แต่ถึงแม้หวังชงเซียวอยากจะร้องไห้แต่เขาก็ดีใจอย่างมากที่ได้รู้ว่า ตนนั้นช่างโชคดียิ่งนักที่ได้มาพบกับหลิงหยุน อย่าว่าแต่จะให้เขาเป็นลูกน้องของหลิงหยุนเลย เขาพร้อมที่จะคาราวะหลิงหยุนเป็นอาจารย์ด้วยซ้ำ หากหลิงหยุนยินยอม..
หลิงหยุนถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกับตอบไปว่า“ในเมื่อเราหยิบของของผู้อื่นมาโดยไม่บอกเจ้าของเช่นนี้ ก็ต้องนำกลับไปคืนเจ้าของจึงจะถูกต้องไม่ใช่รึ แต่เอาเถิด.. เพียงแค่แพะตัวเดียวคงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนัก..”
“ถ้าเช่นนั้นคุณชายมีภารกิจสำคัญใดให้ข้าทำอย่างนั้นรึ!”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมตอบหวังชงเซียวไปว่า“ตอนนี้ก็เกือบจะตีสี่แล้ว ข้าว่าเจ้าไปหาที่พักผ่อนก่อนจะดีกว่า แต่ห้ามกลับไปที่โรงประมูลโดยเด็ดขาด!” “เอ่อ..”
“คุณชาย..ในขั้นลิ่วเฉิงชี่นี้ ข้าไม่ต้องกินไม่ต้องนอนติดต่อกันได้ถึงเจ็ดแปดวัน”
ความหมายของหวังชงเซียวก็คือเขาสามารถติดตามหลิงหยุนไปได้ทุกที่นั่นเอง..
“เจ้าต้องการกลับไปที่บ้านกับข้างั้นรึ!”หลิงหยุนยิ้มมุมปากพร้อมกับถามไปตามตรง
“ข้าเป็นลูกน้องของคุณชายย่อมไม่กล้าร้องขอ คุณชายได้โปรดพิจารณาตามความเหมาะสมเถิด..”
หลิงหยุนหยิบยันต์บำบัดระดับหกออกมาส่งให้หวังชงเซียวพร้อมกับสั่งว่า “นี่คือยันต์บำบัดระดับหก เจ้าจัดการรักษาบาดแผลที่มือทั้งสองข้างของเจ้าก่อน..”
บาดแผลทั้งสองของหวังชงเซียวนั้นเกิดจากการประมือกับหลิงหยุนก่อนหน้านี้นั่นเองแต่ถึงแม้จะเป็นบาดแผลเล็กน้อย แต่หวังชงเซียวก็รู้สึกเจ็บแปลบอยู่ตลอด.. “ขอบคุณคุณชาย!”
หวังชงเซียวเอ่ยขอบคุณหลิงหยุนด้วยความดีอกดีใจที่หลิงหยุนมอบยันต์บำบัดล้ำค่าให้ตนใช้รักษาอาการบาดเจ็บเช่นนี้
หลิงหยุนเห็นหวังชงเซียวเก็บยันต์ไว้เช่นนั้นจึงรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่คิดที่จะใช้มัน แต่เขาก็ไม่สนใจ และบอกกับหวังชงเซียวว่า
“ข้าไม่สามารถพาเจ้ากลับไปที่บ้านได้จริงๆเจ้าไปหาที่พักชั่วคราวในปักกิ่งก่อน แล้วข้าจะติดต่อเจ้ากลับไปอีกที..”
“น้อมรับคำสั่งคุณชาย!”หวังชงเซียงตอบกลับทันทีเช่นกัน
จากนั้นทั้งคู่ต่างก็ให้ข้อมูลติดต่อของกันและกันหลิงหยุนเหลือบมองเจ้าแพะสีขาวพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ในเมื่อเจ้าเองก็ไม่มีธุระอะไรเร่งรีบก็นำเจ้าแพะนี้กลับไปที่เดิมเถิด..”
“ขอรับ!”
และหลังจากที่หวังชงเซียวจากไปพร้อมกับแพะสีขาวตัวใหญ่แล้วหลิงหยุนก็เรียกรถออกมาจากแหวนจักรวาล และขับกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลิงทันที
“คืนนี้ช่างเป็นคืนที่มีความสุขจริงๆ!”
