลิงหยุนรู้ทันที
  หลังจากที่ได้ฟังคำบอกเล่าอาการจากปากเหออวี้ฉงหลิงหยุนและโม่วู๋เตาก็พอที่จะคาดเดาเรื่องราวทั้งหมดได้
  ….
  ปรากฏว่าเหออวี้ฉงนั้นเป็นคนที่มาจากเขตปกครองพิเศษของประเทศจีนตอนใต้ดินแดนแถบนั้นล้วนมีธุรกิจบ่อนการพนันเป็นที่เลื่องชื่อ และหลายปีที่ผ่านมานี้ก็ได้แซงหน้าคาสิโนที่โด่งดังอย่างลาสเวกัสในสหรัฐอเมริกาไปแล้ว นักพนันจากทั่วโลกต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ จนกลายเป็นดินแดนแห่งการพนันที่โด่งดัง และมีผู้คนเข้ามาเล่นมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก
  ตระกูลเหอของเหออวี้ฉงนั้นนับเป็นตระกูลที่มีบ่อนคาสิโนใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลกปู่ของนางนั้นใช้เวลาคลุกคลีและล้มลุกคลุกคลานอยู่ในวงการนี้มานานหลายสิบปี กว่าที่จะสามารถก่อตั้งบ่อนคาสิโนขึ้นมาจนรุ่งเรือง และขยายอาณาเขตครอบคลุมดินแดนหนานหยางได้เกือบทั้งหมด
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งยี่สิบปีหลังนอกเหนือจากธุรกิจคาสิโนแล้ว ตระกูลเหอยังลงทุนในธุรกิจอื่นในหลายประเทศทั่วโลกด้วย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการเงิน อสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง การขนส่ง โรงแรม และอีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่ยิ่งใหญ่มีเงินทุนหมุนเวียนนับแสนๆล้าน
  แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาด้วยอายุที่มากขึ้นของผู้เฒ่าตระกูลเหอ เขาจึงต้องการที่จะเลือกทายาทมาทำหน้าที่ดูแล และสืบทอดกิจการของตน จึงได้แอบสอดส่องลูกหลาน และเหล่าทายาทรุ่นใหม่อยู่เงียบๆ
  เหออวี้ฉงนั้แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็เป็นคนเฉลียวฉลาด มีบุคลิกที่แข็งแกร่งและกล้าตัดสินใจ อีกทั้งยังเป็นคนกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่เฝ้ามองอยู่นานในที่สุดผู้ที่สะดุดตาผู้เฒ่าเหอมากที่สุดก็คือเหออวี้ฉง
  และด้วยการสนับสนุนจากผู้เฒ่าเหอเหออวี้ฉงจึงได้ทำหน้าที่ดูแลการเงินของตระกูลเหออย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขา และเมื่อใดที่ผู้เฒ่าเหอปล่อยมืออย่างแท้จริง ธุรกิจและอำนาจในการตัดสินใจของตระกูลก็จะตกอยู่ในมือของเหออวี้ฉงทันที
  แต่เมื่อปลายปีที่แล้วจู่ๆ ผู้เฒ่าเหอก็ป่วยเป็นโรคประหลาด เขากลายเป็นคนเสียสติ และมีนิสัยประหลาดที่ชอบตะโกนโวยวายใส่ผู้คน แม้แกระทั่งเหออวี้ฉงซึ่งเป็นหลานสาวที่เขารักที่สุด
  ผู้เฒ่าเหอไม่เพียงป่วยกะทันเช่นนี้แต่อาการของเขายังค่อยๆแย่ลงมากขึ้นทุกวันอีกด้วย ทำให้ภายในตระกูลเหอมีแต่เรื่องทะเลาะเบาะแว้ง และแย่งชิงอำนาจกันอย่างไม่จบไม่สิ้น เวลานี้อาจพูดได้ว่าตระกูลเหอตกอยู่ในสภาพโกลาหลวุ่นวายอย่างที่สุดก็ได้!
