“เข้าไป!” ทหารประจำการทั้งสิบนายตะโกนพร้อมกัน อย่างไรก็ตามพวกเฉินโม่นั้นฟังเข้าใจแค่คำพูดของทหารประจำการของหัวเซี่ยเท่านั้น
ทุกคนเข้าในช่องประตูเปิด ข้างดูดังขึ้นด้วยเสียงพูดของทหารประจำการ
“เครื่องบันทึกของพวกคุณยังมีฟังชั่นรักษาชีวิต ขอเพียงทำลายเครื่องบันทึก พวกคุณก็จะถูกส่งตัวออกมาทันที แต่ว่าผลงานของคุณจะเป็นโมฆะทันที โปรดจำเอาไว้!”
เฉินโม่และคนอื่นถูกส่งตัวมาถึงป่าแห่งหนึ่ง แต่พืชที่อยู่โดยรอบไม่ได้เป็นสีเขียวอย่างที่เห็นในโลกภายนอก แต่เป็นสีน้ำตาล
ท้องฟ้ามืดครึ้ม และมีกลิ่นฉุนแปลกๆในอากาศ ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือกลิ่นอะไร แต่มันทำให้รู้สึกคนอึดอัดอย่างมาก
จีอู๋หยากวาดมองไปยังทุกคน แล้วถาม “ไม่เป็นไรกันใช่มั้ย?”
“ไม่เป็นไรครับ!” ตอบกันคนละที
จีอู๋หยาอย่างจริงจังทันที “พวกคุณทุกคนต่างก็ได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของทหารประจำการแล้ว ถ้าคุณต้องการรักษาชีวิตเอาไว้ ให้ทำลายเครื่องบันทึก แต่คะแนนก็จะถูกทำลายไปด้วยเช่นกัน”
จีอู๋หยากวาดมองพวกเขาอย่างเย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น“ฉันไม่อยากให้คะแนนของพวกคุณเป็นโมฆะเลยแม้แต่คนเดียว แบบนั้นเราถึงจะมีโอกาสเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ที่ทีมเราจะเป็นคนสุดท้าย ก่อนที่จะเข้ามาบางทีทุกคนอาจจะเคยได้ยินมาแล้ว ของเดิมพันในครั้งนี้ของแต่ละประเทศนั้นใหญ่มาก ครั้งนี้หัวเซี่ยก็ได้ลงไปมากเช่นกัน ดังนั้นเราจะแพ้ไม่ได้ และก็เสียไม่ได้ด้วย!”
จางเจิ้นพูดอย่างเสียงดัง “หัวหน้าจี วางใจเถอะ ผมได้เตรียมพร้อมที่จะเสี่ยงตายแล้ว ถ้าหากใครกลัวตาย มันก็คือคนปาบของหัวเซี่ย ฉันคนแรกที่จะไม่ปล่อยมัน!”
ขณะที่พูด สายตาของจางเจิ้นจ้องมองเฉินโม่ตลอดเวลา
เซี่ยไห่หลงไม่พอใจแล้ว พูดอย่างดุดัน “ตั้งแต่วันที่ฉันมาเป็นทหาร ก็ไม่ได้สนใจเรื่องความเป็นความตายแล้ว ฉันเชื่อว่าคนที่มาที่นี่ ก็รู้ถึงความอันตรายในนี้ ในเมื่อกล้ามา งั้นก็เท่ากับว่าพวกเราเจ็ดคนไม่มีใครสนใจเรื่องความเป็นความตายเลย ต่อไปคำพูดที่ไม่สร้างความสามัคคี ก็อย่าพูดไปเรื่อย”
จางเจิ้นทำเสียงหยัน “เป็นงั้นก็จะดีสุด!”
เฟิงเหมียนยิ้มอย่างเย้ายวน “เอาล่ะ เอาล่ะ อย่าพูดถึงสิ่งที่ไร้ประโยชน์เลย เรามาพูดถึงขั้นตอนต่อไปเถอะ! ต่อให้ไม่กลัวตาย ก็ต้องได้แกนอสูรมากกว่าคนอื่นถึงจะชนะ ไม่เช่นนั้นก็แพ้เหมือนกัน!”
จีอู๋หยาพยักหน้า “เฟิงเหมียนพูดถูก เราต้องวางแผนการต่อสู้อย่างละเอียด แต่หลักการต้องอยู่บนความปลอดภัยของพวกเราทุกคน มิฉะนั้น แกนอสูรที่ล่ามาอย่างไม่ง่าย เมื่อถูกผู้อื่นแย่งชิงไป ไม่เท่ากับช่วยให้คนอื่นชนะเหรอ?”
เหลยจ้านมองจีอู๋หยา แล้วเก็บท่าทางอันกวนประสาทของเขา แล้วถาม “หัวหน้า พูดความคิดเห็นของคุณหน่อย ก้าวต่อไปเราต้องทำอะไร!”
สายตาของลี่เซี่ยวและจางเจิ้นหันไปทางจีอู๋หยา รอความข้อคิดเห็นของเขา
จีอู๋หยากล่าว “ในนานาชาติ เรากับประเทศรัสมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลว แม้ว่าพวกมันก็ไม่ใช่คนดีอะไร แต่เมื่อเทียบกับประเทศอินประเทศฟา ประเทศเม สามประเทศนี้แล้ว คนของประเทศประเทศรัสใกล้ชิดกับเรามากกว่า อีกอย่างก่อนที่จะเข้ามาเจียงโส่วจ่างก็เคยพูดแล้ว ให้เราสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีกับประเทศรัส ฉันก็เสนอให้พวกเราพลางล่าสัตว์ประหลาด พลางหาตัวประเทศรัสเพื่อนรวมตัวกับพวกเขา!”
“หลังจากเรากับประเทศรัสร่วมมือกันแล้ว เราก็จะสามารถจัดการกับผู้ที่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังได้……” จีอู๋หยาใช้มือทำท่าบาดคอความหมายก็ชัดเจนอยู่แล้ว
“ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอของหัวหน้า!” เหลยจ้าน
จางเจิ้นก็พยักหน้า “ผมก็เห็นด้วย”
เฟิงเหมียนก็พยักหน้าตามเช่นกัน “ตอนนี้ดูแล้ว ก็ไม่มีความคิดใดดีไปกว่านี้แล้ว”