“เจ้าอยากเข้าไปจริงๆ น่ะหรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณามองดูศิษย์ของตน
“จะพยายามสุดกำลังขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพยักหน้าน้อยๆ จากนั้นก็ส่งข้อมูลโดยละเอียดฉบับหนึ่งให้แก่ตงป๋อเสวี่ยอิง “นี่เป็นข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับ ‘วังเทพจิตโลกา’ เจ้าอ่านเอาเองเถิด นอกจากนี้ หากคิดจะเข้าไป ก็ต้องเร่งไปให้ถึงนครหลวงคิมหันตวายุภายในสามวัน”
“ขอบพระคุณขอรับท่านอาจารย์” ตงป๋อเสวี่ยอิงได้รับข้อมูลมาแล้วก็อ่านจนจบอย่างรวดเร็ว
……
นครหลวงคิมหันตวายุแข็งแกร่งและรุ่งเรืองนัก
ตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงที่นี่แล้ว แม้จะกล่าวว่าต้องมาถึงนครหลวงคิมหันตวายุภายในสามวัน แต่อันที่จริงแล้ว แม้ ‘วังเทพจิตโลกา’ จะค่อยๆ เปิดออก แต่กระบวนการเปิดนั้นเชื่องช้ามาก จะต่อเนื่องกันไปถึงแสนปีเต็มๆ! คาดว่าผู้อาวุโส ‘หยวน’ ซึ่งเดินล่วงหน้าไปบนเส้นทางการบำเพ็ญท่านนั้น ต้องการให้เหล่าผู้แกร่งกล้าในดินแดนจิตโลกามีเวลาเพียงพอในการตัดสินอันดับออกมา
“หกรัฐโบราณแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ทั้งหมดสามสิบเก้าอันดับถูกพวกเขาครองไปทั้งหมด” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
ตามข้อมูลที่ท่านอาจารย์ให้มา
รัฐโบราณคิมหันตวายุครองไปสิบสองอันดับด้วยกัน!
โดยทั่วไปแล้วสามตระกูลใหญ่ภายในรัฐโบราณคิมหันตวายุ แต่ละตระกูลจะมีสองอันดับด้วยกัน นี่ก็คิดเป็นหกอันดับแล้ว! จักรพรรดิเซี่ย จักรพรรดิชางและบรรพชนฝาน ทั้งสามท่านนี้…โดยทั่วไปแล้วก็จะเข้าไปสองท่าน หรือบางครั้งก็จะเข้าไปทั้งสามท่าน! ดังนั้นจึงเหลืออยู่สามหรือสี่อันดับ แล้วจึงนำออกมาให้ช่วงชิงกันอย่างเท่าเทียม! ผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการช่วงชิง ก็ล้วนแต่ต้องสวามิภักดิ์ต่อสามตระกูลใหญ่ทั้งสิ้น
ส่วนตระกูลน้อยใหญ่ทั้งหลายภายในรัฐโบราณคิมหันตวายุก็ต้องพึ่งพิงสามตระกูลใหญ่เช่นกัน เช่นพวกเค่อชิงอย่างตงป๋อเสวี่ยอิง ก็พึ่งพิงสกุลฝาน
มิเช่นนั้นแล้วก็จะไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการช่วงชิง
หากจะเข้าร่วมการช่วงชิง…ก็ต้องมุ่งหน้ามาถึงวังหลวงแห่งนครหลวงคิมหันตวายุให้ได้ภายในสามวันแล้วเข้าร่วมการช่วงชิงด้วยตนเอง หากเกินสามวันก็จะไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการช่วงชิงแล้ว
“สวบ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงประตูใหญ่ของวังหลวง ก็ย่อมมีทหารองครักษ์เข้ามาต้อนรับเป็นธรรมดา
“จ้าวหิมะเหิน ที่มามีเรื่องอันใดหรือขอรับ”
