ตอนที่ 1299 โจมตีแบบสายฟาแลบ โดย Ink Stone_Fantasy
นอกเมืองธอร์น เคจเมาเธ่น
“ฮัด ฮัดเช่ย…”
กู๊ดเดินฝ่าลมหนาวเข้ามาในโรงเก็บเครื่องบิน ก่อนจะจามออกมาอย่างแรงทีหนึ่ง เขาเอาลังกระสุนหนักๆ ที่อยู่ในมือวางลงข้างเครื่องบินก่อนจะทิ้งตัวนั่งทับลงไปบนลังกระสุน “ข้าเกลียดฤดูหนาว…มันมักจะทำให้ข้านึกถึงวันที่ข้าเร่ร่อนอยู่ข้างนอก”
“ไม่มีใครชอบเดือนแห่งปีศาจหรอก แต่ข้าขอบอกเจ้าเลยว่าแค่นี้ยังไม่ครึ่งหนึ่งของความหนาวที่แท้จริงเลย” ฟินกิ้นมุ่ยปาก ก่อนจะวางลังไม้ที่แบกไว้เอาบนหลังลง “เจ้าควรจะดีใจที่พวกเราอยู่ใกล้ทะเล ผลกระทบจากเดือนแห่งปีศาจเลยไม่รุนแรงขนาดนั้น — ก่อนที่ฝ่าบาทจะมาปกครองดินแดนตะวันตก ทุกคนต่างไม่รู้ว่าหากตัวเองนอนหลับไปแล้วจะได้ตื่นมาในวันรุ่งขึ้นหรือเปล่า อย่าว่าแต่เร่ร่อนอยู่ข้างนอกเลย ต่อให้นอนอยู่ในบ้านก็อาจจะถูกหิมะกลบจนสุดท้ายขาดอากาศหายใจตายอยู่ในกองหิมะก็ได้”
“เอ่อ…เดือนแห่งปีศาจของเนเวอร์วินเทอร์มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ใช่ ชาวบ้านต้องใช้ชีวิตกันด้วยความกลัวแบบนั้นจนกระทั่งฝ่าบาททรงสร้างบ้านซีเมนต์ขึ้นมา ทุกอย่างถึงได้ดีขึ้น ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าทำไมฝ่าบาทถึงทรงตั้งชื่อเมืองหลวงแห่งใหม่ว่าเนเวอร์วินเทอร์ล่ะ?” กู๊ดยักไหล่ ก่อนจะหยิบเอาตลับกระสุนออกมาจากในลัง แล้วเอาไปวางในเครื่องบิน
เฮฟเวนเฟลมมีปืนกลทั้งหมดสองกระบอก กระบอกหนึ่งอยู่ตรงหัวเครื่องบิน อีกกระบอกอยู่ตรงส่วนกลางลำเครื่องบิน ถึงแม้จะเป็นปืนกลที่ผลิตออกมาใหม่ทั้งคู่ แต่วิธีการบรรจุกระสุนกลับแตกต่างกัน ตัวปืนที่ติดอยู่ตรงหัวเครื่องบินจะถูกฝังเอาไว้ในตัวเครื่องบินครึ่งหนึ่ง แล้วใช้สายกระสุนในการป้อนกระสุน ด้วยเหตุนี้ลังกระสุนจึงทำขึ้นมาจากโลหะ เวลาที่บรรจุกระสุนเข้าไปใหม่ถึงต้องถอดของเก่าออกมาทั้งลัง
ส่วนปืนกลอีกกระบอกที่มือยิงที่นั่งอยู่ข้างหลังใช้จะติดตั้งไว้บนขาตั้งที่หมุนได้ วิธีการยิงเหมือนกับปืนกลแม็กซิมของกองพันปืนทุกอย่าง มีเพียงแค่การป้อนกระสุนที่จะเปลี่ยนเป็นตลับกระสุนที่บรรจุกระสุนเอาไว้ตลับละ 100 นัด หลังยิงหมดก็สามารถใช้มือเปลี่ยนใหม่ได้ทันที
ด้วยเหตุนี้เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีกระสุนเต็มทุกครั้งที่ออกไปปฏิบัติภารกิจ เครื่องบินจึงต้องทำการเปลี่ยนลังกระสุนใหม่ทุกครั้งหลังลงจอดไม่ว่าจะยิงกระสุนไปเท่าไร ถึงแม้งานนี้จะให้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินเป็นคนทำได้ แต่กู๊ดชอบทำมันด้วยตัวเองมากกว่า ขอเพียงได้สัมผัสเครื่องบิน ต่อให้เป็นเวลาแค่ครู่เดียว เขาก็ไม่อยากจะพลาดโอกาสแบบนี้