หลิงหยุนพึมพำออกมาอย่างอารมณ์ดีระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้านเพราะในคืนนี้เขาได้รับผลประโยชน์อย่างมากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดจำนวนมาก และสมบัติล้ำค่าต่างๆที่จะเป็นประโยชน์ต่อตระกูลหลิงยิ่งนัก
“รีบกลับบ้านดีกว่า..”
หลิงหยุนนึกถึงภูเขาไฟหลากสีด้วยความตื่นเต้นดีใจและรีบเหยียบคันเร่งบึ่งรถไปอย่างรวดเร็ว
ระยะทางจากวงแหวนที่ห้าตะวันออกไปจนถึงคฤหาสน์ตระกูลหลิงนั้นห่างกันเพียงแค่สิบกว่ากิโลเมตรเท่านั้น หลิงหยุนจึงขับกลับไปถึงอย่างรวดเร็ว
เมื่อเข้าไปในห้องของตนเองหลิงหยุนก็ได้สร้างค่ายกลสกัดจิตหยั่งรู้ของคนภายนอกขึ้น เพราะมีสมบัติล้ำค่าบางชิ้นที่เขาไม่ต้องการให้คนในตระกูลหลิงได้รู้เช่นกัน
อย่างเช่นภูเขาไฟหลากสีเป็นต้น..
หลังจากที่สร้างค่ายกลเสร็จเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนก็รีบนำภูเขาไฟหลากสีออกมาสำรวจทันที ภูเขาไฟหลากสีนี้มียอดทั้งหมดห้ายอด และมีเปลวไฟทั้งหมดห้าสีที่กำลังลุกโชน
“พ่อหนุ่มสายตาของเจ้าเฉียบคมยิ่งนัก อีกทั้งยังมีความรอบรู้มากมาย สมบัติล้ำค่าอย่างภูเขาไฟหลากสีเช่นนี้ เจ้ายังสามารถได้มันมาครอบครอง..”
ระหว่างที่หลิงหยุนกำลังชื่นชมอยู่กับภูเขาไฟหลากสีนั้นเสียงของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ก็ดังขึ้นท่ามกลางจุดซือไห่..
“โอ้..อาวุโสกล่าวชนเกินไป!”
ไม่บ่อยนักที่พู่กันจักรพรรดิจะยอมสื่อสารกับตนเมื่อได้ยินเช่นนั้นหลิงหยุนจึงถึงกับหัวใจพองโต
“เจ้าจะมั่วชื่นชมความงามของมันอยู่ทำไมกันเล่ารีบกลืนเปลวไฟทั้งห้าเข้าไปเร็วเข้า? อย่าได้รีรอให้เสียเวลา..”
พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์เอ่ยเร่งเร้าหลิงหยุน
“เอ่อ..”
หลิงหยุนมีสีหน้ากระอักกระอ่วนและมีท่าทีลังเล
“เจ้าเด็กโง่..นี่เจ้าคิดจะยึดเปลวไฟห้าธาตุไว้ใช้แต่เพียงผู้เดียวงั้นรึ!”
พู่กันจักรพรรดิเอ่ยตำหนิในความขี้เหนียวของหลิงหยุนจากนั้นจึงพูดต่อว่า “เปลวไฟห้าธาตุนี้จะช่วยบ่มเพาะพลังหยินและหยางในกายเจ้า จากนั้นจะกลับกลายเป็นเปลวไฟห้าธาตุหยินหยาง ส่วนตัวข้าเองกับตาเฒ่านั่นก็ยังจะได้ประโยชน์จากมันด้วย..”
หลิงหยุนรีบถามกลับไปทันที“ไม่ทราบอาวุโสทั้งสองจะได้ประโยชน์ใดจากเปลวไฟห้าธาตุนี้งั้นรึ”
“พวกเราก็จะเปลวไฟห้าธาตุสามารถซ่อมแซมตัวเองน่ะสิ!”
พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์เคยผ่านศึกสงครามครั้งใหญ่ในอดีตมาและจำต้องซ่อมแซมรักษาตนเอง
“แต่เจ้าอย่าได้กังวลใจไปว่าเปลวไฟห้าธาตุหยินหยางนี้จะถูกพวกเราดูดซับเข้าไปจนหมดเพราะพวกเราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพียงแต่ต้องการใช้ความร้อนของเปลวไฟนี้ซ่อมแซมตลอดทั้งวันทั้งคืนต่างหาก..”
และแน่นอนว่าหลิงหยุนไม่เคยกลัวพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์และสมุดจักรพรรดิแห่งผืนแผ่นดินจะขโมยเปลวไฟห้าธาตุของตนไป เพราะตราบใดที่มีทั้งสองอยู่ด้วยเช่นนี้ ไม่ว่าจะเกิดอันตรายอะไรเขาก็จะปลอดภัย..
“ขอบคุณอาวุโสที่ชี้แนะ!”
จากนั้นหลิงหยุนก็อ้าปากกว้างพร้อมกับก้มหน้าลงดูดกลืนเปลวไฟห้าธาตุเข้าไปทันที! เปลวไฟห้าธาตุนั้นไม่ร้อนและไม่สามารถเผารนวัตถุอื่นได้ หลิงหยุนจึงสามารถดูดกลืนเข้าไปได้อย่างง่ายดาย..
หลังจากที่เปลวไฟห้าธาตุถูกดูดกลืนเข้าไปในท้องเปลวไฟเหล่านั้นก็ได้ห่อหุ้มพลังหยินและหยางทั้งหมดไว้ทันที และกระบวนการบ่มเพาะหยิน–หยางก็ได้เริ่มต้นขึ้น
เวลานี้จุดตันเถียนของหลิงหยุนได้มีเปลวไฟห้าสีลุกโชนโชติช่วงอยู่ตลอดเวลา..
ดวงตาปลาหยินและปลาหยางเองก็ถูกเปลวไฟทั้งห้าโอบล้อมบ่มเพาะเช่นกัน!
“ฮ่า..ฮ่า.. คงจะอีกราวครึ่งเดือน เปลวไฟห้าธาตุนี้ก็จะกลายเป็นเปลวไฟห้าธาตุหยินหยางแล้ว!”
หลิงหยุนนึกถึงประโยชน์ที่จะได้รับตามมาหลังจากบ่มเพาะเปลวไฟห้าธาตุหยินหยางได้สำเร็จก็ถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความดีอกดีใจ “เจ้าคงดีใจมากสินะ!แต่ก็ไม่แปลกที่เจ้าจะมีความสุขเช่นนี้!” พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์เอ่ยขึ้น ก่อนจะเงียบไปและคร้านที่จะสื่อสารกับหลิงหยุนอีก
หลิงหยุนจึงพอคาดเดาได้ว่าสมบัติชิ้นอื่นๆนั้นคงไม่อยู่ในสายตาของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์เป็นแน่..
หลังจากที่เปลวไฟห้าธาตุถูกหลิงหยุนกลืนลงท้องไปแล้วแต่สีสรรของภูเขาไฟยังคงสวยงามไม่น้อย เพียงแต่ไม่มีเปลวไฟหลากสีลุกโชติช่วงให้เห็นอีกเท่านั้น..
แต่ถึงกระนั้นนี่ก็คือภูเขาไฟหลากสีของจริงแม้เปลวไฟทั้งห้าสีของมันจะดับลงแล้ว แต่หากตั้งทิ้งไว้อีกสักช่วงระยะเวลาหนึ่ง เปลวไฟทั้งห้าก็จะลุกโชนขึ้นได้อีกครั้ง
นี่จึงนับเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแท้จริง!
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็มองเข้าไปในแหวนจักรวาลของตนเองอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็เรียกศิลาห้าสีออกมา.. หลิงหยุนถือศิลาห้าสีซึ่งมีทั้งสีม่วงสีขาว สีเหลือง สีแดง และสีดำไว้ในมือ พร้อมกับร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
“ภายในจะมีไขหยกอยู่หรือไม่นะ!”