“เรื่องของวังเทพจิตโลกาน่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“จ้าวท่านจะร่วมช่วงชิงด้วยหรือขอรับ”
“ใช่”
“จ้าวท่านโปรดตามข้ามา”
ทหารองครักษ์คุ้นเคยดีอยู่แล้ว เนื่องจากพวกเขาได้รับการกำชับมาก่อนหน้านี้แล้ว อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้มิใช่คนแรกที่มาเข้าร่วมการช่วงชิง
เขาบินทะยานไปในวังหลวง
ชั่วขณะให้หลัง
ก็มาถึงโถงตำหนักอันหมองหม่นแห่งหนึ่ง ลึกเข้าไปในโถงตำหนักมีชายชราอาภรณ์สีเหลืองผู้หนึ่งนั่งอยู่ ตรงหน้าชายชราอาภรณ์สีเหลืองมีโต๊ะยาวตั้งเอาไว้ บนนั้นมีม้วนสาส์นมากมายเรียงรายอยู่
“ผู้อาวุโสเซี่ย” ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินเข้าไปแล้วเอ่ยขึ้น นับว่าเขาคุ้นเคยกับผู้อาวุโสเซี่ยผู้นี้อยู่บ้าง ครั้งก่อนที่เขาได้รับการถ่ายทอดปุจฉวิถีคละถิ่นก็เป็นผู้อาวุโสเซี่ยท่านนี้ที่มาต้อนรับ ผู้อาวุโสเซี่ยเป็นถึงวิญญาณค่ายกลแห่งวังหลวง พละกำลังที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ภายในวังหลวงนั้นเพียงพอจะเทียบได้กับสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูแล้ว จักรพรรดิเซี่ยมอบหมายให้ผู้อาวุโสเซี่ยจัดการธุระต่างๆ มากมาย ในฐานะวิญญาณค่ายกล เขาทั้งแกร่งกล้าและจงรักภักดี ทั้งยังไม่ย่อท้อต่อความลำบากด้วย
ทว่าระดับอย่างเขาแล้ว ก็มีชอบมีเกลียดได้เช่นกัน ดังนั้นบรรดาคนของสกุลเซี่ยก็มิกล้าล่วงเกิน ‘ผู้อาวุโสเซี่ย’ คนนี้เลย
“เป็นจ้าวหิมะเหิน จ้าวหิมะเหินก็อยากจะเข้าไปในวังเทพจิตโลกาด้วยหรือ” ชายชราอาภรณ์สีเหลืองเบิกตากว้างพลางมองตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มๆ
“ใช่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“จ้าวท่านสามารถหยิบม้วนสาส์นม้วนหนึ่งไปได้ตามใจชอบ” ชายชราอาภรณ์สีเหลืองเอ่ย “บนม้วนสาส์นมีภารกิจต่างๆ อยู่ จำกัดเวลาภารกิจที่เก้าหมื่นปี เก้าหมื่นปี ให้หลัง…ผู้ที่คุณูปการจากภารกิจอยู่ในสี่อันดับแรกก็จะได้อันดับไป”
ตงป๋อเสวี่ยอิงได้ยินเข้าก็ดีใจขึ้นมา
สี่อันดับหรือ
เห็นที่ครั้งนี้พวกจักรพรรดิเซี่ย จักรพรรดิชางและบรรพชนฝานคงจะเข้าไปเพียงสองท่านเท่านั้น จึงมีสี่อันดับปล่อยออกมาให้พวกเขาช่วงชิงกัน
“ขอบคุณขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินไปรับม้วนสาส์นมา จากนั้นก็โค้งคารวะแล้วจากไป
เมื่อหยิบม้วนสาส์นมา ก็แสดงว่าจะเข้าร่วมการช่วงชิงด้วย
“จ้าวหิมะเหินก็เข้าร่วมด้วยแล้ว”
“จ้าวหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณา”
ภายในวังหลวง ทหารองครักษ์และสาวใช้มีมากมายนัก พวกเขาเป็นประจักษ์พยานกับทุกสิ่ง แล้วข่าวก็เผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว
……
ณ รัฐโบราณคิมหันตวายุ
ภายในลานแห่งหนึ่งกลางทะเลสาบสีแดงสดซึ่งไหลเวียนอยู่ มีสิ่งมีชีวิตขนาดมโหฬารทอดกายอยู่กลางทะเลสาบ เขานั่งอยู่ตรงนั้น แผ่นอกก็อยู่เหนือทะเลสาบแล้ว แขนทั้งสองข้างก็ยาวถึงครึ่งทะเลสาบแล้ว ศีรษะขนาดมหึมาที่มีเขาเดี่ยวอยู่ยังแผ่กลิ่นอายร้อนระอุอันน่าหวาดหวั่นออกมาด้วย
“จอมเคารพ” สตรีอาภรณ์สีแดงรูปร่างเย้ายวนนางหนึ่งโค้งคารวะด้วยความเคารพ นางก็เป็นสิ่งมีชีวิตระดับเทพจักรวาลเช่นกัน “ทางวังหลวงส่งข่าวมาว่า ‘จ้าวหิมะเหิน’ ผู้นำของจ้าวทั้งสี่แห่งรัฐเมฆทักษิณาก็เข้าร่วมการช่วงชิงอันดับแล้วเช่นกัน นี่คือผู้เข้าร่วมช่วงชิงอันดับคนที่สิบสองแล้ว”
“เจ้าเด็กอิงซานเสวี่ยอิงคนนั้นน่ะรึ” ส่ายศีรษะขนาดมหึมาที่มีเขาเดี่ยวอยู่เล็กน้อย นัยน์ตาฉายแววดูแคลนสายหนึ่งออกมา “เขาน่ะไม่ควรค่าแก่การคำนึงถึงหรอก ต่อให้เขาบรรลุเป็นเทพจักรวาลชั้นที่สอง หากไม่มีสมบัติลับระดับยอดสุด อานุภาพก็ต่ำยิ่งนัก ผู้ที่มีภัยคุกคามต่อข้าอย่างใหญ่หลวงจริงๆ นั้น ก็ยังคงเป็นสิ่งมีชีวิตระดับจอมเคารพในรัฐโบราณคิมหันตวายุของพวกเราอยู่ดี หรืออาจจะเป็นยอดฝีมือภายในสามตระกูลใหญ่ก็เป็นได้ จับตามองต่อไป”
“เจ้าค่ะ จอมเคารพ” สตรีอาภรณ์สีแดงรูปร่างเย้ายวนเอ่ยด้วยความเคารพ จากนั้นก็ถอยออกไป
ผู้แกร่งกล้าซึ่งมีเขาเดี่ยวบนศีรษะผู้นี้หลับตาลง
เขาบำเพ็ญมาจนถึงขีดจำกัดสุดท้ายที่วิถีเปลวเพลิงสิบสายจะหลอมรวมกันแล้ว ในจำนวนสิบสายนั้น เขาได้หลอมรวมเก้าสายเข้าด้วยกันแล้ว! ขาดเพียงสายสุดท้ายเท่านั้นก็จะก้าวเข้าสู่เทพจักรวาลขั้นสุดยอดได้แล้ว
“ข้ามาถึงขีดจำกัดแล้ว ซึ่งขีดจำกัดสุดท้ายนี้ บรรลุได้ยากลำบากที่สุด จะต้องอาศัยพลังภายนอกบางอย่าง ครั้งนี้ข้าจะต้องช่วงชิงอันดับเพื่อจะเข้าไปในวังเทพจิตโลกาให้ได้ ภายในวังเทพจิตโลกามีโอกาสอยู่มากมายนัก ขอเพียงโชคดีหน่อย สู้สุดแรงสักตั้ง ก็อาจจะสามารถได้รับโอกาส ทำให้โอกาสการบรรลุของข้าเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก” ผู้แกร่งกล้าที่มีเขาเดียวอยู่บนศีรษะพึมพำเบาๆ หากเขาเป็นคนของสามตระกูลใหญ่ เมื่อบำเพ็ญมาถึงขีดจำกัดสำคัญเช่นนี้ ภายในสามตระกูลใหญ่จะต้องแบ่งสรรอันดับให้เขาอย่างแน่นอน
แต่เนื่องจากความหยิ่งผยองจนเข้ากระดูกของเขา ทำให้เขาเป็นเพียงแค่ผู้อาวุโสเค่อชิงคนหนึ่งของสกุลชางเท่านั้น
เขาก็คือหนึ่งในสิ่งมีชีวิตระดับจอมเคารพและมหาเคารพซึ่งอยู่เพียงลำพังนอกสามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ…‘จอมเคารพมารอัคคี’ นั่นเอง
……
