ตอนที่ 1298 ฤดูหนาวมาถึง โดย Ink Stone_Fantasy
ขวานเหล็กได้ทำการวิเคราะห์และอนุมานสถานการณ์ในแนวหน้ากับเอดิธส์มาเป็นร้อยครั้งแล้ว
และข้อสรุปที่ได้ก็คือก่อนที่กำลังพลและอาวุธจะพร้อม กองทัพที่หนึ่งยากที่จะฝ่ายบุกได้ พวกเขาทำได้เพียงเน้นการป้องกันเป็นหลัก ถึงแม้กองทัพจะมีกำลังพลพร้อมแล้วก็จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ไปตามสถานการณ์เพื่อพยายามหากองกำลังหลักของศัตรูและทำลายมัน เพราะหากเข้าไปสู้กันในพื้นที่หมอกแดง สถานการณ์ของกองทัพที่หนึ่งจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก
“จากข้อมูลของทางฝั่งทาคิลา สุดท้ายหมอกแดงจากเสาโอเบลิสจะขยายเข้ามาในพื้นที่ส่วนใหญ่ของวูล์ฟฮาร์ท” ขวานเหล็กชี้ไปบนเส้นโค้งสีแดงที่อยู่บนแผนที่ “ดังนั้นแนวป้องกันของพวกเราจะต้องยาวกว่าที่ผ่านมา เมื่อคิดถึงการแจ้งเตือนล่วงหน้าและเวลาในการเตรียมตัว บริเวณใกล้ๆ เส้นโค้งจึงมีเมืองอยู่ทั้งหมด 4 เมืองที่เหมาะจะเป็นจุดป้องกันในตอนนี้ เมืองทั้ง 4 ได้แก่เมืองเมทอลสโตน เมืองกัสต์ เมืองแซนด์ซิตี้ และอ่าวดีพพูล”
ทั้งสี่เมืองนี้เชื่อมต่อกันเป็นยาวพาดผ่านอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ท และสอดรับกับพื้นที่หมอกแดงในอนาคต
“แต่ว่าตอนนี้กองทัพที่หนึ่งไม่มีกำลังมากพอที่จะป้องกันทั้งสี่ที่พร้อมกันได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องเน้นป้องกันไปที่จุดสำคัญ ซึ่งเมืองที่สำคัญที่สุดในบรรดาสี่เมืองนี้ก็ได้แก่อ่าวดีพพูลและเมืองแซนด์ซิตี้ พวกมันตั้งอยู่ตรงตำแหน่งเหนือสุดของพื้นที่หมอกแดง อยู่ห่างจากแนวรบของศัตรูไม่ถึง 50 กิโลเมตร ถ้าหากป้องกันเอาไว้ไม่ได้ ปีศาจจะมีโอกาสบุกเข้ามาถึงเคจเมาเธ่น”
“โดยเฉพาะอ่าวดีพพูล” เฟร์รานพูดเสริมขึ้นมา “มันเป็นอ่าวที่ใกล้เคจเมาเธ่นที่สุด ตอนนี้เมืองเนเวอร์วินเทอร์มีของประมาณ 30% ที่ต้องขนส่งมาทางอ่าวดีพพูล หากสูญเสียอ่าวดีพพูลไปก็หมายความว่าการรวมพลจะล่าช้าออกไปอีก ซึ่งผลที่ตามมาจะต้องแย่อย่างมากแน่นอน”
“ไม่ต้องพูดอ้อมค้อมขนาดนั้นก็ได้” เอดิธส์พูดขึ้นมา “ถ้าปีศาจโจมตีอ่าวดีพพูลตอนนี้ อย่างนั้นพวกเราก็คงแพ้สงครามแห่งโชคชะตาไปครึ่งหนึ่งแล้ว ที่โชคดีก็คือพวกศัตรูก็คงมีปัญหาเรื่องกำลังพลเหมือนกัน เพราะการที่เอาเสาโอเบลิสไปตั้งไว้บนสันหลังของทวีปก็ทำให้การขนส่งเป็นไปอย่างยากลำบากเหมือนกัน”
น่าจะเป็นเพราะไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือกล้าพูดคำว่า ‘แพ้’ ออกมาในที่ประชุมแบบนี้ ขวานเหล็กจึงกระแอมออกมาอย่างจนปัญญา “เอาเป็นว่าพวกเราสามารถตั้งสมมติฐานได้ว่าปีศาจก็เจอปัญหาแบบเดียวกับเรา และในเวลานี้ก็กำลังหา ‘ทางลัด’ ตัดผ่านภูเขาเข้ามา แต่ไม่ว่าเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้พวกมันยังไม่บุกเข้ามาจะเป็นอะไร กองทัพที่หนึ่งก็ไม่อาจปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปได้ อย่างน้อยที่สุดก่อนที่ถนนจะสร้างเสร็จ เราจะเสียทั้งสองเมืองไปไม่ได้”
เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อว่า “ตอนนี้กองทัพมีกองกำลังที่ประจำการอยู่ที่อ่าวดีพพูลและเมืองแซนด์ซิตี้ทั้งหมด 3,000 คน หลุมเพลาะและป้อมปราการกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง นอกจากนี้ข้ายังได้จัดทหารกองหนุนกองละ 1,000 คนเอาไว้ด้านหลังทั้งสองเมือง เพื่อที่จะได้เข้าช่วยเหลือแนวหน้าได้ทุกเมื่อ แต่ว่านี่มันก็ยังไม่ปลอดภัยมากพอ ข้าอยากจะให้คุณหนูซิลเวียคอยช่วยสอดแนมและแจ้งเตือนล่วงหน้าอยู่ที่อ่างดีพพูลเหมือนอย่างก่อนหน้า ส่วนคุณหนูไลต์นิ่งกับเมซี่ก็รับผิดชอบอีกเมืองหนึ่ง”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
“ไม่มีปัญหา”
“จิ๊บ!”
