บทที่ 2652 วางแผน 4 / บทที่ 2653 เธอมองพลาดไปหรือ?

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2652 วางแผน 4

“วางใจเถอะ ด้วยความสามารถของข้า การไปที่นั่นไม่นับว่าเสี่ยงอันตราย”

“แต่ว่า…แต่ว่าไว่หูมีครรภ์แล้ว…”

หลานไว่หูลูบหน้าท้องเบาๆ ยังคือสื่อเจตนาว่าไม่อยากไป

กู้ซีจิ่วถอนหายใจ

“ครั้งก่อนข้าติดตามยานของพวกเขาเข้าไป เตร่อยู่ด้านในเพียงรอบเดียวเท่านั้น ยังเห็นอันใดไม่ชัดเจนเลย ที่นั่นกลายเป็นอาณาเขตของผู้รุกรานเหล่านั้นแล้ว ข้าต้องการไปสืบดูอีกครั้ง รู้เขารู้เรารอบร้อยหนถึงจะไม่พ่าย แต่ข้าไม่อาจทำลายเขตแดนของแดนเผ่าจิ้งจอกครามได้ จิ้งจอกน้อย เจ้าก็นับว่ามีศักดิ์เป็นราชครูของเผ่าจิ้งจอกคราม เจ้าต้องรู้วิธีทำลายเขตแดนนั้นเป็นแน่ ใช่หรือไม่?”

หลานไว่หูอึกอัก

“ข้า…ข้าไม่รู้จริงๆ…”

นางมองไปที่เยี่ยนเฉินอย่างคล้ายว่าจะขอความช่วยเหลือ เยี่ยนเฉินตบมือนางเบาๆ

“ไม่ต้องกลัวนะ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ปกป้องเจ้าได้ ข้าก็จะไปเป็นเพื่อนเจ้าด้วย หลายวันก่อนเจ้ายังคะนึงหาชาวเผ่าอยู่เลยมิใช่หรือ? เกรงว่าพวกเขาจะเกิดเรื่องขึ้น หนนี้จะได้ไปเยือนดูพอดี”

เยี่ยนเฉินมองหลานไว่หูที่อยู่ข้างกาย ในใจมีความรู้สึกประหลาดผุดขึ้นมาเล็กน้อย หนึ่งเดือนมานี้นางมักจะพะวงถึงความปลอดภัยของคนในเผ่าต่อหน้าเขาอยู่เสมอ ซ้ำยังรบเร้าให้เขาไปเยี่ยมดูเป็นเพื่อนนางด้วย ยังร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าเขาอยู่หลายครั้ง ครานี้กู้ซีจิ่วให้คำมั่นชัดเจนแล้วว่าจะพานางไป แถมยังสามารถคุ้มครองความปลอดภัยของนางได้ แต่นางกลับเอาแต่อิดออดบ่ายเบี่ยงเช่นนี้…

หลานไว่หูก็คงทราบว่าไม่อาจบอกปัดได้แล้ว สูดหายใจเบาๆ คราหนึ่ง

“ได้ เช่นนั้นพรุ่งนี้เราไปกันเถอะ”

ขณะที่คนของที่นี่กำลังหารือกันอยู่ สายสืบด้านนอกก็มีรายงานเข้ามา

“เรียนท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ เรือประหลาดที่อยู่ด้านนอกเหล่านั้นจู่ๆ ก็ล่าถอยไปหมด ไม่โจมตีพวกเราแล้วขอรับ”

กู้ซีจิ่วพยักหน้า สื่อว่ารับทราบแล้ว

สายลับถอยออกไป กู่ฉานโม่ถอยหายใจอย่างโล่งอก ยังคงเป็นกังวลอยู่

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งเดือนก่อนพวกเขาทั้งหมดก็เคยล่าถอยออกไปเช่นนี้ ไหนเลยจะทราบว่าเป็นแผนลวงของศัตรู ทำให้พวกเราต้องสูญเสียยอดฝีมือหลายสิบคนไป…หนนี้เกรงว่าพวกเขาจะเล่นไม้เดิมอีกแล้ว…”

กู้ซีจิ่วลุกขึ้นยืน

“วางใจเถอะ หนนี้พวกเขาน่าจะล่าถอยไปเพราะรู้สึกถึงอันตายได้แล้ว เกรงว่าจะถูกข้าทำลายยานเป็นโหลๆ อีกรอบ จึงล่าถอยไปวางแผนการกันใหม่”

พวกกู่ฉานโม่เบิกตากว้าง

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ทำลายยานของพวกเขาได้เป็นโหลเลยหรือ?!”

