ตอนที่ 1096

Alchemy Emperor of the Divine Dao

สุ่ยเยี่ยนยวี่หน้าบึ้ง นางเบื่อพวกตามตื้อที่สุด แต่ตอนนี้นางอยู่กับหลิงฮัน จึงไม่ต้องพูดอะไรมากนัก และปล่อยให้หลิงฮันเป็นคนจัดการทุกอย่าง

หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “หากไม่เป็นการรบกวน พวกเจ้าช่วยเดินนำไปได้หรือไม่?”

เขาแสดงท่าทางขอความช่วยเหลือ ก่อนหน้านี้เขาปะมือกับรูปปั้นหินมาแล้ว ความแข็งแกร่งของพวกมันทุกตัวอยู่ที่ระดับภูผาวารี แม้พวกเขาจะอยู่แค่ทางเข้า แต่ก็ไม่สามารถจัดการกับพวกมันได้ทั้งหมด

อาจกล่าวได้ว่านอกจากจอมยุทธระดับสุริยันจันทราแล้ว จอมยุทธระดับภูผาวารีคนใดจะกล้าเข้าบุกเข้ามาในค่ายอาคมรูปปั้นหิน? จำนวนของมันไม่ได้มีเพียงแค่หลักหมื่นหลักแสน แต่อย่างน้อยมีนับล้านตัว แล้วใครจะจัดการกับจำนวนที่มากขนาดนี้ได้ไหว?

“ระวังคำพูดของเจ้าด้วย!” ชายหนุ่มที่ใช้หอกรีบก้าวออกมาข้างหน้าและพูดเสียงต่ำ คงไม่มีใครโง่เข้าไปผลีผลาม แค่มองฉากที่อยู่ตรงหน้าก็รู้แล้วว่ารูปปั้นหินพวกนี้ไม่ใช่รูปปั้นหินธรรมดา

เซี่ยอู๋เฉียนแสดงสีหน้ามั่นใจ เขาเป็นองค์ชายแห่งจักรวรรดิราชวงศ์ป้าเซี่ยและเป็นอัจฉริยะแห่งยุค

ในระดับภูผาวารีอาจพูดได้ว่าเขานั้นไร้พ่าย ตราบใดที่ความแข็งแกร่งของรูปปั้นหินพวกนั้นไม่ถึงระดับสุริยันจันทรา เขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว และหลังจากการสังเกตการณ์ต่อสู้เมื่อครู่ ทำให้เขารูปว่าความแข็งแกร่งของรูปปั้นหินพวกนี้ยังห่างจากระดับสุริยันจันทรามาก

ผู้ที่มีความมั่นใจและไร้เทียมทานจะสามารถผ่านไปได้?

เขาไม่ได้มีเพียงแค่ความมั่นใจเท่านั้น แต่ยังไร้เทียนทานอีกด้วย!

“แม่นางสุ่ยต้องการให้ข้าพาผ่านค่ายอาคมนี้ไปหรือไม่?” เขาพูดกับสุ่ยเยี่ยนยวี่พร้อมกับยิ้มอยู่ที่มุมปาก นี่แสดงให้เห็นถึงเป้าหมายที่แท้จริงของเขาได้อย่างชัดเจน

“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกข้าไม่ต้องการรบกวนเจ้าในฐานะคนนอก!” หลิงฮันส่ายหัว “ยิ่งไปกว่านั้น ใช่ว่าเจ้าจะผ่านค่ายอาคมนี้ไปได้ ดังนั้นอย่าได้พูดจามั่นใจขนาดนั้น!”

เซี่ยอู๋เฉียนแสดงร่อยรอยของความโกรธ แน่นอนว่าเขาไม่เห็นหลิงฮันอยู่ในสายตา แต่มดปลวกแบบเขากล้าพูดจายั่วยุเขาอยู่หลายครั้ง นี่แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายเบื่อชีวิตแล้ว! แต่ต่อหน้าสุ่ยเยี่ยนยวี่ เขายังคงต้องรักษาภาพลักษณ์ที่ดีเอาไว้

ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “ข้าพูดกับแม่นางสุ่ยไม่ได้พูดกับเจ้า!”

