เล่มที่ 25 เล่มที่ 25 ตอนที่ 733 ตัดคนรักของเจ้าออกทีละคน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

เยี่ยโยวเหยาเผยแววตาสงสัย

ซูจิ่นซีกล่าวว่า “ท่านอ๋อง หมากล้อมกระดานนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่ท่านเห็น แม้จะเป็นเพียงกระดานหมากล้อมธรรมดา ทว่ากลับผสมผสานวิชาแพทย์และวิชาสมุนไพรเข้าด้วยกัน หมากแต่ละชิ้นแทนยาสมุนไพรแต่ละชนิด และท่ามกลางหมากจำนวนมาก ไม่มีหมากตัวใดที่ซ้ำกัน

ยิ่งไปกว่านั้น หมากแต่ละชิ้นที่วางบนกระดานหมากล้อม ต้องมีคุณสมบัติทางยาที่เข้ากันได้กับหมากอีกชิ้นบนเส้นทางแนวตั้งและแนวนอน และไม่อาจขัดกันได้

ไม่เช่นนั้น หากเดินหมากผิดเพียงก้าวเดียว จะแพ้ทั้งกระดาน! ”

ผู้ใดที่เปลี่ยนแปลงการตั้งกระดานหมากล้อมเช่นนี้?

เพียงระดับความยากของกระดานหมากเจินหลงก็อยู่เหนือความสามารถของยอดฝีมือหมากล้อมหลายคนแล้ว ทว่ายังเพิ่มเรื่องเกี่ยวกับวิชาสมุนไพรเข้าไปอีก หากต้องการชนะเกมหมากล้อมนี้ ยิ่งกลายเป็นเรื่องที่ยากกว่าเดิมไม่ใช่หรือ?

ต้องทราบว่าในทางการแพทย์ มียาสมุนไพรหลายชนิดที่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้

อย่างไรก็ตาม เหล่าองครักษ์เงาและองครักษ์ต่างพากันงงงวย พวกเขามองซ้ายมองขวา พลิกดูตัวหมากล้อมจากด้านหน้าไปด้านหลัง ทว่ามองไม่เห็นความแตกต่างแม้แต่น้อย นอกจากตัวหมากล้อมนั้นใหญ่กว่าหมากล้อมปกติเล็กน้อย พระชายาเห็นได้อย่างไรว่าหมากล้อมเหล่านี้เป็นตัวแทนของสมุนไพร?

หรือว่าวิชาแพทย์และวิชาพิษของพระชายาอยู่ในระดับเทพขั้นสุดยอดแล้วจริงๆ ?

เหล่าองครักษ์และองครักษ์เงาต่างไม่เข้าใจ ทว่าเยี่ยโยวเหยาเข้าใจเป็นอย่างดี!

เขารู้ว่าซูจิ่นซีตรวจพบจากระบบถอนพิษจึงไม่แปลกใจ! และดึงซูจิ่นซีมายืนด้านข้างตนเอง

“ข้าจะดูสีของหมากที่ควรเล่นในแต่ละเส้นทาง เจ้าเลือกตัวหมากที่เหมาะสม”

“เพคะ! ”

เยี่ยโยวเหยาชี้ตัวหมากล้อมในมือของจิ้นหนานเฟิงและองครักษ์ผู้หนึ่ง “แนวตั้งแถวที่สาม แนวนอนแถวที่สี่ หมากสีดำสี่แนวนอน แม้หมากสีขาวจะไม่มีทางหนี แต่สามารถทำลายเรือได้ ดังนั้นหมากสีขาวควรอยู่ตำแหน่งสี่แนวตั้ง”

ซูจิ่นซีรีบเลือกหมากสีขาวที่เหมาะสมทันที และสั่งให้คนย้ายมันไป

เยี่ยโยวเหยายังคงรับผิดชอบกระดานหมากล้อม และซูจิ่นซีรับผิดชอบเลือกหมากที่เหมาะสม

หลังจากการวิเคราะห์อย่างระมัดระวังกว่าครึ่งชั่วยาม ขณะที่หมากตัวสุดท้ายวางลงบนกระดานหมากล้อม กระดานหมากล้อมทั้งกระดานพลันเปล่งแสงเจิดจ้า

ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาที่ยืนอยู่ตรงข้ามกระดานหมากล้อมเป็นคนแรกที่แสงส่องกระทบ เยี่ยโยวเหยาดึงซูจิ่นซีเข้าไปในอ้อมแขนตนเอง ปกป้องแสงสะท้อนกลับ และโอบกอดนางด้วยร่างกายของเขา ก่อนจะหันไปอีกทางอย่างรวดเร็ว

แสงสว่างนั้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แทบจะส่องสว่างไปทั่วบริเวณ

