ตอนที่ 663 หลัวอวิ๋นซีผู้กระตือรือร้น

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ด้วยการสันนิษฐานว่าต้นโพธิ์ที่ตามหาอยู่ในเผ่าของหลัวอวิ๋นซี แน่นอนว่ากลุ่มของฉินอวี้โม่จึงไม่รอช้าอีกต่อไป เนื่องจากสถานการณ์ที่บีบบังคับ พวกนางจำต้องเดินทางไปยังเผ่าเพียวเหมี่ยวโดยเร็ว

สำหรับสิ่งที่สั่วซีหย่าคิดว่าเป็นปัญหาอยู่นั้น ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย แม้องค์หญิงเล็กของชนเผ่าเอลฟ์จะแข็งแกร่งและโดดเด่นมาก นางก็มิใช่คู่มือของฉินอวี้โม่

สำหรับหานโม่ฉือ สตรีอื่นที่มิใช่ฉินอวี้โม่ก็ล้วนเป็นเพียงสตรีธรรมดาเหมือน ๆ กัน เขาไม่สนใจรูปลักษณ์ของคนเหล่านั้นและไม่คิดชายตามองด้วยซ้ำ ในหัวใจของเขามีพื้นที่ให้กับฉินอวี้โม่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

สำหรับฉินอวี้โม่ ไม่มีสตรีนางใดที่มีคุณสมบัติพอที่จะเรียกว่าเป็น ‘ศัตรูหัวใจ’ ของนาง เพราะนางมีความมั่นใจในตัวสามี สตรีคนอื่น ๆ ก็อย่าแม้แต่คิดว่าจะได้เข้าใกล้เขา

เพราะเหตุนั้น แม้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเข้าใจความรู้สึกที่หลัวอวิ๋นซีมีต่อหานโม่ฉือเป็นอย่างดี พวกนางก็จะมิให้ความหวังใด ๆ กับนาง หากองค์หญิงเล็กต้องการเล่นสนุกเล็กน้อย นั่นก็ยังพอจะปล่อยไปได้ ทว่าหากนางคิดทำสิ่งใดที่เกินเลย ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็ไม่รังเกียจที่จะจัดการกับองค์หญิงเล็กให้รู้สำนึก

เวลานี้กองทัพเอลฟ์ก็มิได้มีเรื่องใหญ่หรือเรื่องวุ่นวายใด หลัวหมิงเฟยจึงตัดสินใจเดินทางไปที่เผ่าเพียวเหมี่ยวพร้อมกับฉินอวี้โม่ เขารู้จักน้องสาวของตนดีพอสมควรและน่าจะสามารถจัดการทุกอย่างได้ง่ายกว่าฉินอวี้โม่

หลังจากหลัวจื้อเลี่ยทราบเรื่อง เขาก็ไม่มีแผนที่จะไปกับฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ทว่าตั้งใจที่จะอยู่ในพระราชวังสักสองถึงสามวันก่อนกลับเผ่าเลี่ยหยางเพื่อจัดการธุระบางอย่าง

เขาเพียงกำชับให้ทุกคนระมัดระวังตัวอย่างดีก่อนส่งพวกนางออกจากเมืองราชวงศ์

สำหรับหลัวหมิงรุ่ย ฉินอวี้โม่ไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งใดกับเขา องค์ชายใหญ่เองก็หวังมาตั้งแต่ต้นให้กลุ่มของฉินอวี้โม่ออกไปจากพระราชวังโดยเร็วที่สุด แน่นอนว่าเขาก็ไม่สนใจว่าพวกนางจะไปที่ใดหลังจากนี้ แต่ทว่า…ในไม่ช้าหลัวหมิงรุ่ยจะต้องนึกเสียใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ หากเขาจับตาดูการเคลื่อนไหวของฉินอวี้โม่อย่างรอบคอบมากกว่านี้ บางสิ่งบางอย่างก็คงจะไม่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ

เผ่าเพียวเหมี่ยวตั้งอยู่ในทางใต้ของชนเผ่าเอลฟ์ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นเผ่าที่มีทิวทัศน์และสภาพแวดล้อมที่งดงามที่สุด เนื่องจากพื้นที่ทางใต้มีอสูรมายาเป็นจำนวนมาก รวมถึงมีอสูรระดับสูงถือกำเนิดขึ้นมาอย่างไม่รู้จบ เขตทางใต้ของชนเผ่าเอลฟ์จึงคึกคักและมีชีวิตชีวามากกว่าทางเหนือมาก