กู้ซีจิ่วพยักหน้านิดๆ บอกเล่าเรื่องราวออกมารอบหนึ่ง ทุกคนตื่นเต้นคึกคักนัก!

ที่แท้เรือประหลาดเหล่านั้นก็ใช่ว่าจะไร้พ่ายเลย! ทุกคนคล้ายจะมองเห็นเค้าลางแห่งชัยชนะอยู่ร่ำไรแล้ว…

ล่วงเข้ายามดึกแล้ว กู้ซีจิ่วปลุกเสกเขตแดนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์อีกเล็กน้อย ฝีมือการซ่อมแซมของเธอย่อมเหนือกว่ามู่เฟิง เขตแดนที่ชำรุดไปบ้างแล้วในที่สุดก็กลับสู่สภาพปกติอีกครั้ง

เธอยุ่งง่วนอยู่ทั้งวัน ค่อนข้างเหนื่อยล้าเช่นกัน จึงกลับไปพักผ่อนที่เรือนของตนแล้ว

เดิมทีกู่ฉานโม่คิดจะจัดเตรียมห้องพักที่ดีที่สุดให้กับเธอ ทว่าเธอปฏิเสธ แล้วตรงไปยังคฤหาสน์ที่ตี้ฝูอีเคยพำนักอยู่เมื่อครั้งอดีต

คฤหาสน์นี้เป็นพวกมู่เฟิงสร้างขึ้นมา เนื่องจากก่อนหน้านี้ความทรงจำเกี่ยวกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอีเลือนหายไปจากสมอง ดังนั้นแม้แต่พวกมู่เฟิงก็ลืมเลือนไปแล้วเช่นกันว่าสร้างคฤหาสน์หลังนี้ไว้ให้ผู้ใด

จนกระทั่งความทรงจำในส่วนนี้ของพวกเขากลับคืนมา เมื่อพวกมู่เฟิงเห็นคฤหาสน์หลังนี้อีกครั้งในใจก็เศร้าหมองนัก…

กู้ซีจิ่วไม่ต้องการคนอยู่เป็นเพื่อน เข้าไปในคฤหาสน์นั้นเพียงลำพัง

พวกมู่เฟิงทั้งสี่คอยเฝ้าอยู่นอกเรือนเงียบๆ ในในทุกข์ระทมยิ่งกว่าเดิม ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กู้มาที่นี่เพื่อยลของรำลึกคนกระมัง? น่าเสียดายที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์หวงถูไม่อาจหวนกลับมาได้แล้ว…

พวกเขาต่างเห็นพ้องกันแล้ว จะไม่เอ่ยนามของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์หวงถูออกมาต่อหน้ากู้ซีจิ่วเด็ดขาด เลี่ยงไม่ให้เป็นการชักนำความโศกเศร้าเสียใจมาให้นาง…

พวกเขาคำนึงถึงท่านเทพศักดิ์สิทธิ์หวงถูอยู่เงียบๆ ก็พอแล้ว…

กู้ซีจิ่วอยู่ที่นี่เพื่อยลของรำลึกคนจริงๆ เพียงแต่เธอไม่ได้โศกเศร้าสักเท่าไหร่

เธอนอนอยู่ภายในเรือนนอกที่เคยเป็นของตี้ฝูอี เรื่องราวในอดีตฉายวาบเข้ามาในหัวใจ เธอถอนหายใจเบาๆ

“ฝูอี น่าเสียดายที่ท่านไม่ได้มาด้วยกัน ตอนนี้ท่านอยู่ที่แดนอสุราต้องร้อนรนมากเป็นแน่ เพียงแต่ ช่วยไม่ได้แล้ว ท่านเคยบอกไว้ ต้องเตรียมการเป็นเวลาหนึ่งปีถึงจะสามารถออกมาจากแดนอสุราได้ บางทีตอนที่เราได้พบกันอีกครั้ง ลูกของพวกเราอาจจะคลอดแล้วก็ได้…อันที่จริง ข้าหวังให้ท่านอยู่ข้างกายยิ่งนัก ถ้าหากได้เป็นสักขีพยานในการให้กำเนิดลูกได้ก็คงดี…”

….