เขามองไปที่แผ่นศิลาและอ่าน “ผู้ที่มีความมั่นใจและไร้เทียมทานจะสามารถผ่านไปได้!  หึ่ม ตราบใดที่อยู่ในระดับเดียวกับข้า ข้าก็จะไร้เทียนทานที่สุด!” เขาก้าวเข้าไปในรูปปั้นหิน

หลังจากเดินเข้าไปได้ไม่กี่ก้าว รูปปั้นหินที่อยู่ใกล้เคียงก็มีชีวิตขึ้นมาอย่างกะทันหันและโจมตีเซี่ยอู๋เฉียน

“แม้จะเป็นรูปปั้นหินแต่ก็ไม่อาจทำตัวหยิ่งยโสต่อหน้าข้าได้!” เซี่ยอู๋เฉียนจ้องมองพวกมัน แต่ยังไม่เริ่มลงมือ ทันใดนั้นเองก็มีกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา ตู้ม รูปปั้นหินที่อยู่บริเวณใกล้เคียงพังทลายในพริบตา

แข็งแกร่ง แข็งแกร่งมาก!

หลิงฮันแอบพยักหน้าอยู่ในใจ ถึงแม้เขาจะสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดได้ แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเขาที่จะทำลายรูปปั้นหินพวกนั้นเพียงแค่ปลดปล่อยกลิ่นอาย

“สมแล้วที่เป็นนายน้อย!” ชายหนุ่มที่ใช้หอกและคนอื่นที่เป็นผู้ติดตามของเซี่ยอู๋เฉียนต่างตะโกนชื่นชมด้วยความคลั่งไคล้ แม้พวกเขาทุกคนจะเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูง แต่พลังต่อสู้นั้นแตกต่างกันเกินไป ตัวอย่างเช่น ชายหนุ่มที่ใช้หอกสามารถทำลายรูปปั้นหินได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ใช่ว่าคนที่เหลือจะแข็งแกร่งเหมือนกับเขา ถ้าพวกเขาถูกรูปปั้นหินหลายสอบตัวรอบล้อม ชีวิตของพวกเขาก็จะตกอยู่ในอันตราย

เซี่ยอู๋เฉียนไม่ได้หันหน้ากลับมาเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่หันกลับมาเพื่อให้สุ่ยเยี่ยนยวี่ประทับใจ

“เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งจริงๆ!” หลิงฮันกล่าว หากเทียบกับชายหนุ่มที่ใช้หอกแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่าชายหนุ่มที่ใช้หอกมาก แม้เขาจะสามารถทำลายรูปปั้นหินได้ในการโจมตีเดียวก็ตาม แต่หลังจากที่เข้าไปลึกได้ในระดับหนึ่ง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนสี

ในทางตรงกันข้าม เซียวอู๋เฉียนยังไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย แต่ทว่ากลิ่นอายที่เขาได้ปลดปล่อยออกมาใช้กำจัดรูปปั้นหินนั้นเริ่มอ่อนแอลง ในความเป็นจริงมันกินพลังปราณมาก ซึ่งนั่นเป็นราคาที่เขาต้องจ่ายไปแลกกับการเก๊กเท่

แม้เขาจะมีพลังปราณมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีจำกัด และตอนนี้ที่หน้าผากของเขาก็เริ่มมีเหงื่อไหลออกมาให้เห็นเล็กน้อย

แต่พลังปราณที่เขาแลกไปกับการกำจัดรูปปั้นหินนั้น กำจัดพวกมันได้ไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์!

หลังจากนั้น เซี่ยอู๋เฉียนก็เริ่มลงมือต่อสู้ด้วยตัวเอง และปล่อยฝ่ามือออกไปข้างหน้า พลังที่เคลื่อนที่ผ่านสามารถทำลายรูปปั้นหินที่อยู่รอบตัวเขาได้อย่างง่ายดาย

“ท่านอาจารย์ ท่านสามารถเอาชนะเขาได้หรือไม่?” ติงผิงกระซิบถาม

หลิงฮันเผยสีหน้าครุ่นคิดและพูดว่า “ถ้ากำจัดกระบวนท่า เขาจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ถ้าไม่จำกัดกระบวนท่า ข้าจะเป็นฝ่ายชนะ”

ถ้าจำกัดกระบวนท่าจะไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้ ถ้าพูดถึงความได้เปรียบ แน่นอนว่าจะต้องเป็นเซี่ยอู๋เฉียน เพราะเขามีพลังต่อสู้ไม่ต่ำกว่าสี่ ทั้งยังมีระดับพลังที่มากกว่าหลิงฮันถึงหกขั้นเล็ก

