“เช่นนั้นก็ยิ่งดี!”
เหออวี้ฉงร้องออกมาด้วยความดีอกดีใจเพราะตราบใดที่ชายหนุ่มนามหลินเทียนยินยอมไปรับกษาท่านปู่ของนางด้วยตัวเองเช่นนี้ ไม่เพียงมั่นใจว่าท่านปู่ของนางจะปลอดภัย แม้แต่ตัวนางเองก็ต้องปลอดภัยด้วยเช่นกัน!
“แต่ยังมีข้อที่สาม..”
หลิงหยุนเหลือบมองเหออวี้ฉงพร้อมกับนิ่งไปเล็กน้อย
เหออวี้ฉงถึงกับกลั้นหายใจและได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า ข้อที่สามนี้คงจะต้องเป็นข้อเรียกร้องที่หนักหนาเป็นแน่..
แต่แล้วก็ได้ยินหลิงหยุนพูดออกมาว่า“ช่วงนี้ข้าเองก็มีภารกิจรัดตัวยิ่งนัก จึงไม่สามารถตามเจ้ากลับไปได้ในเวลาอันสั้น..”
นั่นเพราะหลิงหยุนจะต้องไปร่วมงานชุมนุมชาวยุทธและก่อนที่เขาจะออกเดินทางนั้น จำต้องเตรียมการหลายสิ่งหลายอย่างให้พร้อมเพื่อความปลอดภัย ด้วยเหตุนี้หลิงหยุนจำต้องให้เหออวี้ฉงรอไปก่อน
หลิงหยุนจำต้องรอให้งานชุนนุมชาวยุทธสิ้นสุดลงก่อน..
“เอ่อ…”
เหออวี้ฉงถึงกับทำสีหน้าไม่ถูกในใจรู้สึกโล่งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นจึงยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง..ในเมื่อท่านหลินมีภารกิจรัดตัวเช่นนี้ ข้าก็ยินดีรอ ไม่ทราบว่าท่านหลินจะเสร็จภารกิจที่ยุ่งเหยิงนี้เมื่อใด”
“น่าจะอีกราวสามอาทิตย์เป็นอย่างน้อยแต่รับรองได้ว่าไม่เกินหนึ่งเดือน..” หลิงหยุนตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ข้าน้อยไม่มีปัญหาอะไร!”
เหออวี้ฉงรีบตอบรับกลับไปทันทีในเมื่อนางเองก็ทำทุกวิถีทางมาตลอดครึ่งปีแล้วเวลานี้ความหวังที่จะรักษาปู่ของนางให้หายเริ่มสว่างขึ้น จะต้องรอต่อไปอีกสักหนึ่งเดือนจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ทิ้งที่อยู่หรือเบอร์โทรไว้ให้ท่านติดต่อกลับไป”
หลิงหยุนพยักหน้าแทนคำพูดและไม่พูดอะไรอีก..
“เอ่อ..”
เหออวี้ฉงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจถามออกไปว่า“มีเงื่อนไขเพียงแค่สามข้อนี้เองรึท่านหลิน ไม่.. ไม่มีขอเรียกร้องอื่นอีกแล้วจริงๆงั้นรึ?”
เงื่อนไขของหลิงหยุนมีเพียงสามข้อเท่านั้นคือ..หนึ่ง – ขอสมุนไพรสำหรับกลั่นโอสถ สอง – เขาจะไปรักษาผู้เฒ่าเหอด้วยตัวเอง และสาม – เขาขอเวลาหนึ่งเดือน
แต่ในสามข้อของหลิงหยุนนั้นมีเพียงข้อที่สามจึงจะสามารถเรียกว่าเงื่อนไขได้จริงๆ ส่วนสองข้อแรกนั้นควรจะเรียกว่าความหวังดีจึงจะถูกต้อง
“ไม่มี..”
หลิงหยุนยิ้มกว้างและตอบกลับไปเพียงแค่สั้นๆ แต่ภายในใจนั้นกลับกระหยิ่มยิ้มย่อง ‘ในเมื่อไขหยกม่วงอยู่กับข้าแล้ว ข้ายังจะเรียกร้องอะไรจากเจ้าอีกเล่า..’
เวลานี้ไขหยกม่วงมูลค่าหกพันล้านหยวนได้อยู่ในแหวนจักรวาลของหลิงหยุนแล้วส่วนสมุนไพรที่ให้เหออวีฉงนำมาให้นั้นก็มีมูลค่านับพันล้าน
โอสถคืนวิญญาณงั้นรึหลิงหยุนก็พูดไปเช่นนั้นเอง เขาอาจไม่จำเป็นต้องใช้มันรักษาเผู้เฒ่าเหอด้วยซ้ำ..
“เอ่อ..”