ในตอนแรกเริ่ม หลัวอวิ๋นซีก็ถือว่ามีพรสวรรค์ที่โดดเด่นมากและเนื่องจากนางชอบเอาอกเอาใจราชินีเอลฟ์อยู่เป็นประจำ ราชินีเอลฟ์จึงเอ็นดูบุตรสาวคนนี้มากและมอบอาณาเขตที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดให้เป็นอาณาเขตในการปกครองของนาง

ภายใต้การปกครองของหลัวอวิ๋นซี เผ่าเพียวเหมี่ยวก็พัฒนาดีขึ้นอย่างรวดเร็วและมีหลายสัญญาณบ่งบอกว่ามันจะพัฒนากลายเป็นเผ่าอันดับหนึ่งของชนเผ่าเอลฟ์ในสักวัน

นอกจากนี้ บิดาของหลัวอวิ๋นซีก็เป็นบุรุษที่มากความสามารถอย่างยิ่งและเพียบพร้อมในหลายด้าน ด้วยการปกครองของทั้งสองพ่อลูก เผ่าเพียวเหมี่ยวจึงพัฒนาไปในทางที่ดีได้ตามต้องการ

ฉินอวี้โม่และคณะมุ่งหน้าตรงไปยังจุดหมายโดยไม่หยุดพักเสียเวลากับสิ่งใด พวกนางมีเวลาไม่มากนักและต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อตามหาต้นโพธิ์ให้พบ

เมื่อหลัวอวิ๋นซีได้รับทราบข่าวจากฉินอวี้โม่เป็นการล่วงหน้า แน่นอนว่านางก็ประหลาดใจไม่น้อยเลยทีเดียว

เป็นที่รู้กันดีว่านางถูกใจหานโม่ฉืออย่างมากและการที่เขามาเยือนถึงเผ่าของนางหมายความว่านางจะมีโอกาสมากขึ้น ตราบใดที่สามารถหาทางกำจัดฉินอวี้โม่ออกไปให้พ้นทาง หลัวอวิ๋นซีมั่นใจว่าหานโม่ฉือจะกลายเป็นของตนอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการที่นางปกครองและจัดการดูแลกิจการต่าง ๆ ของเผ่าเป็นอย่างดีจนโดดเด่นยิ่งกว่าเผ่าอื่น ๆ มันก็เป็นเรื่องยากที่หานโม่ฉือจะไม่รู้สึกสนใจหรือประทับใจในผลงานของนาง

สำหรับฉินอวี้โม่ผู้ที่ทำให้องค์หญิงเล็กอย่างนางชิงชังอย่างที่สุด หลัวอวิ๋นซีไม่สนใจเท่าใดนัก ต่อให้มาเยือนถึงเผ่า นางก็ไม่ทุกข์ร้อนแต่อย่างใด แม้ฉินอวี้โม่ผู้นั้นจะลึกลับอย่างมากและยากเกินคาดเดา ทว่าก็ไม่มีทางที่นางจะสร้างปัญหาใด ๆ ภายในเผ่าเพียวเหมี่ยวได้

อย่างไรก็ตาม สัวซีหย่าและหลัวหมิงเฟยก็ถูกนางเพิกเฉยไปโดยสมบูรณ์

หลังจากนั้นเมื่อได้ทราบข่าวว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ มาถึงหน้าประตูเมืองแล้ว หลัวอวิ๋นซีก็รีบออกมาต้อนรับพวกเขาด้วยตัวเอง

“ฮ่า ๆ ๆ โม่ฉือ ท่านมาเยือนถึงเผ่าเพียวเหมี่ยวของข้าทั้งที เหตุใดจึงไม่ส่งคนมาบอกเป็นการล่วงหน้าสักหลายวันเล่า ? ข้าจะได้เตรียมต้อนรับท่านเป็นอย่างดี”

เมื่อพบหน้าบุรุษที่หมายปอง หลัวอวิ๋นซีก็ไม่พยายามรักษาท่าทีแต่อย่างใด ใบหน้าของนางในตอนนี้ไม่เพียงแต่ประดับด้วยรอยยิ้มกว้างเท่านั้น ทว่ายังแสดงออกถึงความสนใจในตัวหานโม่ฉืออย่างไม่ปิดบัง