ตั้งแต่ที่หลิงหยุนได้ศิลาห้าสีมานั้นเขาก็เก็บมันเอาไว้ภายในแหวน และไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไหร่นัก เพราะไม่มีพลังชีวิตกระจายออกมาเลยแม้แต่น้อย
แต่เป็นเพราะความสวยงามของมันและเป็นหินที่หาได้ยาก หลิงหยุนจึงได้เก็บเอาไว้ก่อน อีกทั้งเขาเองก็ไม่ได้ขัดสนเงินทองจึงไม่คิดที่จะขายมันไป
เขาจำได้ว่าตั้งแต่ซื้อหินนี้มาเขาใช้ประโยชน์จากมันไปเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น คือตัดหินทั้งห้าสีขนาดเท่าฝ่ามือไปทำเป็นเครื่องประดับมอบให้กับเย่ซิงเฉิน
หลิงหยุนใช้พลังจิตควบคุมกระบี่กังฉีออกมาเพื่อที่จะเริ่มตัดหินสีแดงดูก่อน เขาค่อยๆควบคุมกระบี่กังฉีให้เจาะเข้าไปด้านในของหินทีละเล็กทีละน้อย และใช้จิตหยั่งรู้สอดส่องไปตามร่อง และเมื่อใดที่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่ปลดปล่อยออกมา นั่นย่อมหมายถึงความสำเร็จ!
หนึ่งเซ็นติเมตร..สองเซ็นติมตร..
แต่เมื่อเจาะเข้าไปลึกถึงห้าเซ็นติเมตรจนเป็นรอบวงกลมแล้วกลับไม่มีพลังชีวิตไหลหลั่งออกมาเลยแม้แต่น้อย หลิงหยุนจึงได้แต่ผิดหวัง
แต่ทันทีที่เขาใช้กระบี่กังฉีผ่าเข้าไปตรงกลางระหว่างช่องที่แซะไว้นั้นจู่ๆพลังชีวิตที่แข็งแกร่งก็พวยพุ่งออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ มันหนาแน่นถึงขนาดที่หลิงหยุนต้องใช้เวลาดูดซับถึงสี่อาทิตย์เลยทีเดียว
“ฮ่า..ฮ่า.. ในที่สุดมันก็คือไขหยกแดงชั้นเยี่ยมจริงๆด้วย!”
หลิงหยุนร้องตะโกนออกมาอย่างมีความสุข..
จากนั้นหลิงหยุนจึงใช้กระบี่กังฉีค่อยๆแซะเอาไขหยกแดงที่ฝังอยู่ด้านในออกมาอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย
“โอ้โห!ช่างเป็นไขหยกแดงที่มีขนาดใหญ่มากจริงๆ!”
ไขหยกแดงเม็ดนี้เป็นรูปทรงกลมและมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบสิบสองเซ็นติเมตรเลยทีเดียว มีสีแดงคล้ายโลหิต และใสเป็นประกาย
หลิงหยุนถือไขหยกแดงไว้ในมือเขาสัมผัสได้ถึงความละเอียดอ่อน และอบอุ่นของมัน อีกทั้งยังรู้ได้ว่ามันสามารถเชื่อมต่อกับเลือดในกายของเขาได้ ทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
“ช่างเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากอีกหนึ่งชิ้นทีเดียว!ขนาดของมันใหญ่กว่าไขหยกม่วงที่เพิ่งได้มาหลายเท่านัก..”
ไขหยกแดงนี้เป็นหินพลังชีวิตที่สามารถช่วยเพิ่มโลหิตในร่างกายของมนุษย์ได้สามารถใช้ได้ดีกับผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง หรือผู้ที่ต้องเสียเลือดมาก ไขหยกแดงนี้ใช้ได้ทั้งในทางการแพทย์อีกทั้งยังช่วยในการเพิ่มพลังในการต่อสู้ได้อีกด้วย!
และหากนำมาตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหลิงหยุนก็จะสามารถใช้เป็นวัตถุในการสร้างค่ายกลได้อีกด้วย และหากเขาอยู่ในค่ายกลที่สร้างขึ้นด้วยไขหยกแดง เขาก็จะสามารถควบคุมการไหลเวียนของโลหิตในร่างกายของตนเองได้ ทำให้มีผลต่อพลังในการต่อสู้อย่างมาก!
อีกทั้งยังสามารถใช้ในการกลั่นโอสถได้เช่นกัน!