เหออวี้ฉงมีท่าทีลังเลอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดก็ส่ายหน้าและตัดสินใจพูดออกไปว่า “ท่านหลิน ท่านเป็นผู้มีวรยุทธสูงส่งยิ่งผู้หนึ่ง ข้าน้อยรู้สึกชื่นชมยิ่งนัก แต่..”
“แต่ในเมื่อท่านหลินรับปากช่วยจะรักษาท่านปู่ให้หายและยังช่วยให้ข้าน้อยเหออวี้ฉงปลอดภัยอีกด้วย หากไม่สามารถตอบแทนท่านหลินได้แม้แต่น้อยนิด ข้าน้อยคงรู้สึกผิดหวังยิ่งนัก..”
หลิงหยุนโบกมือไปมาพร้อมกับยิ้มกว้างแล้วตอบเหออวี้ฉงไปว่า “เรื่องนั้นเจ้าอย่าได้วิตกกังวลไปเลย ในเมื่อเจ้าเองก็ได้ทำตามที่รับปากกับข้าไว้แล้วเช่นกัน เจ้าประกาศถอนตัวจากการประมูลศิลาเกลาใจ ข้าก็ต้องรักษาปู่ของเจ้าตามที่รับปากไว้ ก็เท่านั้น!”
“แต่..ท้ายที่สุดท่านเองก็ไม่ได้ศิลาเกลาใจไปเช่นกัน เพราะผู้ประมูลหมายเลข 958 เป็นผู้ประมูลได้ไป!”
แต่เมื่อพูดมาถึงตรงนี้เหออวี้ฉงก็นิ่งอึ้งไปและมีสีหน้าตกใจ ก่อนจะถามหลิงหยุนไปว่า “หรือหมายเลข 958 จะเป็นคนของท่าน”
“ไม่..ไม่ใช่..”
หลิงหยุนรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันทีและระล่ำระลักอธิบายออกไปว่า “หมายเลข 958 ไม่เกี่ยวข้องกับข้าเลยแม้แต่น้อย แต่ท่านอาจารย์ของข้าอาจจะรู้จักกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังนางอีกที จึงได้ขอให้นางช่วยประมูลศิลาเกลาใจนี้ให้ เจ้าอย่าลืมว่านางประมูลสินค้าชิ้นแรกได้ นางก็จะได้ส่วนลดในชิ้นต่อๆไป..”
จากนั้นหลิงหยุนก็ยิ้มกว้างให้กับเหออวี้ฉงพร้อมกับพูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “เฮ้อ.. ผู้ฝึกวรยุทธใช่ว่าจะร่ำรวย ครั้งนี้ท่านอาจารย์ของข้าประมูลศิลาเกลาใจไป คงต้องหมดตัวเป็นแน่..”
เหออวี้ฉงได้ฟังน้ำเสียงที่เศร้าสร้อยของหลิงหยุนจึงรีบพูดขึ้นว่า“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา หากท่านหลินช่วยรักษาปู่ของข้าจนหาย ข้ายินดีมอบเงินหนึ่งหมื่นล้านหยวนให้กับท่านเป็นรางวัล หากไม่พอ.. ท่านสามารถเสนอจำนวนเงินมาได้เลย!”
หลิงหยุนได้แต่แอบคิดในใจว่า..‘อีกหนึ่งเดือนข้าจะได้เงินหนึ่งหมื่นล้านหยวนเชียวรึ จะไม่ให้ร่ำรวยได้อย่างไรกัน..’
หลิงหยุนไม่ตอบรับแล้วก็ไม่ปฏิเสธ เพียงแค่บอกไปว่า “แม่นางเหอ ข้าจำเป็นต้องเตือนเจ้าสักสองสามเรื่อง..”
“ท่านหลินเชิญท่านพูดมาเถิด!”
เวลานี้เหออวี้ฉงไม่เหลือความคลางแคลงใจในตัวหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อยจึงต้องการให้เขาพูดกับนางอย่างเปิดเผย
“เรื่องแรก..ข้ารู้มาว่าหมอผีทั้งสามที่ติดตามแม่นางมานั้นได้เสียชีวิตแล้ว”
“อะไรนะ!”
เหออวี้ฉงถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“แม่นางเหอเจ้าอย่าได้ตื่นตกใจไป ในเมืองหลวงมียอดฝีมืออยู่มากมาย การที่หมอผีทั้งสามจะถูกชาวยุทธสังหารจึงไม่ใช่เรื่องแปลก”
“ข้าเชื่อว่าลุงของเจ้าและคนของเขาคงไม่คิดว่าเจ้าจะมีความสามารถสังหารพวกเขาทั้งสามเป็นแน่หากมีผู้ใดถามเรื่องนี้กับเจ้า เจ้าก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไป..”
