บทที่ 2650 วางแผน 2
เนื่องจากกู้ซีจิ่วบอกไว้แล้วว่า หิวโหยมาเนิ่นนานไม่อาจกินอิ่มมากเกินไปได้ มิเช่นนั้นกระเพาะจะเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน ดังนั้นต่อให้อยากกินจนอิ่มหนำก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป
ทุกคนยังคงเชื่อฟังนัก แถมยังพอใจยิ่ง!
เสบียงอาหารที่กู้ซีจิ่วนำกลับมาครานี้มากมายพรั่งพร้อม พอให้พวกเขากินจนกระเพาะปริไปได้ถึงหนึ่งเดือน!
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กลับมาแล้ว พวกเขาก็มีผู้นำแล้ว เริ่มปรึกษาหารือหัวข้อการตอบโต้กลับแล้ว
“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ คนส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่มีพลังวิญญาณเลย มีเพียงวรยุทธ์หมัดมวยที่ร้ายกาจอยู่บ้าง สิ่งสำคัญที่สุดคืออาวุธกับอาภรณ์ของพวกเขา! เสื้อผ้าของพวกเขาอาวุธเช่นใดก็ไม่อาจทำลายได้ อาวุธในมือพวกเขาก็วิปริตเหลือเกิน”
“มิผิด มิผิด! บางอันพ่นไฟออกมาได้ทันที แผดเผาทั้งตรอกได้ภายในชั่วพริบตา”
“บางอันก็พ่นลำแสงออกมาได้ แต่เมื่อลำแสงนั้นยิงไปถูกที่ใด ที่นั่นก็จะสลายกลายเป็นจุณ หลบไม่พ้นเลย”
“ใช่ ยังมีอาวุธที่พอเปิดใช้แล้ว จะทำให้อากาศโดยรอบหายไปได้ ทำให้มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตในรัศมีหลายลี้หายใจไม่ได้ตายกันหมด หายใจไม่ออกเลย”
“เรือใหญ่ของพวกเขายังส่งเสียงชนิดหนึ่งออกมาด้วย เสียงนั้นฟังแล้วไม่ระคายหูเลยชัดๆ แต่คนที่ได้ยินกลับมีเลือดออกจากเจ็ดทวารสิ้นชีพไป…”
“ทันทีที่เรือใหญ่เหล่านั้นของพวกเขาเข้ามาได้ พวกเราก็ไม่อาจทำอะไรได้เลย…”
คนเหล่านี้ต่อกรกับชาวดาวจิ้งจอกครามอยู่เกือบปี ยังคงเข้าใจตื้นลึกหนาบางของพวกเขาอยู่บ้าง ยามนี้เลยพากันเล่าออกมา
กู้ซีจิ่วคอยฟังอยู่เงียบๆ อาวุธพวกนั้นเธอย่อมรู้จักดี ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญของทวีปซิงเยวี่ยจะรับมือได้ ไม่แปลกเลยที่จะพ่ายแพ้
“พวกเจ้าบอกว่าพวกเขาส่วนใหญ่แล้วไม่มีพลังวิญญาณ แสดงว่ามีคนส่วนน้อยที่มีพลังวิญญาณอยู่หรือ?”
มู่เฟิงพยักหน้า
“ขอรับ มีคนส่วนหนึ่งที่มีพลังวิญญาณ วรยุทธ์ประมาณขั้นหกถึงขั้นเจ็ด ข้าน้อยเคยพบเข้าคนหนึ่ง ยามนั้นบังเอิญทำลายอาวุธของเขาได้ ผลก็คือตอนที่เขาหลบหนีไม่น่าเชื่อว่าจะใช้พลังวิญญาณต้านรับ…เพียงแต่พลังวิญญาณของพวกเขาไม่คล้ายแบบที่พวกเราพบเห็นกันทั่วไป ค่อนข้างคล้าย…”
เขามองหลานไว่หูที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นแวบหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยต่อไปอีก
เนื่องจากศัตรูร้ายกาจเกินไป พอมาถึงก็ใช้วิธีบดขยี้ทันที ทำให้ชาวทวีปซิงเยวี่ยไม่มีทางตั้งรับได้ ถูกบีบต้อนจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนตลอดมา สายสืบที่ส่งออกไปไม่เคยได้กลับมาอีกเลย…
ดังนั้นจวบจนยามนี้พวกเขาก็ยังไม่กระจ่างเลยว่าคนเหล่านี้โผล่มาจากไหนกันแน่
กู้ซีจิ่วหลุบตาลงนิดๆ เธอมองจิ้งจอกน้อยแวบหนึ่ง เอ่ยถามนางไปเรื่อย
“จิ้งจอกน้อย เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับคนพวกนั้น?”