หลิงหยุนนั่งชื่นชมและดูดซับเอาพลังชีวิตจากไขหยกแดงเข้าไปอยู่ครู่ใหญ่ แล้วจึงรำพึงรำพันออกมาว่า
“ในเมื่อมีไขหยกแดงก็น่าจะมีไขหยกสีอื่นๆด้วยเช่นกัน!”
ภายใต้ความตื่นเต้นดีใจหลิงหยุนเริ่มลงมือแซะเอาไขหยกสีอื่นๆออกมาอีก โดยเริ่มจากหินสีม่วง และครั้งนี้หลิงหยุนก็มีประสบการณ์จากการแกะหินสีแดงแล้ว เขาจึงใช้เวลาไปเพียงแค่เจ็ดถึงแปดนาทีเท่านั้น ก็สามารถแซะเอาไขหยกม่วงออกมาได้
“โอ้..ขนาดใหญ่เท่าๆกับไขหยกแดงเลยทีเดียว!”
หลิงหยุนร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นและไขหยกม่วงนี้ก็มีขนาดใหญ่กว่าไขหยกม่วงที่เขาได้มาหลายเท่านัก
หลิงหยุนไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้นเขาเริ่มลงมือแกะก้อนหินสีอื่นๆอีก ในที่สุดเขาก็ได้ไขหยกขาว ไขหยกเหลือง และไขหยกดำที่มีขนาดใกล้เคียงกันมาครอบครอง
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
หลิงหยุนหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุขแทบไม่ต้องพูดถึงมูลค่าของไขหยกทั้งห้าสี และด้วยประสิทธิภาพของไขหยกทั้งห้าสีนี้ เขาจะสามารถกลั่นโอสถสร้างรากฐานปราณได้อย่างไม่ยากนัก!
นอกเหนือจากไขหยกทั้งห้าสีล้ำค่านี้แล้วหลิงหยุนยังสามารถนำหยกที่ห่อหุ้มนี้ไปทำเป็นเครื่องประดับขายได้อีก..
หลังจากที่จัดการผ่าศิลาห้าสีไปแล้วหลิงหยุนก็กำลังนึกถึงราชาหินก้อนโต และตัดสินใจเรียกมันออกมาจากแหวนจักรวาลทันที
แต่ครั้งนี้หลิงหยุนไม่ได้ใช้กระบี่กังฉีในการผ่าแต่เปลี่ยนมาใช้กระบี่เหินเงาธนูแทน เพราะราชาหินมีขนาดที่ใหญ่มาก สูงถึงครึ่งเมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึงหนึ่งเมตร อีกทั้งพื้นผิวยังมีลักษณะขรุขระอีกด้วย
“เป็นไปตามที่คาดไว้จริงๆ!”
หลังจากที่ใช้กระบี่เหินเงาธนูตัดเข้าไปได้เพียงแค่สี่สิบเซ็นติเมตรหลิงหยุนก็สัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่รุนแรงยิ่งนัก!
พลังชีวิตของไขหยกเขียวนั้นมีคุณสมบัติคล้ายกับพลังชีวิตที่ได้รับจากสมุนไพรที่ให้พลังชีวิตคือทำให้ผู้ที่ได้รับไปมีพลังวังชาและมีชีวิตชีวา..
นอกเหนือจากจะสามารถนำมาใช้ในการกลั่นโอสถและปลุกเสกยันต์แล้วไขหยกเขียวยังช่วยให้ผู้ฝึกบ่มเพาะตนก้าวข้ามอุปสรรค์ต่างๆได้ และยังมีประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย
ไขหยกเขียวแวววาวนี้มีความสูงถึงสี่สิบเก้าเซ็นติเมตรและมีเส้นผ่าศูนย์กลางสามสิบหกเซ็นติเมตร รูปลักษณ์ของมันมีลักษณะคล้ายกับราชาหิน และมีน้ำหนักเท่ากับหนึ่งในสิบส่วนของราชาหิน..
“แค่นี้ก็มากพอแล้ว!”
หลิงหยุนไม่นึกไม่ฝันว่าตนเองจะได้ไขหยกที่ล้ำค่าถึงหกสีมาครอบครองเช่นนี้และนี่นับเป็นหินพลังชีวิตที่ล้ำค่าอย่างมากในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่