เหออวี้ฉงพยักหน้า“ข้าน้อยเข้าใจขอบคุณท่านหลินที่บอกเรื่องนี้กับข้า!”
“ในเมื่อหมอผีทั้งสามถูกสังหารตายในปักกิ่งข้าจึงอยากจะเตือนแม่นางเหอว่า หมอผีพวกนี้คงจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้แน่ พวกมันอาจจะลงมือรุนแรงมากขึ้น ข้าจึงขอให้แม่นางเหอระมัดระวังตัวให้มากกว่าเก่า..”
ที่หลิงหยุนต้องเตือนเหออวี้ฉงไว้ก่อนล่วงหน้านั้นเพราะต้องการให้นางเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมกับเรื่องที่จะต้องเผชิญ
เขาเชื่อว่าเหออวี้ฉงจะสามารถจัดการและรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆได้ ในเมื่อนางเองก็เป็นถึงทายาทตระกูลเหอ..
“ขอบคุณท่านหลินเรื่องนี้ไม่มีปัญหา ข้ารู้ว่าควรต้องจัดการเช่นใด”
หลิงหยุนพยักหน้า“ดีมาก!”
“ส่วนเรื่องที่สองที่ข้าต้องเตือนแม่นางก็คือเจ้าต้องไม่บอกผู้ใดถึงเรื่องที่พบกับข้าในคืนนี้ และหากจะให้ดีที่สุดก็คือลืมเรื่องในคืนนี้ไปเสีย อย่าได้คิดสืบเรื่องของข้า ไม่เช่นนั้นข้อตกลงทั้งหมดของเจ้ากับข้าจะเป็นโมฆะทันที มิหนำซ้ำแม่นางเองก็อาจถูกสังหารตายได้เช่นกัน!”
เรื่องนี้สำคัญยิ่งนักหลิงหยุนจำต้องข่มขู่ให้นางหวาดกลัว..
เหออวี้ฉงได้ฟังถึงกับใจเต้นแรงและรีบพยักหน้าพร้อมกับให้สัญญาทันที “ได้! ท่านหลินโปรดวางใจ!”
ในเวลานั้นเหออวี้ฉงได้ตัดสินใจล้มเลิกความคิดที่จะสืบหาฐานะที่แท้จริงของหลิงหยุนทันที!
หลิงหยุนยิ้มออกมาอย่างพออกพอใจแล้วจึงพูดกับนางต่อว่า “เอาล่ะ หลังจากบอกข้อมูลการติดต่อของเจ้าให้ข้ารู้แล้ว เจ้าก็กลับไปที่โรงแรมได้!”
หลังจากที่ให้ข้อมูลการติดต่อกับหลิงหยุนไปแล้วเหออวี้ฉงจึงรีบถามขึ้นว่า “ท่านหลิน.. แล้วเรื่องสมุนไพรเล่า ไม่ทราบจะให้ข้าจัดส่งไปให้ท่านเช่นใด” หลิงหยุนครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วจึงตอบกลับไปว่า“พรุ่งนี้จะมีคนติดต่อเจ้าไป ถึงตอนนั้นเจ้าค่อยจัดส่งสมุนไพรไปตามที่อยู่ของคนผู้นั้น!”
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วขณะที่หลิงหยุนกำลังจะร้องสั่งให้โม่วู๋เตาส่งเหออวี้ฉงกลับไปที่โรงแรม จู่ๆก็มีบางสิ่งบางอย่างปรากฏขึ้น
ห่างจากสวนสาธารณะไปราวสองกิโลเมตรมีใครบางคนปรากฏตัวขึ้น และในมือของเขาก็อุ้มแพะสีขาวตัวใหญ่ไว้ในมือ!
และแน่นอนว่าคนผู้นี้ก็คือหวังชงเซียวหลิงหยุนยิ้มออกมาพร้อมกับสั่งให้เขาเหาะลงมาที่พื้นด้านล่าง
หวังชงเซียวอุ้มแพะสีขาวตัวใหญ่ไว้และค่อยๆเหาะลงมาที่พื้นอย่างช้าๆ
“เอ่อ…”
เหออวี้ฉงเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง.. “แม่นางเหอข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่เชื่อถือพวกเรา ข้าจึงได้เตรียมการบางอย่างล่วงหน้า แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่จำเป็นอีกแล้ว..”
“ไหนๆแพะตัวใหญ่ก็ถูกนำมาแล้ว ข้าก็จะแสดงบางอย่างให้แม่นางดู!”
ที่หลิงหยุนสั่งให้หวังชงเซียวไปนำสัตว์มาให้นั้นก็เพราะต้องการแสดงทักษะทางการแพทย์ที่เก่งกาจของหมออมตะให้เหออวี้ฉงดูนั่นเอง..