ถึงแม้วรยุทธ์ของหลานไว่หูจะไม่ต้อยต่ำ แต่ด้วยนิสัยของนางแล้ว ไม่มีใจฝักใฝ่เรื่องรบทัพจับศึกเสมอมา ดังนั้นยามที่ฝูงชนปรึกษาหารือกัน จึงไม่เคยถามความเห็นของนางเลย
เดิมทีนางนั่งเฝ้าเยี่ยนเฉินอยู่รอบนอก คล้ายคาดไม่ถึงว่ากู้ซีจิ่วจะขานนามนาง ค่อนข้างทึ่มทื่อไปชั่วขณะ ทำตาปริบๆ
“ขะ…ข้าไม่รู้จักพวกเขา”
น้ำเสียงกู้ซีจิ่วอ่อนโยน
“หนึ่งเดือนก่อนเจ้าเคยแอบหนีออกไปมิใช่หรือ? ยามนั้นตอนที่พบกันเข้าพวกเขาได้ไล่ล่าสังหารเจ้าไหม?”
หลานไว่หูผงะไปแวบหนึ่ง มองดูเยี่ยนเฉิน เยี่ยนเฉินจึงกล่าวขึ้นว่า
“ตอนนั้นมีคนกำลังไล่ล่านางอยู่สองคนจริงๆ นางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยด้วย สองคนนั้นคงอยากจับเป็นนาง ดังนั้นจึงไม่ได้ลงมือสังหารนาง…”
กู้ซีจิ่วถามต่ออีก
“จิ้งจอกน้อย สองคนนั้นเคยพูดอะไรกับเจ้าไหม?”
จิ้งจอกน้อยส่ายหน้า
“พวกเขา…พวกเขาพูดจาหยาบโลนเล็กน้อย ไม่ได้พูดอย่างอื่นเลย”
กู้ซีจิ่วมองไปที่เยี่ยนเฉิน เยี่ยนเฉินขมวดคิ้ว
“ตอนที่ข้าตามไปทัน ช่วยเหลือนางได้พอดี สองคนนั้นเห็นท่าไม่ดี จึงหันหลังหลบหนีไปเลย”
————————————————————————————-
บทที่ 2651 วางแผน 2
“ดูเหมือนสองคนนั้นจะไม่ได้อยู่ในยานนะ เยี่ยนเฉินเจ้าไม่ได้ถือโอกาสไล่ตามพวกเขาไปหรือ?”
เยี่ยนเฉินส่ายหน้า
“ตอนนั้นจิ้งจอกน้อยบาดเจ็บ ซ้ำยังเสียขวัญมาก สองคนนั้นเห็นได้ชัดว่ามีพลังวิญญาณ หันหลังเหินทะยานหนีไปอย่างว่องไว ซ้ำในมือของพวกเขายังมีอาวุธที่ร้ายแรงยิ่งอยู่ด้วย ข้าจึงไม่ได้ตามไป”
คำถามกลุ่มหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของกู้ซีจิ่วแล้ว
หลานไว่หูเป็นราชครูหญิงแห่งเผ่าจิ้งจอกคราม หลายปีมานี้ไปมาหาสู่สนิทสนมกับเผ่าจิ้งจอกคราม คนของเผ่าจิ้งจอกครามเคารพนับถือนางมาก
เท่าที่กู้ซีจิ่วรู้มา ชาวดาวจิ้งจอกครามไม่มีพลังวิญญาณ กลับเป็นชาวเผ่าจิ้งจอกครามที่ดำเนินชีวิตอยู่ในทวีปซิงเยวี่ยมาหลายหมื่นปีแล้วที่บ่มเพาะพลังวิญญาณออกมาได้ หากไม่เหนือไปจากที่คาดไว้ สองคนนั้นที่ไล่ตามนางน่าจะเป็นคนเผ่าจิ้งจอกคราม เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้จักหลานไว่หู พวกเขาต้องการจับเป็นหลานไว่หูดูสมเหตุสมผลอยู่ แต่การใช้วาจาหยาบโลนแทะโลมกลับค่อนข้างผิดปกติอยู่บ้าง…
ยิ่งไปกว่านั้นคือหลานไว่หูเคยบอกเธอไว้ นางมีสัญชาตญาณอย่างหนึ่งที่จับสัมผัสถึงคนของเผ่าตนได้ แค่สัมผัสคลุกคลีเล็กน้อยนางก็จะมองออกแล้ว ว่ากันตามเหตุผลแล้ว พอสองคนนั้นทำร้ายนาง แถมยังพูดจาหยาบคายมากขนาดนั้น คลุกคลีกันนานขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จิ้งจอกน้อยจะมองพวกเขาไม่ออก
เช่นนั้นนางในตอนนี้คงมิใช่ว่า…
เกรงว่าถ้าตนบอกความลับของเผ่าจิ้งจอกครามออกมาแล้วตนจะโดนหางเลขไปด้วยหรือ?