————————————————————————————-

บทที่ 2653 เธอมองพลาดไปหรือ?

วันนี้เธอจัดการเรื่องราวไปมากเหลือเกิน ค่อนข้างเหนื่อยล้ายิ่งนักจริงๆ แต่ต่อให้นอนอยู่บนเตียงแล้วก็ยังนอนไม่หลับอยู่บ้าง

เตียงนี้เป็นเตียงที่ตี้ฝูอีเคยนอนมาก่อน เวลาล่วงเลยมาเป็นร้อยปีแล้วที่นี่ย่อมไม่มีกลิ่นกายของเขาอยู่อีกแล้ว แต่พอได้เห็นโต๊ะเก้าอี้ ตั่งเตียง เธอก็คล้ายจะนึกถึงช่วงเวลานั้นขึ้นมาอีกครั้ง

เธอกอดผ้านวมบนร่างแน่น กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนที่นอน

ผ้านวมผืนนี้ปีนั้นเขาก็เคยใช้ห่มสินะ ของที่ตี้ฝูอีใช้ก็คือของดี! ผ่านมาเนิ่นนานปานนี้แล้ว ผ้านวมผืนนี้ยังเบาสบายอบอุ่นเช่นเดิม บนผ้านวมถึงขั้นที่มีกลิ่นไอแดดอยู่จางๆ ด้วย

“เสี่ยวอีๆ ท่านคิดถึงข้าไหม? โถ่ๆ ตอนนี้ท่านคงร้อนรนมากแน่ๆ ฮึ ให้ท่านได้ร้อนรนเสียบ้าง จะได้รู้ว่าการตามหาคนมันยากลำบากแค่ไหน!”

ท่ามกลางราตรี มุมปากเธอเผยรอยยิ้มออกมา นัยน์ตาหยีโค้งดุจจันทร์เสี้ยว

ต่อหน้าผู้อื่นเธอเยือกเย็นทรงอำนาจ เป็นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงส่งเหนือปวงชน ผู้คนเห็นเธอเป็นผู้นำหลัก

แต่พออยู่ข้างกายเขาเธอกลับเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง แม้ว่าในใจจะคิดถึงเขา แต่จิตใต้สำนึกก็อยากทำตัวกระเง้ากระงอดอยู่ดี…

ตอนนี้เธอกลับไม่ได้เป็นกังวลในตัวตี้ฝูอีเลย เขาฟื้นฟูความทรงจำได้แล้ว วรยุทธ์กลับคืนมาแล้ว ซ้ำตัวคนยังแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น บนโลกนี้ยังจะมีใครทำอะไรเขาได้อีกเล่า?

ตี้ฝูอีต้องตามมาหาแน่นอน เพียงแต่ปัญหาอยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็ว

เรื่องที่ตี้ฝูอีถือกำเนิดใหม่ อันที่จริงกู้ซีจิ่วเคยคิดจะเล่าออกไปเช่นกัน แต่ต่อมาพอนึกดูอีกทีก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวเนื่องไปถึงลิขิตสวรรค์หรือไม่ หากเธอซี้ซั้วแพร่งพรายออกไป แล้วตี้ฝูอีสูญเสียความทรงจำอีกครั้งจะทำยังไงล่ะ?

เธอไม่อยากก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะสูญเสียเขาไปอีกแล้ว!

อีกอย่างไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะมาถึงอยู่ดี พอถึงเวลาปรากฏตัวขึ้นมากะทันกัน จะต้องสร้างความสั่นสะเทือนมหาศาลให้พวกมู่เฟิงอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะตกใจจนอ้าปากค้างเลยก็ได้!