ข่าวที่จ้าวหิมะเหิน ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ เช้าร่วมการช่วงชิงอันดับเข้าสู่วังเทพจิตโลกานั้นแพร่ออกไปเข้าหูของผู้ที่สนใจอย่างรวดเร็ว ในหมู่พวกเขา มีทั้งเหล่าเทพจักรวาลชองสามตระกูลใหญ่ที่มิได้อันดับมา และมีทั้งยอดฝีมือซึ่งมิใช่คนของสามตระกูลใหญ่เช่นเดียวกับจอมเคารพมารอัคคี
“ภัยคุกคามต่ำยิ่งนัก”
“ก็แค่เค่อชิงระดับบนคนหนึ่งเท่านั้น”
แต่ละคนที่ได้รับสารล้วนแต่ไม่นำมาใส่ใจทั้งสิ้น
ในบรรดายอดฝีมือที่เข้าช่วงชิงกันนั้น พลังของตงป๋อเสวี่ยอิงนับว่าธรรมดาสามัญมาก ทั้งยังเป็นรัฐภายนอกซึ่งมีเบื้องหลังไม่แข็งแกร่งพอ ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’ ซึ่งอยู่เบื้องหลังเขา ไหนเลยจะมีเบื้องหลังแข็งแกร่งสู้สามตระกูลใหญ่ได้ บรรดาจอมเคารพและมหาเคารพภายในสามตระกูลใหญ่มีตั้งมากมายก่ายกอง
******
ณ อีกฝั่งหนึ่งของดินแดนจิตโลกา
ณ บริเวณหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากรัฐโบราณคิมหันตวายุไปไกลลิบ ที่นี่อยู่ค่อนข้างใกล้กับรัฐโบราณสหโลกามากกว่า คือ ‘รัฐเหินประจิม’ ซึ่งเป็นรัฐชั้นรองที่วุ่นวายเสียจนน่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง
ภายในห้องส่วนตัวของหอสุราแห่งหนึ่งในรัฐเหินประจิม
หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวผู้หนึ่งกำลังนั่งดื่มสุราอยู่ พลางทานอาหารรสเลิศอันมีชื่อเสียงของหอสุราแห่งนี้
“อร่อย อร่อย”
“ใช่ๆ รสชาติไม่เหมือนกับทางรัฐเมฆทักษิณาและรัฐโบราณคิมหันตวายุเลยจริงๆ” เขาก้มหน้าก้มตากิน ด้วยความดื่มด่ำเป็นอันมาก อาหารรสเลิศนับได้ว่าเป็นหนึ่งในงานอดิเรกไม่กี่อย่างของเขา
“เสวี่ยอิง”
สารหนึ่งถูกส่งมา
“ท่านอาจารย์” ตงป๋อเสวี่ยอิงตอบกลับทันที
“ครบสามวันแล้ว ครั้งนี้รัฐโบราณคิมหันตวายุมีเทพจักรวาลทั้งหมดยี่สิบเอ็ดคนที่เข้าร่วมการช่วงชิง ในจำนวนนั้นมีสิ่งมีชีวิตระดับจอมเคารพสามคนด้วยกัน ได้แก่ ‘เจ้าลัทธิเก้าพิษ’ ‘จอมเคารพมารอัคคี’ และ ‘มหาเคารพฝูอี่’ ซึ่งมาจากสกุลเซี่ย” ขณะเดียวกับที่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาส่งสามาให้นั้น ก็ได้ส่งรายงานโดยละเอียดเกี่ยวกับทั้งยี่สิบคนนอกเหนือจากตงป๋อเสวี่ยอิงมาให้ด้วย
ตงป๋อเสวี่ยอิงสีหน้าเปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย
เจ้าลัทธิเก้าพิษและจอมเคารพมารอัคคีก็แล้วไปเถิด แม้พวกเขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับจอมเคารพที่ครอบครองสมบัติลับระดับยอดสุดทั้งสิ้น แต่หากพูดถึงอานุภาพคุกคามและแรงกระทบแล้ว เมื่อเทียบกับ ‘มหาเคารพฝูอี่’ แห่งสกุลเซี่ยก็ยังห่างชั้นอยู่มากโข ชื่อเสียงอันเกรียงไกรของมหาเคารพฝูอี่นั้นไม่แพ้ท่านอาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณาของตนเลย
……………………………