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหออวี้ฉงที่ต้องพบกับศึกหนักเพราะนางคือทายาทที่ผู้เฒ่าเหอได้เลือกให้มาเป็นผู้ดูแลธุรกิจทั้งหมดของตระกูลเหอต่อจากตน สมาชิกทุกคนในตระกูลจึงรวมตัวกันต่อต้านนาง!
  แม้ว่าเหออวี้ฉงจะแกร่งสักปานใดแต่การที่ไม่ได้รับความร่วมมือจากเหล่าสมาชิกภายในตระกูล จึงเป็นความรู้สึกที่ยากลำบากสำหรับนางไม่น้อย
  ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หออวี้ฉงรู้ดีว่าตราบใดที่ผู้เฒ่าเหอยังอาการไม่ดีขึ้น สถานการณ์ภายในตระกูลเหอก็จะยิ่งแย่ลง และหากผู้เฒ่าเหอเสียชีวิตลง ตระกูลเหอจะต้องตกต่ำลงทันที!
  เมื่อถึงตอนนั้นตำแหน่งทายาทผู้สืบทอดกิจการของนางก็จะไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไป!
  ด้วยเหตุนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมาแทนที่จะทุ่มเทเวลาให้กับการดูแลกิจการของตระกูล เหออวี้ฉงกลับหมกมุ่นอยู่กับการหาหนทางรักษาผู้เฒ่าเหอแทน!
  พูดได้ว่าตลอดเวลาหกเดือนมานี้เหออวี้ฉงไปมาทุกที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลที่ขึ้นชื่อว่ามีเครื่องไม้เครื่องมือทันสมัยที่สุดในโลก หรือหมอที่เก่งที่สุดในโลก แต่หมอทุกท่านกลับส่ายหน้า และไม่อาจหาสาเหตุของอาการเจ็บป่วยของผู้เฒ่าเหอได้
  แต่ในขณะที่เหออวี้ฉงกำลังรู้สึกสิ้นหวังนั้นหนึ่งในบรรดาลุงของนางก็ได้แนะนำหมอผีจากดินแดนหนานหยางให้มาทำการรักษาผู้เฒ่าเหอ และในที่สุดปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น!
  อาการของผู้เฒ่าเหอค่อยๆดีขึ้นและไม่มีพฤติกรรมแปลกประหลาดเหมือนเช่นเคย แต่ก็ยังคงเสียสติจำใครไม่ได้ แม้แต่เหออวี้ฉงเอง ผู้เฒ่าเหอยังจ้องมองราวกับคนแปลกหน้า
  สิ่งหนึ่งที่เหออวี้ฉงสงสัยมาโดยตลอดก็คือเหตุใดจู่ๆชายชราจึงได้ป่วยอย่างกะทันหัน และเหตุใดไม่ว่าแพทย์ที่เก่งกาจกลับไม่สามารถหาสาเหตุของอาการป่วยครั้งนี้ได้? แต่เหตุใดลุงของนางจึงสามารถหาคนมารักษาจนอาการดีขึ้นได้?
  แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าปู่ของนางจะปลอดภัย..
  และในระหว่างที่กำลังรู้สึกสิ้นหวังอยู่นั้นเหออวี้ฉงก็ได้ข่าวว่าในจะมีการนำสมบัติล้ำค่าอย่างไขหยกม่วง และศิลาเกลาใจออกมาประมูลที่โรงประมูลตระกูลเย่
  หลังจากที่ได้ทราบข่าวเรื่องนี้และได้รับการยืนยันจากตระกูลเย่ว่าเป็นความจริง เหออวี้ฉงก็ดีใจอย่างมาก และเดินทางมาร่วมประมูลถึงปักกิ่งด้วยตัวเอง
  แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่นางเตรียมตัวที่จะบินมาปักกิ่งด้วยเครื่องบินส่วนตัวลุงของนางกลับพาใครบางคนให้ตามมาจับตามองตนด้วย
  ซึ่งก็คือสามผู้เฒ่าหมอผีนั่นเอง!
