ตอนที่ 1097

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ปัง รูปปั้นหินที่อยู่ใกล้หลิงฮันเริ่มเคลื่อนไหวและโจมตีใส่หลิงฮันทันที

หลิงฮันเองก็กำหมัดแน่นและโจมตีกลับ

ตู้ม!

รูปปั้นหินพังทลายทันที ความแข็งแกร่งของมันค่อนข้างธรรมดา แม้จะเป็นรูปปั้นหินระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นต้น แต่หลิงฮันมีพลังต่อสู้มากกว่าห้าดาว  ทำให้หมัดของเขามีพลังทำลายล้างในระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นปลาย จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกมันจะถูกทำลายในหมัดเดียว

อย่างไรก็ตาม รูปปั้นที่เหลือจำนวนมากก็เริ่มเคลื่อนไหวตามๆกัน และโจมตีใส่หลิงฮัน บางตัวกระโดดขึ้นไปบนฟ้าและบางตัวก็พุ่งเข้าหาหลิงฮันโดยตรง รูปแบบการต่อสู้ของพวกมันนั้นไม่อาจคาดเดาได้เลย

แล้วนี่เองเป็นเหตุผลที่หลิงฮันไม่ปล่อยให้สุ่ยเยี่ยนยวี่กับติงผิงเข้ามากับเขา หากพลาดก็อาจถูกรูปปั้นหินฆ่าตายได้

ถ้าอยากจะยอมแพ้ ก็ควรยอมแพ้ตั้งแต่ครึ่งทาง หากเข้าไปลึกไปกว่านั้น ถึงแม้อยากจะล่าถอยก็อาจจะสายไปเสียแล้ว

ในรูปปั้นหินมีโลหิต แขนขา และศพ!

หลิงฮันสังเกตเห็นว่าที่นี่มีอัจฉริยะเยอะมาก และบางคนก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเซี่ยอู๋เฉียน และต่อสู้กับรูปปั้นหินด้วยมือข้างเดียวอย่างผ่อนคลาย

หลิงฮันเชื่อว่าอัจฉริยะที่เข้ามาในสุสานยังมีอีกหลายคน เพราะไม่ใช่อัจฉริยะทุกคนที่จะออกสำรวจคนเดียว แล้วหลังจากที่การสำรวจสุสานครั้งนี้จบลง ก็จะตามมาด้วยเหตุการณ์ครั้งใหญ่อย่างนิกายสวรรค์เยือกแข็งเปิดรับสมัครศิษย์ บางทีหลายคนที่อยู่ที่นี่อาจได้กลายเป็นศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็งและกลายเป็นคู่แข่ง ดังนั้นหลายคนยังไม่แสดงพลังทั้งหมดออกมา

แต่หลิงฮันเป็นเหมือนคนนอกสายตา แม้ว่าเขาจะก้าวไปข้างหน้า แต่มันก็ไม่ง่าย เพราะระดับบ่มเพาะพลังของเขายังต่ำเกินไป

การฝ่าฝันค่ายอาคมรูปปั้นหินได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก พวกเขาต้องการรู้ว่าจะมีกี่คนที่สามารถผ่านค่ายอาคมรูปปั้นหินได้สำเร็จ และใครจะเป็นคนแรก

หากมีการแข่งขันกันเกิดขึ้น แน่นอนว่าย่อมทำให้เลือดในร่างกายของเหล่าอัจฉริยะเดือดพล่านมากยิ่งขึ้น

แต่ไม่ใช่อัจฉริยะทุกคนซะทีเดียว แต่ยังรวมถึงผู้อาวุโสที่อยู่ในระดับภูผาวารีด้วยเช่นกัน พวกเขาเองก็ไม่ต้องการน้อยหน้ารุ่นเยาว์ แม้พวกเขาจะยังไม่ทะลวงผ่านระดับสุริยันจทรา แต่พวกเขาก็ขัดเกลาพลังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งและยกระดับพลังต่อสู้ของตัวเองด้วยวิธีการต่างๆ

แน่นอนว่าไม่มีกฎห้ามใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ หลิงฮันเห็นชายชราคนหนึ่งยื่นกระดองเต่าที่มีอักขระศักดิ์สิทธิ์ออกไปข้างหน้า ในทันใดนั้นเองแสงสว่างก็ก่อตัวเป็นม่านพลังและป้องกันการโจมตีให้กับเขา

เซี่ยอู๋เฉียนยังคงนำเป็นที่หนึ่ง แต่ผู้คนที่ตามมาจากด้านหลังก็เริ่มเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไม่มีใครที่สามารถแซงเขาไปได้

ผู้นำต้องแบกรับแรงกดดันมากที่สุด ดังนั้นหลายคนจึงเลือกเป็นผู้ตามไปก่อนและไม่รีบร้อนที่จะแซงหน้า

“คนที่นำเป็นอันดับแรกคือเซี่ยอู๋เฉียน”

“เซี่ยอู๋เฉียนคือใคร?”

“องค์ชายแห่งจักรวรรดิราชวงศ์ป้าเซี่ยและยังเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของจักรวรรดิ กล่าวกันว่าจักรพรรดิได้ส่งเขาไปยังโลกใบเล็ก และเขาได้เปิดสวรรค์ขึ้นมาทำให้เขาได้รับพลังจากการเปิดสวรรค์ ในอนาคตเขาไม่เพียงแค่จะกลายเป็นจอมยุทธระดับดาราเท่านั้น แต่บางทีอาจกลายเป็นอัจฉริยะระดับห้าดาวในตำนานด้วย!”