ทั้งสามคนตอบพร้อมกัน
“ส่วนเมืองเมทอลสโตนและเมืองกัสต์ ข้าได้จัดกำลังทหารเอาไว้เมืองละ 500 คน แต่ทั้งสองเมืองนี้อยู่ห่างพื้นที่หมอกแดงค่อนข้างไกล ความเป็นไปได้ที่ปีศาจจะลอบโจมตีอย่างฉับพลันจึงมีไม่สูงนัก ต่อให้มีมันก็จำเป็นต้องใช้อสูรสยองเป็นกำลังสำคัญ” ขวานเหล็กทำวันทยหัตถ์ไปทางทิลลี “ดังนั้นกระหม่อมอยากจะขอให้องค์หญิงทรงรับผิดชอบเรื่องการเฝ้าระวังน่านฟ้าของพื้นที่นี้พ่ะย่ะค่ะ”
ทิลลีพยักหน้า “วางใจได้ อัศวินอากาศถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อสู้กับอสูรสยอง”
“สุดท้ายก็เป็นเกาะอาชดยุค” ขวานเหล็กชี้ไปยังเกาะใหญ่แห่งหนึ่งที่อยู่ตรงด้านตะวันออกของแผนที่ “ถึงแม้สุดท้ายมันจะถูกหมอกแดงปกคลุมจนหมด แต่มันยังคงมีคุณค่าในทางกลยุทธ์ที่สูงอย่างมาก การที่มันไม่เชื่อมต่อกับแผ่นดินก็หมายความว่ามันป้องกันได้ง่ายและโจมตีได้ยาก ปีศาจคุ้มคลั่งจำเป็นต้องข้ามทะเล 2 – 3 กิโลเมตรถึงจะขึ้นเกาะได้ ส่วนปีศาจแมงมุมพวกนั้นจะมีความสามารถในการว่ายน้ำหรือเปล่าก็ยังไม่อาจรู้ได้ อสูรสยองที่บินได้นั้นไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ แต่ความสามารถในการโจมตีก็มีจำกัด ไม่ค่อยสร้างปัญหาให้กับพวกป้อมบังเกอร์มากเท่าไร
“ขอเพียงเกาะอาชดยุคอยู่ในมือเรา อ่าวดีพพูลที่อยู่ด้านหลังของมันก็จะปลอดภัยขึ้นมา ขณะเดียวกัน มันยังเป็นเหมือนมีดที่ปักอยู่กลางเอวของพวกปีศาจด้วย ถ้าตั้งปืนใหญ่เอาไว้ในเมือง มันก็จะครอบคลุมทั้งหาดทรายและแผ่นดินในระยะ 10 กิโลเมตร”
“แต่ที่นั่นมันอยู่ในเขตหมอกแดงง…” อกาธาพูดอย่างกังวล
“ในจุดนี้ทีมที่ปรึกษาได้เคยคิดมาแล้วเหมือนกัน” ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือพูดต่อ “ดังนั้นคนที่เฝ้าอยู่บนเกาะจึงมีแค่ 500 คน ถึงแม้จะเจอศัตรูโหมบุกอย่างหนักจนยากที่จะป้องกันเอาไว้ได้ อ่าวดีพพูลก็ยังสามารถส่งทัพเรือออกไปรับทหารเหล่านั้นกลับมาได้ ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าศัตรูเองก็มีทัพเรือที่แข็งแกร่งบนทะเล”
“เอ่อ…ข้าขอพูดอะไรหน่อยได้ไหม?” เวนดี้พูด
“เชิญว่ามา”
“ข้าเคยอยู่ในสำนักนางชีที่เมืองศักดิ์สิทธิ์มาสิบกว่าปี ด้วยเหตุนี้ข้าจึงจำได้ว่าทั้งวูล์ฟฮาร์ทกับอีเทอร์นอลวินเทอร์ตต่างก็มีเส้นทางที่ตรงไปยังด้านล่างของที่ราบสูงเฮอร์มีส โดยเฉพาะอีเทอร์นอลวินเทอร์ที่ตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขา ปีศาจมันมีโอกาสจะใช้ทางเล็กๆ บนเขาพวกนี้ในการโจมตีเฮอร์มีสหรือเปล่า? เพราะว่าที่นั่นมีสายแร่หินอาญาสิทธิ์อยู่”
คำพูดของเวนดี้ทำให้เกิดเสียงถกเถียงกันขึ้นมา