  ลุงของนางอ้างว่าหมอผีทั้งสามสามารถใช้ไขหยกม่วงรักษาอาการเสียสติของผู้เฒ่าเหอได้และเนื่องจากไขหยกม่วงเป็นสมบัติล้ำค่า เขาจึงต้องการให้หมอผีทั้งสามคนตามมาปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยให้กับนาง
  แม้จะอ้างว่ามาปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยแต่ความจริงแล้วหมอผีทั้งสามมาเพื่อจับตามองนางนั่นเอง เหออวี้ฉงรู้ดีแก่ใจแต่ก็ไม่มีทางเลือกจึงได้แต่กัดฟันยอมทำตาม เพราะเกรงว่าหากไม่ตกลง นางจะไม่มีโอกาสแม้แต่จะมาถึงปักกิ่งด้วยซ้ำไป
  และเพื่อหาทางรักษาท่านปู่เหออวี้ฉงจำเป็นจะต้องมาถึงปักกิ่งให้ได้อย่างปลอดภัย!
  “ข้าน้อยรู้ว่าท่านเป็นผู้ที่มีวรยุทธสูงส่งได้โปรดช่วยท่านปู่ของข้าด้วยเถิด!”
  เหออวี้ฉงเล่าเหตุการณ์ภายในตระกูลให้หลิงหยุนฟังอย่างละเอียดพร้อมกับคุกเข่าลงต่อหน้าหลิงหยุนอีกครั้ง
  “หากท่านรับปากจะช่วยรักษาท่านปู่ของข้าให้หายไม่ว่าท่านต้องการสิ่งใด ข้าน้อยยินดีจะทำทุกวิถีทางเพื่อหามาให้!”
  “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!”
  หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของเหออวี้ฉงหลิงหยุนจึงยิ้มให้นางพร้อมกับช่วยพยุงนางให้ลุกขึ้นอีกครั้ง
  “แม่นางความจริงแล้วท่านปู่ของเจ้าไม่ได้ป่วย แต่ถูกคุณไสยต่างหากเล่า..”
  “เป็นดังที่ข้าคิดไว้จริงๆ!”
  เหออวี้ฉงถึงกับดวงตาแดงก่ำสีหน้าเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองทันที และตัดสินใจพูดออกไปว่า “ข้าเองก็คิดเช่นนั้นตั้งแต่แรก และผู้ที่ข้าสงสัยมากที่สุดก็คือท่านลุงกับหมอผีทั้งสามคน ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าเพียงแค่ต้องการได้อำนาจในการดูแลกิจการของตระกูล ถึงกับกล้าทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้กับพ่อของตัวเอง!”
  “เฮ้อ..”
  หลิงหยุนถึงกับถอนหายใจออกมาเพราะนึกไปถึงถึงหลิงเจิ้นซึ่งเป็นลุงของตนเองเช่นกัน!
  หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมพูดกับเหออวี้ฉงว่า“หากเป็นเช่นนี้จริง การรักษาปู่ของเจ้าคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายแล้วล่ะ เพราะนั่นย่อมเป็นการประกาศตัวเป็นปรปักษ์กับลุงและพรรคพวกของเขา ซึ่งจะมีปัญหาอื่นตามมาอีกมากมาย..”   เหออวี้ฉงยังคงยืนยันเช่นเดิม“ขอท่านเซียนได้โปรดช่วยปู่ของข้าด้วยเถิด!”
  “นี่เจ้าอย่าได้เรียกข้าว่าเซียน!ข้ายังห่างไกลมากนัก!”
  หลิงหยุนยิ้มกว้างให้พร้อมกับบอกไปว่า“เจ้าเรียกข้าว่าหลินเทียนเถิด..”