“อัจฉริยะห้าดาว! ข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงนำคนอื่น เขาจะต้องเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน แล้วใครจะสู้กับเขาได้!”

“แต่อย่าได้ดูถูกคนอื่นเชียว! เจ้าเห็นอันดับสองหรือไม่ นางคือเส้าซือซือจากดาวหนานเฟิงและเป็นองค์หญิงแห่งจักรวรรดิราชวงศ์พันเหมันตร์ นางเองก็เป็นอัจฉริยะที่มาจากการเปิดสวรรค์เช่นเดียวกัน”

“อันดับที่สามคือซู่จิง ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่อาจหยั่งถึง”

“และอันดับสี่คือตูอัน และเขาเองก็ไม่ธรรมดา!”

ในบรรดาเหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ พวกเขาทั้งสี่คนคือคนที่โดดเด่นที่สุด ความแข็งแกร่งของพวกเขาเหนือกว่าคนรุ่นเดียวกันมาก ยิ่งไปกว่านั้นบางคนยังผ่านการเปิดสวรรค์มาแล้วด้วย ต้นทุนของพวกเขานั้นสูงกว่าคนอื่น แม้ว่าจะไม่สามารถสร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้ แค่พลังต่อสู้เพียงอย่างเดียวก็อาจมากถึงหกดาวแล้ว

พวกเขาแข็งแกร่งมาก แม้แต่หลิงฮันก็ไม่สามารถแข่งขันกับพวกเขาทั้งสี่คนที่อยู่ด้านหน้าได้

ทั้งสี่คนเกาะกลุ่มกันอยู่ และกลายเป็นกลุ่มแรกที่ไม่มีใครตามทัน ส่วนกลุ่มที่สองคืออัจฉริยะที่แข็งแกร่งรองลงมาและผู้อาวุโสที่อยู่ในระดับภูผาวารี อย่างเช่น ผู้อาวุโสที่ใช้กระดองเต่าเมื่อครู่ โดยพึ่งพาพลังป้องกันของมันและก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง

และสมบัติชิ้นนี้ก็สะดุดตามากเช่นกัน มันสามารถต้านทานการโจมตีจากหุ่นเชิดระดับภูผาวารีขั้นสูงได้นับมากมาย แล้วใครจะไม่อยากได้มัน?

กลุ่มที่สามนั้นมีความสามารถน้อยกว่ากลุ่มที่สองเล็กน้อย พวกเขาส่วนใหญ่มีพลังต่อสู้สามดาว แต่พวกเขาทุกคนก็เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นปลาย มิฉะนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมาถึงจุดนี้และคงยอมพ่ายไปนานแล้ว

กลุ่มที่สี่นั้นส่วนใหญ่มีพลังต่อสู้สองดาว แต่ก็ยังเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นปลายเช่นกัน

ส่วนกลุ่มที่ห้าไม่จำเป็นต้องพูดถึง พวกเขามีพลังต่อสู้ต่ำเกินไป แค่เข้ามาในค่ายอาคมรูปปั้นหินก็ถูกซัดปลิวออกไปในไม่ช้า

ตอนนี้หลิงฮันอยู่ในกลุ่มที่สี่ เขาไม่รีบร้อนอะไรและเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และใช้หุ่นเชิดพวกนี้เป็นคู่มือลับคมให้กับตัวเอง

ดังนั้น เขาจึงใช้ประโยชน์จากค่ายอาคมหุ่นเชิดเป็นที่ฝึกฝนการต่อสู้

แล้วหากดูให้ดีจะเห็นว่ารูปปั้นหินทุกตัวที่หลิงฮันทำลายนั้นถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ แม้จะมีพลังของค่ายอาคมที่สามารถทำให้รูปปั้นหินที่เสียหายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วก็ตาม

“อะไรกัน?”

ไม่นานหลังจากนั้น หลิงฮันก็พบว่ามีพลังที่ไม่สามารถอธิบายได้อยู่ในหมัดของรูปปั้นหิน และต่อยเข้ามาที่ร่างกายของเขาซึ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมาก!

ต้องทราบก่อนว่าหลิงฮันมีกายหยาบที่เทียบได้กับแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ แล้วหุ่นเชิดระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นปลายจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร?

มันน่าเหลือเชื่อ!

ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะรู้สึกตกใจ แต่เขาก็พบว่ามันมีอักขระศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่หมัดของรูปปั้นหิน

ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้การโจมตีของรูปปั้นหินรุนแรงมากยิ่งขึ้น

แม้ว่าพลังของพวกมันจะไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ก็สร้างแรงกดดันให้กับเขามากขึ้นในระดับหนึ่ง

ปัง ปัง ปัง

“อ๊ากก!” ในกลุ่มที่สามมีใครบางคนส่งเสียงกรีดร้อง พวกเขาถูกหุ่นเชิดโจมตีจนกระอักโลหิต คนส่วนใหญ่ต้านทานไม่ไหวและรีบล่าถอยออกไปทันที แต่ก็มีบางคนหนีไม่ทันและถูกหุ่นเชิดหินฆ่าตายกลายเป็นศพ

นี่ทำให้ผู้คนรอบข้างรู้ว่าพลังของค่ายอาคมรูปปั้นหินนั้นเพิ่มขึ้น!