สีหน้าของหานโม่ฉือไม่เปลี่ยนแปลงใด ๆ และเขาไม่สนใจความคิดของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย สายตาของเขามีไว้มองฉินอวี้โม่เพียงผู้เดียวเท่านั้นและไม่เคยคิดมองไปทางอื่นใด

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางเย็นชาของเขา หลัวอวิ๋นซีก็ไม่หงุดหงิดหรือขุ่นเคืองใจ ในทางกลับกัน นางยิ้มกว้างก่อนหันไปกล่าวกับฉินอวี้โม่พร้อมรอยยิ้มเสแสร้ง “อวี้โม่ พวกท่านไปพักที่คฤหาสน์ของข้าเถอะ ที่นั่นกว้างขวางพอให้พวกท่านพักได้อย่างไม่แออัดและการอยู่รวมกันเป็นจำนวนมากก็จะทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้นมากทีเดียว”

นางเป็นคนที่ชาญฉลาดพอสมควรและจะไม่แสดงสีหน้าความเป็นปฏิปักษ์ต่อฉินอวี้โม่อย่างชัดเจนจนเกินไป ในทางตรงกันข้าม นางแสร้งปั้นหน้าเป็นมิตรด้วยหวังว่าหานโม่ฉือจะได้มาพักในคฤหาสน์ของตน หากเป็นไปตามที่หวังไว้จริง นางจะมีโอกาสเข้าหาเขาได้มากขึ้น

“จิ๊จิ๊ น้องเล็ก ข้ายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ตั้งนาน ไม่คิดจะทักทายพี่ชายหน่อยรึ ?”

หลัวหมิงเฟยยิ้มเล็กน้อยและกล่าวออกไปในขณะที่สีหน้ายังคงอ่อนโยนและเป็นมิตรไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม ทุกคนทราบดีว่าเขาเป็นคนที่รับมือได้ยากและไม่มีผู้ใดคาดเดาความคิดของเขาได้เลย

“ท่านพี่ ท่านก็เคยมาที่นี่หลายครั้งหลายครา ข้าไม่จำเป็นต้องทักทายอย่างมีพิธีรีตองอะไรอีก ในเมื่อท่านมาแล้ว หากท่านจะพักที่เดียวกับอวี้โม่และโม่ฉือ ข้าก็ต้อนรับ”

หลัวอวิ๋นซีคลี่ยิ้มและกล่าวอย่างใจเย็นก่อนมองไปที่สั่วซีหย่า “ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจ้าจะเป็นบุตรสาวของท่านลุงและเจ้าก็ถือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า เพราะฉะนั้นเจ้าไม่ต้องเกรงใจหรือมีพิธีรีตองใดเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า ทำตัวตามสบาย คิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านของเจ้า”

ท่าทางกระตือรือร้นจนออกนอกหน้าของหลัวอวิ๋นซีทำให้สั่วซีหย่าแทบทนไม่ไหว หากมิใช่เพราะความจำเป็น นางไม่ต้องการเสียเวลาอยู่ที่นี่แม้เพียงเสี้ยวอึดใจ องค์หญิงเล็กผู้นี้น่ารังเกียจอย่างที่สุด

“ในเมื่อองค์หญิงเล็กกล่าวเชิญด้วยตัวเองเช่นนี้ เราก็จะไม่ปฏิเสธ”

ฉินอวี้โม่ยิ้มตอบและมิได้ปฏิเสธแต่อย่างใด

การพักอยู่ในคฤหาสน์ของผู้ปกครองเผ่าจะช่วยให้พวกนางจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้สะดวกมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางจะได้ใช้เวลาอยู่ใกล้หลัวอวิ๋นซีเพื่อหาทางไปที่ยอดเขาม่านหมอกต่อไป

เมื่อได้ยินคำตอบรับอย่างง่ายของฉินอวี้โม่ หลัวอวิ๋นซีก็ชะงักไปเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าแม่นางผู้นี้จะตอบตกลงอย่างง่ายดาย

ทว่าเมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เริ่มเดินตรงเข้าไปในเมืองแล้ว หลัวอวิ๋นซีก็ไม่คิดมากอีกต่อไปและก้าวตามเข้าไปข้างในโดยเร็ว