หลังจากที่พูดจบหลิงหยุนก็ใช้พลังจิตควบคุมกระบี่เหินเงาธนูให้พุ่งเข้าใส่ร่างของเจ้าแพะตัวใหญ่ทันที
ฟิ้ว..
กระบี่เหินเงาธนูพุ่งเข้าเชือดขาทั้งสี่ข้างของเจ้าแพะเคราะห์ร้ายจนเกิดเป็นบาดแผลเหวอะหวะขนาดใหญ่ และเลือดพุ่งกระฉูดออกมาทันที..
“แม่นางเหอ..เจ้าคอยดูให้ดี!”
หลิงหยุนไม่ต้องการให้เจ้าแพะเคราะห์ร้ายต้องเจ็บปวดนานนักเขารีบเรียกยันต์บำบัดออกมาทำการปิดบาดแผลทั้งสี่ไว้ทันที!
และหลังจากที่หลิงหยุนร้องตะโกนสั่งให้ยันต์ออกฤทธิ์บาดแผลเหวอะหวะทั้งสี่ของเจ้าแพะก็หายวับไปกับตาทันที แผลที่ลึกจนเห็นกระดูเมื่อครู่นั้นสมานติดกันเป็นเนื้อเดียวภายในพริบตา และสามารถมองเห็นชัดเจนด้วยตาเปล่า
“ว้าว!”
เหออวี้ฉงร้องอุทานออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจเพราะสิ่งที่เห็นนั้นราวกับปาฏิหารย์!
จากนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปดูบาดแผลของเจ้าแพะอย่างใกล้ชิดและพบว่าแม้แต่ร่องรอยของบาดแผลก็ไม่มีหลงเหลือให้เห็น!
ไม่เพียงเหออวี้ฉงที่ตกตะลึงแม้กระทั่งหวังชงเซียวเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน! เขาเพิ่งจะเข้าใจว่าหตุใดหลิงหยุนจึงสั่งให้ตนไปนำสัตว์มาที่นี่ และได้แต่คิดในใจว่าแม้แต่ยันต์ที่ตระกูลเย่นำมาประมูล ยังไม่มีฤทธิ์ที่น่าอัศจรรย์ใจเช่นนี้เลย!
ทั้งค่ายกลยันต์ และแหวนพื้นที่.. ยังมีสิ่งใดที่คุณชายผู้นี้ยังไม่แสดงให้เขาเห็นอีกหรือไม่
หวังชงเซียวดีอกดีใจราวกับได้ค้นพบขุมสมบัติล้ำค่าความรู้สึกของเขาเวลานี้ไม่ต่างจากพอลกับเจสเตอร์นัก..
หลังจากรักษาบาดแผลให้กับเจ้าแพะสีขาวตัวใหญ่แล้วหลิงหยุนึงหันไปยิ้มให้กับเหออวี้ฉงพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“แม่นางเหอนี่ก็เป็นเวลาตีสามกว่าแล้ว ข้าไม่รู้จะไปหาผู้ป่วยทางจิตที่ไหนมาทำการรักษาให้เจ้าดู เห็นทีคงต้องเป็นคราวหน้าแล้วล่ะ..”
“ท่านหลินไม่จำเป็นเลย เพียงแค่นี้ข้าก็เชื่อท่านแล้ว!”
เหออวี้ฉงรีบโบกไม้โบกมือพร้อมกับร้องปฏิเสธทันทีและได้แต่นึกเสียดายยันต์ล้ำค่าที่หลิงหยุนใช้ไป สมบัติล้ำค่าเช่นนี้จะต้องใช้เงินจำนวนมากเท่าใดจึงจะหาซื้อได้ แต่อีกฝ่ายกลับนำมาใช้เพียงแค่ต้องการให้นางเชื่อมั่น เหออวี้ฉงยิ่งคิดก็ยิ่งเสียดาย!
หลังจากที่ทำให้เหออวี้ฉงเชื่อมั่นได้แล้วสองฝ่ายต่างก็อำลากันและกัน หลิงหยุนสั่งให้โม่วู๋เตาไปส่งเหออวี้ฉง ส่วนเขาก็กลับไปเส้นทางเดิม
จากนั้นหลิงหยุนก็เอื้อมมือไปตบบ่าหวังชงเซียวพร้อมกับกระซิบว่า “เอาล่ะ.. ข้ามีภารกิจสำคัญชิ้นที่สองให้เจ้าทำ!”
“คุณชายจะบอกให้ข้านำแพะตัวนี้กลับไปไว้ที่เดิมใช่หรือไม่”
หวังชงเซียวแทบอยากจะร้องไห้ออกมาอีกครั้งแต่ก็ไม่มีน้ำตาเช่นเคย..