  หลิงหยุนสังหารหมอผีทั้งสามคนตายแล้วและชื่อของเขาก็ได้ถูกพวกมันล่วงรู้แล้ว
  ปัญหาที่จะตามมานั้นไม่ได้หมายถึงปัญหาของเหออวี้ฉงเพียงคนเดียวแต่หมายถึงปัญหาของเขาเองด้วย เพราะจากที่คาดคิดไว้ว่าจะสามารถรักษาเสร็จสิ้นภายในวันเดียวนั้น กลับกลายเป็นว่าน่าจะต้องใช้เวลาสักสองสามวันเลยทีเดียว
  และนี่ก็เข้าใกล้งานชุมนุมชาวยุทธแล้วเขาแทบไม่มีเวลาเลย..
  เหออวี้ฉงเห็นสีหน้าลังเลของหลิงหยุนจึงรีบร้องบอกไปว่า “ท่านหลิน.. หากท่านรับปากช่วยตระกูลเหอ ไม่ว่าท่านต้องการสิ่งใด หรือต้องการให้ข้าทำอะไร ข้ายินดีทำให้ทุกอย่าง!”
  เหออวี้ฉงมั่นใจอย่างยิ่งว่าหลินเทียนจะต้องเป็นยอดฝีมือที่สูงส่งยิ่งนักและเขาก็เปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายของนางแล้ว ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม!
  ที่นางมั่นใจอย่างมากเช่นนั้นเพราะนางเห็นหลิงหยุนเหาะได้ในขณะที่นางเองไม่เคยเห็นหมอผีทั้งสามนั้นเหาะได้เลย..
  “สิ่งที่ข้าต้องการมากที่สุดก็คือ…”
  หลิงหยุนพูดออกมาพร้อมกับทำท่าทางครุ่นคิดเหออวี้ฉงเห็นว่าหลิงหยุนยอมตกลงเช่นนั้น จึงรีบร้องบอกไปด้วยความดีอกดีใจ
  “ท่านหลินได้โปรดเอ่ยมา!”
  “เรื่องแรก..เจ้าจะต้องพักอยู่ปักกิ่งอีกสักสองสามวัน สมุนไพรที่เจ้าประมูลไปนั้นก็ต้องมอบให้กับข้าบางส่วน ข้าจำเป็นต้องใช้มั่นกลั่นโอสถคืนวิญญาณเพื่อใช้ในการรักษาท่านปู่ของเจ้า!”
  เหออวี้ฉงพยักหน้าหงึกๆเป็นไก่จิกเม็ดข้าวพร้อมกับตอบไปว่า“ได้.. ข้ายินดีมอบสมุนไพรให้กับท่าน!”
  “แต่ในเมื่อมีคนจ้องที่จะทำร้ายปู่ของเจ้าต่อให้ข้ามอบโอสถคืนวิญญาณให้เจ้านำกลับไปรักษาท่านปู่จนหาย ก็คงจะเป็นการแก้ปัญหาได้เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะพวกมันคงต้องหาหนทางเล่นงานใหม่อยู่ดี และไม่แน่ว่าครั้งต่อไปอาจเป็นอันตรายทั้งตัวเจ้า แล้วก็ปู่ของเจ้าด้วย..”
  เหออวี้ฉงถึงกับมีสีหน้าตกใจและใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาวพร้อมกับถามเสียงสั่น “ถ้าเช่นนั้นท่านหลินได้โปรดชี้แนะด้วยว่า ข้าควรทำเช่นใด”
  หลิงหยุนยิ้มออกมาพร้อมกับตอบไปว่า“ข้าจะนำโอสถคืนวิญญาณไปรักษาปู่ของเจ้าด้วยตัวเอง ต่อให้พวกมันคิดจะฆ่าปู่ของเจ้าอีกครั้งก็ยากที่จะทำสำเร็จ!”