เดิมที แสงของดวงอาทิตย์ก็สว่างมากแล้ว กอปรกับแสงเจิดจ้านั้น ทำให้ภาพโดยรอบขาวโพลนจนมองไม่เห็นสิ่งใด

ไม่นานนัก ท่ามกลางแสงเจิดจ้าที่มองไม่เห็นสิ่งใดก็มีเสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังขึ้น

แสงสว่างแสบตาจนทำให้ทุกคนมองไม่เห็นสิ่งใด ทว่าเมื่อได้ยินเสียงนั้นใกล้เข้ามา พวกเขาก็ถือกระบี่ยาวไว้ในมือด้วยความตื่นตัว

เยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีจับมือกันและถืออาวุธของตนเองไว้ในมือ

อย่างไรก็ตาม การรอความตายเช่นนี้ไม่ใช่อุปนิสัยของเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซี

พวกเขาทำได้เพียงชำเลืองมองกัน และเห็นสิ่งที่อยู่ในใจจากแววตาที่สดใสของฝ่ายตรงข้าม

เยี่ยโยวเหยาคว้าซูจิ่นซีและกระโดดขึ้นไปในอากาศโดยที่ไม่รู้ว่าซูจิ่นซีนำสิ่งใดออกมาจากระบบถอนพิษ ทันใดนั้น นางก็โปรยของสิ่งนั้นลงบนกระดานหมากล้อมที่เรืองแสง

เพียงชั่วพริบตา กระดานหมากล้อมที่เปล่งประกายก็ราวกับถูกปกคลุมไปด้วยม่านบังแสง ซึ่งรวบรวมแสงอันเจิดจ้าจนกลายเป็นลูกบอลกลม

ในที่สุด ทุกคนก็เห็นสถานการณ์ตรงหน้า ทันทีที่พวกเขาเห็นทุกอย่างชัดเจน การเฝ้าระวังระดับสูงของพวกเขาก็ถูกเพิ่มเป็นระดับสูงสุด

สัตว์เทพหลายชนิดวิ่งออกมาจากทุ่งยาสมุนไพรที่อยู่ไกลออกไป ระบบถอนพิษของซูจิ่นซีตอบสนองได้เร็วกว่าดวงตาของนาง ก่อนที่จะเห็นสัตว์เทพเหล่านั้น ระบบถอนพิษได้แจ้งเตือนแล้ว ทั้งยังมีวัตถุมีพิษจำนวนมากโจมตีมาทางพวกเขา

ทุกคนต่างเฝ้าระวัง เยี่ยโยวเหยาจับมือซูจิ่นซีแน่นขึ้น และเหาะลงมาจากอากาศ

ทันทีที่ลงมาอยู่บนพื้น ซูจิ่นซีก็เรียกสัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น

ตอนที่อยู่ในโลกเขตแดนก่อนหน้านี้ พวกมันมีประสบการณ์ในการรับมือกับสัตว์เทพ ทั้งพวกมันยังมีพลังที่แข็งแกร่งมาก เชื่อว่าพวกมันสามารถจัดการสัตว์เทพเหล่านี้ได้โดยไม่มีปัญหา

สัตว์เทพกิเลนร่อนลงบนพื้น ก่อนจะกลายร่างเป็นสัตว์เทพขนาดใหญ่และต่อสู้ร่วมกับจิ้งจอกเก้าสี

เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นจิ้งจอกเก้าสี แววตาเคร่งขรึมลึกซึ้งพลันปรากฏความเยือกเย็น

“ซูจิ่นซี เจ้าควรอธิบายบางอย่างให้ข้าฟังหรือไม่? ”

ครู่หนึ่ง ซูจิ่นซีจึงตอบสนอง เยี่ยโยวเหยากำลังพูดถึงจิ้งจอกเก้าสีที่อยู่ข้างกายนาง

ก่อนหน้านี้ จิ้งจอกเก้าสีติดตามจิ่วหรงมาตลอด ทุกคนในอาณาจักรเทียนเหอต่างรู้ดีว่ามันคือสัตว์เลี้ยงของคุณชายจิ่ว ตอนนี้จิ่วหรงไม่ได้อยู่ที่นี่ และจิ้งจอกเก้าสีไม่เพียงอยู่กับซูจิ่นซีเท่านั้น ทว่ามันยังฟังคำสั่งของซูจิ่นซีอีกด้วย

หากบอกว่าไม่มีสิ่งใดแอบแฝง ผู้ใดจะเชื่อ!

แม้จะหลอกทุกคนได้ ทว่าไม่อาจหลอกลวงเยี่ยโยวเหยาผู้ฉลาดหลักแหลมได้!

ทว่า นางจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร?