แต่หลิงฮันมีกายหยาบที่แข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะสามารถฆ่าเขาตายได้ภายในไม่กี่วินาที หากการต่อสู้ยืดเยื้อ เซี่ยอู๋เฉียนก็จะพลังหมด แล้วแน่นอนว่าชัยชนะจะต้องตกเป็นของหลิงฮัน

แต่ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าหลิงฮันมีกายหยาบที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นสูง คงไม่มีใครต่อสู้ยืดเยื้อกับเขา ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะจบลงด้วยผลเสมอ

โชคดีที่คนอื่นไม่ได้ยิน มิฉะนั้นพวกเขาคงคิดว่าหลิงฮันเป็นคนพูดจาโอ้อวด

หลังจากนั้นก็มีคนจำนวนมากเริ่มแห่กันมาจากด้านหลัง บางคนเข้าไปในค่ายอาคมรูปปั้นหินทันที แต่ก็มีบางคนที่เลือกสังเกตการณ์

ในตอนแรกหลิงฮันไม่ได้สนใจคนพวกนั้น แต่ในไม่ช้าเขาก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ เพราะคนที่มาที่นี่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีทั้งหมด

จอมยุทธระดับดารานั้นหาตัวได้ยากทุกคนเข้าใจดี แต่การที่ไม่มีจอมยุทธระดับสุริยันจันทรามาที่นี่เลยแม้แต่คนเดียว มันเป็นเรื่องที่แปลกมาก

หรือว่าทุกคนจะถูกแยกโดยไม่รู้ตัว?

หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่แปลกที่ว่าทำไมที่นี่มีแต่หุ่นเชิดระดับภูผาวารี เพราะที่นี่มีไว้สำหรับจอมยุทธระดับภูผาวารีเท่านั้น มิฉะนั้นถ้าจอมยุทธระดับสุริยันจันทรามาที่นี่ แม้จะมีหุ่นเชิดระดับภูผาวารีหลายแสนหลายล้านตัว มันจะสามารถยับยั้งจอมยุทธระดับสุริยันจันทราได้อย่างไร?

นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก เพราะมันเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว แม้แต่หลิงฮันก็ตาม หากเขาไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติเมื่อครู่ เขาคงไม่มีทางรู้ความจริง

คนส่วนใหญ่เลือกที่จะไปทางลัด แต่ก็ถูกซัดปลิวกลับมา โชคดีที่ไม่ต้องเดินย้อนกลับไป ท้ายที่สุดค่ายอาคมรูปปั้นหินนี้มีความกว้างเพียงแค่สองไมล์และสามารถออกจากทั้งสองฝั่งได้

เรื่องที่แปลกคือ ทั้งสองข้างสามารถออกไปได้ แต่ไม่ได้อยู่ข้างใน นี่ถือเป็นการโกงหรอไม่?

ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะรู้สึกสนใจมัน

“พวกเจ้าไปรอข้าด้านข้าง!” หลิงฮันพูดกับสุ่ยเยี่ยนยวี่และติงผิง จากนั้นเขาก็พยักหน้าให้กับจักรพรรดิจอมอสูร ซึ่งหมายความว่าให้เขาปกป้องทั้งสองคน

จักรพรรดิจอมอสูรรีบกระดิกหางไปมาเพื่อแสดงให้ว่าเข้าใจแล้ว

“ระวังตัวด้วย!” สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้ว่าหลิงฮันมีหอคอยทมิฬ แต่นางก็อดเป็นห่วงไม่ได้ “อย่าทำตัวบ้าบิ่นด้วย!”

“ข้ารู้แล้ว!” หลิงฮันหัวเราะด้วยรอยยิ้ม เขาไม่กลัวเลยแม้แต่ เพราะเขาทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูงแล้ว ทั้งยังมีกายหยาบที่เทียบได้กับแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ แม้จะถูกหุ่นเชิดนับพันตัวลุมโจมตี เขาก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บ

นอกจากนี้ เขายังเป็นมือปราบหุ่นเชิด

หลิงฮันเริ่มก้าวเข้าสู่ค่ายอาคมรูปปั้นหินและเริ่มฝ่ามันไป