เหตุผลข้อนี้ถึงแม้จะพอฟังขึ้น แต่นิสัยของหลานไว่หูเปิดเผยซื่อตรงเสมอมา นางไม่ใช่คนเช่นนี้…
หรือว่า…
“จิ้งจอกน้อย เจ้าได้ติดต่อกับคนในเผ่าของเจ้าบ้างไหม?”
จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็เอ่ยถามหลานไว่หูอีกประโยคหนึ่ง
หลานไว่หูชะงักไปอีกครั้ง สายหน้านิดๆ
“ไม่เลย…กว่าหนึ่งปีมานี้ข้าไม่ได้ติดต่อกับพวกเขาเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง…”
เยี่ยนเฉินพยักหน้า
“กว่าหนึ่งปีมานี้พวกเราไม่ได้ไปที่ดินแดนของเผ่าจิ้งจอกครามเลยจริงๆ เดิมทีคิดจะไปแล้ว ผลก็คือยังไม่ทันสำเร็จ ก็พบผู้รุกรานเหล่านี้เข้า”
กู้ซีจิ่วกวาดตามองไปรอบข้างเล็กน้อย
“ที่นี่มีชาวเผ่าจิ้งจอกครามอยู่หรือไม่?”
ดวงหน้าน้อยๆ ของหลานไว่หูเต็มไปด้วยความสลดหดหู่
“มีเพียงตัวข้า…”
กู่ฉานโม่ถอนหายใจพลางเอ่ย
“เผ่าจิ้งจอกครามแยกตนเป็นเอกเทศ ไม่คบค้าสมาคมกับโลกภายนอกง่ายๆ หลานเยวี่ยก็ไม่ได้ออกมานานแล้ว ครั้งนี้ก็ไม่อาจติดต่อกับเขาได้เลย เพียงแต่แดนเผ่าจิ้งจอกครามก็มีเขตแดนของตน ซ้ำหลานเยวี่ยยังมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ เผ่าจิ้งจอกครามน่าจะไม่ยังไม่เสียเมืองกระมัง…”
“ไม่ เสียแล้ว”
กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้น สายตาจับอยู่ที่ใบหน้าหลานไว่หู
ฝูงชนตกตะลึง
ใบหน้าพริ้มเพราของหลานไว่หูซีดเผือดเล็กน้อย สายตากู้ซีจิ่วดุจมีรูปลักษณ์จับต้องได้ ในยามนี้เอง หลานไว่หูรู้สึกหลอนราวกับถูกอีกฝ่ายมองทะลุได้อย่างปรุโปร่ง
นางเบิกตากว้าง เสียงสั่นเครือ
“เทพศักดิ์สิทธิ์ ท่าน…ท่านไปดูที่เผ่าจิ้งจอกครามมาแล้วหรือ? พวกเขา…พวกเขาคงใช่ว่า…”
“ตอนนี้แดนเผ่าจิ้งจอกครามคือฐานทัพหลักของผู้รุกรานเหล่านั้น”
ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงยิ่ง!
ฝูงชนต่างเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า
กู้ซีจิ่วกลับจ้องมองหลานไว่หูอยู่ตลอดเวลา หลานไว่หูกุมมือของเยี่ยนเฉินที่อยู่ข้างกายเอาไว้ กำจนเล็บซีดขาวแล้ว
“เช่นนั้น…เช่นนั้นชาวเผ่าของข้า…”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า ไม่พูดอะไร
หลานไว่หูร้อนรนกว่าเดิม น้ำตาคลอเบ้าแล้ว
“จิ้งจอกน้อย หากว่าเจ้าไม่สบายใจจริงๆ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปดูที่แดนเผ่าจิ้งจอกคราม”
กู้ซีจิ่วให้คำมั่น
“ข้าจะไปด้วย”
เยี่ยนเฉินขันอาสา เขาเป็นห่วงภรรยา แต่ชาวเผ่าของภรรยาประสบทุกข์ภัย เขาไม่อาจห้ามไม่ให้นางไปได้
หลานไว่หู่กลับชะงักไปแวบหนึ่ง กัดริมฝีปากนิดๆ
“ตอนนี้คนที่อยู่ด้านนอกเหล่านั้นอันตรายถึงเพียงนี้ ซ้ำเผ่าจิ้งจอกครามยังอยู่ห่างจากที่นี่ไปไกลนัก ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ยังต้องปกป้องเด็กและผู้ชราของที่นี่อยู่ ไว่หูจะรบกวนท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ให้ไปเสี่ยงภัยเพื่อประโยชน์ส่วนตนได้อย่างไร?”
————————————————————————————-