แม้แต่ซูจิ่นซีเองก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นจากที่ใด

เริ่มจากความจริงที่ว่า อวิ๋นจิ่นคือจิ่วหรงใช่หรือไม่?

หรือเริ่มจากเรื่องที่วิญญาณทั้งสามดวงของนางไม่สมบูรณ์ จึงต้องไปที่ทะเลอู๋ว่างเพื่อตามหาหญ้าเสินเซียน?

หรือเริ่มจากเรื่องความทรงจำที่ไม่ต่อเนื่องในสมองของนาง?

หรือเริ่มที่ หลังจากนางและจิ่วหรงกลับมาจากโลกเขตแดน จิ่วหรงก็หายตัวไป เหลือทิ้งไว้เพียงจิ้งจอกเก้าสี วิธีนี้เป็นการอธิบายที่กระชับและชัดเจนหรือไม่?

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ซูจิ่นซีก็รู้สึกว่าคำอธิบายไม่ชัดเจน ทั้งยังไม่สามารถคลายความสงสัยและข้อกังวลมากมายของเยี่ยโยวเหยาได้

ซูจิ่นซีจึงลังเลครู่หนึ่ง ความเย็นชาและความโกรธในดวงตาของเยี่ยโยวเหยาทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เขาคว้าเอวบอบบางของซูจิ่นซีมาไว้ในอ้อมแขนของตนเองครู่หนึ่ง ก่อนจะโน้มตัวลงมา ดวงตาเย็นชาและเคร่งขรึมสบเข้ากับดวงตาทอประกายสดใสของซูจิ่นซี

“ซูจิ่นซี ไม่ว่าในอดีตชาติจะเกิดสิ่งใดขึ้น ทว่าชีวิตนี้ ชาติภพนี้ ซูจิ่นซี เจ้าถูกกำหนดให้เป็นชายาของข้า ทางที่ดีเจ้าไม่ควรคิดเรื่องที่ไม่สมควรคิด และไม่ควรมีดอกท้อ [1] อื่นจะดีกว่า เจ้าไม่ควรยุ่งเกี่ยว หรือต่อให้ยุ่งเกี่ยวกัน ข้าก็จะตัดดอกท้อของเจ้าออกไปทีละดอก”

เสียงของเยี่ยโยวเหยาเย็นชาอย่างมาก ซูจิ่นซีสั่นสะท้านไปถึงแผ่นหลัง ลมหนาวที่พัดเข้ามาในหูของนางราวกับได้ยินเสียงดังกังวานบางอย่าง

ทว่าหลังจากตกตะลึงเล็กน้อย ซูจิ่นซีก็รู้สึกว่าเยี่ยโยวเหยาที่เป็นเช่นนี้ทั้งตลกและน่ารักจริงๆ

ดังนั้นนางจึงกะพริบตาสองครั้งให้กับดวงตาเย็นชาของเยี่ยโยวเหยา

“ท่านอ๋อง ท่านหึงอีกแล้ว! ”

ดวงตาของเยี่ยโยวเหยายังคงเย็นชา เขากัดฟันพูดว่า “ซูจิ่นซี… ”

ซูจิ่นซีเม้มปาก พยายามไม่ให้ตนเองหัวเราะออกมา

“ดอกท้อหรือ… ท่านอ๋อง ท่านลองเดาดูสิ! ข้างกายจิ่นซีมีดอกท้อกี่ดอก… ที่จะให้ท่านเด็ดทำลาย? ”

ขณะที่พูดเช่นนั้น ซูจิ่นซียังใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้ในมือขวาของตนทำเป็นรูปร่างเหมือนดอกท้อ และเป่ามันต่อหน้าต่อตาเยี่ยโยวเหยา

การกระทำดังกล่าวเป็นการยั่วยุความอดทนของเยี่ยโยวเหยา!

ผลลัพธ์เป็นดังคาด ประกายความเข้มข้นและซับซ้อนพลันปรากฏในดวงตาของเยี่ยโยวเหยา

มือที่จับเอวของซูจิ่นซีกระชับขึ้นเล็กน้อย

แต่เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับซูจิ่นซี จึงรวบรวมพลังในมืออีกข้างหนึ่ง ทันใดนั้นก็โบกมือไปทางจิ้งจอกเก้าสีที่กำลังต่อสู้กับสัตว์เทพ

ซูจิ่นซีสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่าเยี่ยโยวเหยาใช้วิชายุทธจิ่วเซียว ทั้งยังใช้พลังในระดับสูงอีกด้วย

หากพลังนั้นพุ่งไปที่ร่างของจิ้งจอกเก้าสี มันต้องตายอย่างแน่นอน

……

เชิงอรรถ

[1] ดอกท้อ หมายถึง ชายอื่น