หากปีศาจเข้ามาตั้งเสาโอเบลิสในกึ่งกลางสี่อาณาจักรใหญ่ได้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะต้องมากกว่าการที่มันไปตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มบริบูรณ์แน่นอน หมอกแดงที่ไหลทะลักลงมาจะกลืนกินทุกซอกทุกมุมของทวีป มนุษย์จะไม่มีที่ให้ซ่อนตัวได้อีก
“จริงอยู่ที่มีโอกาสเป็นไปได้ แต่การจะทำแบบนั้นได้มันไม่ใช่เรื่องง่าย” น้ำเสียงของเอดิธส์แฝงเอาไว้ด้วยการชมเชย “ปีศาจมีขีดจำกัดในการตั้งเสาโอเบลิสได้ครั้งล่ะหนึ่งต้น อันดับแรกคือปัญหาเรื่องระยะทางทำให้มันไม่สามารถเกณฑ์ทหารจำนวนมากข้ามเทือกเขามาแล้วมุ่งหน้าไปยังที่ราบสูงเฮอร์มีสได้ เส้นทางเล็กๆ ระหว่างภูเขานี้ไม่ใช่ทางลับอะไร แค่ตั้งป้อมสอดแนมเอาไว้ก็สามารถตรวจตราดูเส้นทางเหล่านี้ได้แล้ว ทันทีทีร่องรอยความเคลื่อนไหวถูกเปิดเผย ศัตรูจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างมาก”
“ด้วยเหตุนี้ต่อให้ปีศาจมีความคิดที่จะโจมตีเฮอร์มีส อย่างมากพวกมันก็ทำได้ใช้กำลังพลหน่วยเล็กๆ เหมือนอย่างที่มันแอบโจมตีป่าเร้นลับเมื่อก่อนนี้ และด้วยกำลังพลเพียงแค่นี้ต่อให้ไปถึงเฮอร์มีสแล้วก็ไม่มีทางที่จะเสาโอเบลิสขึ้นมาได้ในเวลาสั้นๆ ยิ่งไปกว่านั้นสันเขาโคลด์วินด์ก็อยู่ใกล้เฮอร์มีสเพียงนิดเดียว โอกาสที่พวกมันจะตั้งเสาโอเบลิสโดยที่เกรย์คาสเซิลไม่รู้ตัวจึงแทบจะไม่มีเลย”
“ที่แท้ทีมที่ปรึกษาก็คิดเรื่องนี้เอาไว้แล้ว” เวนดี้ถอนหายใจออกมา “แบบนี้ข้าก็จะได้สบายใจ”
“การวางกำลังแนวรบที่กองทัพที่หนึ่งคิดเอาไว้ก็ประมาณนี้” ขวานเหล็กสรุป “ส่วนร่องรอยความเคลื่อนไหวของพวกปีศาจ ทางเรากำลังคิดหาทางอยู่ เรียนทุกคนตามตรง เนื่องจากข่าวสารและกำลังคนที่ไม่เพียงพอ ทำให้ช่วงนี้กองทัพที่หนึ่งตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก เมื่อเห็นทุกคนปรากฏตัว ข้ารู้สึกดีใจจริงๆ เมื่อมีความช่วยเหลือของทุกคน ปัญหาพวกนี้ก็จะค่อยๆ ได้รับการแก้ไข เมื่อไรที่กำลังพลและข่าวสารพร้อมสรรพ เมื่อนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่พวกเราเปิดฉากโจมตีกลับ!”
หลังจากนั้นก็เป็นการแบ่งหน้าที่ของเหล่าแม่มด
อย่างเช่นลีฟอยู่ที่เคจเมาเธ่นเพื่อปรับเปลี่ยนภูเขาชายแดนที่เต็มไปด้วยกับดักลูกนี้
แอนเดรียกับซาวีเดินทางไปอ่าวดีพพูล สำหรับแม่มดสายต่อสู้แล้ว ที่ไหนคือแนวหน้า ที่นั่นต้องมีพวกเธอ
ฮัมมิ่งเบิร์ดกับมอลลี่เข้าไปอยู่ในทีมขนส่ง ทำให้การขนย้ายของของตรงท่าเรือมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
เอคโคคอยใช้เสียงเพลงในการสร้างขวัญและกำลังใจให้เหล่าทหาร
ในขณะที่ทุกคนกำลังทำงานกันอย่างวุ่นวาย ฤดูใบไม้ผลิก็ได้สิ้นสุดลง
ในวันแรกที่ฤดูหนาวมาถึง พระอาทิตย์ไม่ได้ลอยขึ้นมาเหมือนอย่างทุกที บนท้องฟ้าเองก็มีเกล็ดหิมะโปรยปรายลงมา
เดือนแห่งปีศาจเดือนแรกหลังจากสงครามแห่งโชคชะตาปรากฏขึ้นมาบนโลกได้มาถึงแล้ว
………………………………………………………………………….