นางถือโอกาสนี้เร่งฝีเท้าเข้าไปเดินข้างหานโม่ฉือและกล่าวแนะนำสถานการณ์ปัจจุบันของเผ่าเพียวเหมี่ยวให้เขาทราบด้วยท่าทางกระตือรือร้น แม้หานโม่ฉือจะไม่ตอบกลับแม้แต่คำเดียวและไม่สนใจนางแม้แต่น้อย ทว่าหลัวอวิ๋นซีก็ยังกล่าวคนเดียวอย่างมีความสุขจนคนอื่น ๆ ถึงกับแอบถอนหายใจให้กับความหน้าด้านหน้าทนขององค์หญิงเล็กผู้นี้

ในขณะที่กำลังกล่าวอยู่นั้น ทุกคนก็มาถึงหน้าที่พักของหลัวอวิ๋นซี

หลัวอวิ๋นซีพักอยู่ในคฤหาสน์ที่ดูเรียบง่ายธรรมดาในเผ่าเพียวเหมี่ยว เห็นได้ชัดว่านางไม่สนใจเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัยเท่าใดนัก

ระหว่างทางมาถึงที่นี่ ฉินอวี้โม่ก็ได้ยินจากหลัวอวิ๋นซีว่านอกจากยอดเขาม่านหมอกที่ขึ้นชื่อ เผ่าแห่งนี้ก็ยังมีศูนย์การค้าสำหรับเลือกซื้อของได้ตามต้องการ

สำหรับการเข้าไปในยอดเขาม่านหมอก นางจะต้องมีป้ายหยกหรือให้หลัวอวิ๋นซีนำทางเข้าไปด้วยตนเอง มิฉะนั้นหากผู้พิทักษ์ของยอดเขาม่านหมอกพบเข้า พวกนางจะถูกขับไล่ออกไปจากเผ่าทันทีและไม่มีโอกาสได้กลับเข้ามาอีกเลย

ระหว่างการจัดเตรียมที่พัก หลัวอวิ๋นซีก็จงใจแยกฉินอวี้โม่และหานโม่ฉืออกจากกัน

“อวี้โม่ ขอโทษด้วย ข้ามีห้องว่างไม่มากนัก ข้าจึงต้องให้ท่านพักร่วมกับสั่วซีหย่า”

หลังจากนำทางฉินอวี้โม่ไปยังห้องว่างที่ไกลจากห้องของตนมากที่สุด หลัวอวิ๋นซีก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม

หานโม่ฉือก็ต้องการจะกล่าวบางอย่างทว่าเมื่อเห็นฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะเบา ๆ ให้กับตน เขาจึงทำได้เพียงขมวดคิ้วมุ่นโดยไม่กล่าวสิ่งใดออกไป

“โม่ฉือ ห้องพักของท่านอยู่ถัดจากข้า นั่นเป็นที่ที่ข้าเตรียมไว้พิเศษสำหรับสามีในอนาคต ข้าก็ลำบากใจที่ต้องให้ท่านพักอยู่ที่นั่นเป็นการชั่วคราว”

หลัวอวิ๋นซีไม่พยายามปิดบังจุดประสงค์ของตนเองแม้แต่น้อย ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถมองเห็นเจตนาของนางและความรู้สึกที่มีต่อหานโม่ฉืออย่างชัดเจน

“อวี้โม่ แม้ท่านและโม่ฉือจะเป็นสามีภรรยากัน ทว่าคนของข้าก็จัดเตรียมที่พักไว้เช่นนี้แล้ว หวังว่าพวกท่านจะไม่ขัดข้อง”

หลัวอวิ๋นซีหันไปเอ่ยฉินอวี้โม่ นี่คือสิ่งที่นางต้องการมาตั้งแต่ต้น หากฉินอวี้โม่กล่าวว่าต้องการพักร่วมกับหานโม่ฉือ นางไม่มีทางอนุญาตเด็ดขาด

“ฮ่า ๆ ๆ แน่นอนว่าไม่มีปัญหา ขอบคุณองค์หญิงเล็กที่จัดเตรียมที่พักให้พวกเรา”