อันที่จริงเธอค่อนข้างตั้งตารอชมท่าทางของพวกมู่เฟิงตอนได้พบกับตี้ฝูอีอีกครั้ง ตอนนั้นต้องน่าดูชมยิ่งนักแน่นอน!

จะว่าไปพวกเขารู้ไหมนะว่าตี้ฝูอีคืนชีพแล้ว? ไม่เคยได้ยินพวกเขาเอ่ยถึงเลย

อาจจะยังไม่รู้กระมัง ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะยังคงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาอยู่เหมือนเดิม ถ้างั้นเธอก็ยิ่งพูดออกมาไม่ได้

ทุกอย่างยังคงรอให้ตี้ฝูอีกลับมาก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน!

จะว่าไปตี้ฝูอีจะมาถึงเมื่อไหร่กันแน่นะ?

ต่อให้เขาออกจากแดนอสุราแล้ว ก็ต้องกลับไปที่ดินแดนเบื้องบน และเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างทวีปซิงเยวี่ยแห่งนี้กับดินแดนเบื้องบนก็หายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุแล้ว เขาที่อยู่ดินแดนเบื้องบนจะหาทางมายังโลกเบื้องล่างได้ยังไง?

เธอจำที่ตี้ฝูอีเคยบอกกับเธอได้ ปีนั้นเขานึกว่าเธอกลับโลกเบื้องล่างไปแล้ว คิดจะตามมาหาเช่นกัน ผลก็คือหาอยู่ค่อนปีก็หาทางไม่ได้…

หากว่าครั้งนี้ก็หาทางไม่ได้จะทำยังไงดี?

เมื่อนึกถึงข้อนี้ กู้ซีจิ่วก็นอนไม่หลับยิ่งกว่าเดิม!

เธอจึงลุกขึ้นนั่งเสียเลย ลงมาจากเตียง ยืนอยู่ตรงหน้าต่างมองดูจันทราที่ลอยสูงอยู่ด้านนอก

จันทรากลมมน ลอยอยู่ตรงนั้นถูกเมฆาบดบังไว้ครึ่งหนึ่ง ส่องสลัวเลือนราง

จันทร์วันเพ็ญเต็มดวงยิ่ง แต่เธอกับเขาไม่รู้ว่ายามใดถึงจะได้อยู่กันพร้อมหน้า…

เธอถอนหายใจเบาๆ ลูบไล้หน้าท้องอย่างเบามือ

“ลูกจ๋า ไม่แน่นะตอนที่ได้เจอพ่อของหนูอีกครั้ง หนูอาจจะโตเป็นสาวแล้วก็ได้…ยังมีเสี่ยวตี้เฮ่าอีก เด็กคนนั้นอาจจะกลายเป็นหนุ่มไปแล้วก็ได้…”

เมื่อนึกถึงอนาคตเช่นนี้แล้วค่อนข้างทำให้คนท้อใจนัก กู้ซีจิ่วส่ายหัว ไม่ยอมคิดต่อแล้ว

เธอขึ้นเตียงอีกครั้ง ฝ่ามือวางบนหน้าท้อง ท้องเธอยังเรียบแบนอยู่ มองไม่เห็นเค้าลางว่าตั้งครรภ์อยู่เลยสักนิด ไหนเลยจะเหมือนจิ้งจอกน้อย ครรภ์นูนเด่นแล้ว…

เธอพลันลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง!

เด็กสาวที่บาดเจ็บอยู่ในเผ่าจิ้งจอกครามคนนั้นไม่ได้ตั้งครรภ์!

ยามนั้นถึงแม้กู้ซีจิ่วจะมองเพียงไม่กี่คราเท่านั้น ซ้ำสตรีคนนั้นยังห่มผ้าอยู่ แต่เห็นได้ว่าตรงหน้าท้องแบนราบมากจริงๆ…

เธอมองพลาดไปหรือ?

หรือตนจะคาดเดาไปผิดทางเสียแล้ว?!

————————————————————————————-