ฉินอวี้โม่กล่าวตอบพร้อมรอยยิ้ม การที่หานโม่ฉืออยู่ใกล้กับหลัวอวิ๋นซีก็ถือเป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน ด้วยวิธีนี้ การเคลื่อนไหวทั้งหมดของนางจะถูกจับตาดูไม่ห่างและจะได้สืบหาเบาะแสที่เป็นประโยชน์ง่ายขึ้น

แม้พวกนางทราบดีว่าหลัวอวิ๋นซีผู้นี้มีความรู้สึกดีต่อหานโม่ฉือ ทว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ไม่คิดที่จะใช้ประโยชน์จากความรู้สึกนี้ แม้ว่าพวกนางต้องการจะตามหาต้นโพธิ์ให้พบจริง ๆ ทว่าพวกนางก็จะไม่ใช้วิธีการที่น่ารังเกียจและน่าเกลียดชังอย่างการล้อเล่นกับความรู้สึกของผู้อื่น

“ฮ่า ๆ ๆ นั่นเป็นเรื่องที่ดี พวกท่านไปพักก่อนเถอะและข้าจะพาโม่ฉือไปส่งที่ห้องเอง หลังจากนี้ข้าจะเตรียมอาหารค่ำและจะส่งคนมาเรียกพวกท่าน”

หลัวอวิ๋นซียิ้มและตัดสินใจทุกอย่างโดยไม่รอคำยินยอมของฉินอวี้โม่หรือหานโม่ฉือ

หานโม่ฉือก็ลอบมองฉินอวี้โม่เล็กน้อย ทว่าเมื่อเห็นนางพยักศีรษะให้ เขาก็จำต้องตามหลัวอวิ๋นซีไปแม้ไม่เต็มใจนักก็ตาม

ระหว่างทาง หลัวอวิ๋นซีก็ชวนหานโม่ฉือพูดคุยอย่างไม่หยุดหย่อนทว่าหานโม่ฉือไม่มีปฏิกิริยาใด ท้ายที่สุดองค์หญิงเล็กทำได้เพียงบอกลาอย่างไม่เต็มใจนักเมื่อมาถึงหน้าห้องที่ตนเตรียมไว้ให้กับหานโม่ฉือ

“โม่ฉือ หากท่านต้องการสิ่งใดก็มาเรียกข้าได้เลย ตราบใดที่ข้าช่วยได้ ข้าจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน ในเมื่อท่านมาเยือนคฤหาสน์ของข้าแล้ว จงทำตัวตามสบายเหมือนเป็นบ้านของตัวเองได้เลย”

หลังจากกล่าวกับหานโม่ฉือและเห็นสีหน้าที่เริ่มหมดความอดทนของเขา หลัวอวิ๋นซีก็เดินจากไป

ภายในห้องพักของฉินอวี้โม่ สั่วซีหย่ามองนายหญิงของตนด้วยความฉงนสงสัยและกล่าวถาม “นายหญิง เหตุใดจึงไม่พักกับนายท่านล่ะเจ้าคะ ? หนำซ้ำยังปล่อยให้เขาไปพักใกล้กับหลัวอวิ๋นซีนั่น ท่านไม่กังวลเรื่องความรู้สึกที่นางมีต่อนายท่านอย่างนั้นหรือ ?”

หลัวอวิ๋นซีแสดงความรู้สึกที่มีต่อหานโม่ฉืออย่างเปิดเผย ทว่าฉินอวี้โม่กลับไม่กังวลแม้แต่น้อย แม้ทราบดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างนายทั้งสองของตนราบรื่นและเหนียวแน่น สตรีลูกครึ่งเอลฟ์ก็ยังกังวลใจไม่น้อย

“ฮ่า ๆ ๆ ต่อให้โม่ฉือกับข้าต้องห่างกันกี่แม่น้ำกี่หมื่นเขา ก็ไม่มีผู้ใดที่จะแยกเราออกจากกันได้ การจัดที่พักเช่นนี้ก็มีประโยชน์ของมันเอง ลองคิดดูสิ”

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มไร้กังวลก่อนที่หานโม่ฉือจะปรากฏตัวตรงหน้าทันทีที่สิ้นเสียงของนาง เขาไม่รีรอและคว้าร่างบางเข้าในอ้อมแขนก่อนประทับริมฝีปากจุมพิตอย่างดูดดื่ม…