ทันใดนั้นด้านนอกโรงเก็บเครื่องบินพลันมีเสียงเฮดังสนั่นขึ้นมา
ด้านนอกจะต้องมีนักเรียนซักคนผ่านการทดสอบด้วยการน้ำเครื่องลงจอดได้อย่างราบรื่นแน่นอน
ถึงแม้จะมีหิมะตกลงมาเบาๆ แต่องค์หญิงก็ไม่ได้หยุดการฝึกซ้อม
เผลอๆ เธอจะฝึกซ้อมหนักกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
นอกจากจะฝึกสอนเรื่องการบินให้กับนักเรียนใหม่แล้ว องค์หญิงยังพาพวกเขาไปลาดตระเวนตรงพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของวูล์ฟฮาร์ทวันละสองครั้งด้วย พอตกกลางคืนก็มาเรียนเรื่องทฤษฎีกับถามคำถาม เรียกได้ว่าในแต่ละวันแทบจะไม่มีเวลาว่างเลย
เมื่อได้รับการฝึกซ้อมที่เข้มงวดแบบนี้ ผลการฝึกซ้อมของทุกคนจึงดีกว่าตอนที่อยู่ในเมืองเนเวอร์วินเทอร์ อย่างร้อนในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ยังไม่มีเหตุการณ์เครื่องบินฝึกสอนตกลง
หลังบรรจุลังกระสุนเข้าไปในตัวเครื่องบินแล้ว กู๊ดก็เดินไปที่ข้างหน้าต่างพร้อมถอนใจออกมาเบาๆ
“ทำไม คิดถึงบ้านเหรอ?” ฟินกิ้นเดินเข้ามาถาม
เขาส่ายหัว “ข้าแค่กังวลอะไรนิดหน่อย…”
“กังวลเรื่องสงครามหรือกังวลถึงน้องสาวที่อยู่ทางโน้น?” ฟินกิ้นยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา “ข้าจำได้ นางชื่อเรเชลใช่ไหม?”
“ข้ากังวลว่าตัวเองจะถูกแทนที่ต่างหาก!” กู๊ดถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างหงุดหงิด
“ทำไมล่ะ?”
“ตอนนี้เครื่องบินที่สามารถรบได้มีอยู่แค่ 4 ลำ ซึ่งในนั้นรวมไปถึงยูนิคอร์นของเจ้าหญิงทิลลีด้วย พูดอีกอย่างก็คือพวกเราจำเป็นต้องเป็นสามอันดับแรกในบรรดาผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดถึงจะมีสิทธิ์ได้ขับเฮฟเว่นเฟลม” กู๊ดหันหน้ากลับมา ก่อนจะมองไปทางลานฝึกซ้อมที่กำลังคึกคักพร้อมกับพูดเสียงเบาๆ ออกมา “เดิมทีความได้เปรียบของพวกเราคือประสบการณ์ในการรบจริง แต่จนถึงตอนนี้เรายังไม่เคยเห็นปีศาจเลยแม้แต่ตัวเดียว แบบนี้ต่อไปถ้ามีอัจฉริยะปรากฏตัวขึ้นมาคนสองคน พวกเราต้องถูกเขี่ยตกไปอยู่ข้างหลังแน่”
น่าจะเป็นเพราะคิดไม่ถึงว่าเขาจะกังวลเรื่องนี้ ฟินกิ้นจึงตกตะลึงไปครู่ก่อนจะพูดออกมาอย่างจนปัญญา “เฮ้ๆ เจ้าคิดมากไปหรือเปล่า แม้แต่การยิงเป้าด้วยกระสุนจริงมันก็ต้องใช้ประสบการณ์เหมือนกันนะ เจ้าไม่ได้ยินที่องค์หญิงตรัสเหรอ แม้แต่กองพันปืนก็ยังต้องยิงอยู่ 1 – 2 เดือนก่อนจะลงไปสู้ศึกจริงๆ เลย!”
“แต่คะแนนการยิงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีเท่าไรไม่ใช่เหรอ?”
“อันนี้ก็…” ฟินกิ้นพูดไม่ออกไปทันที
ถึงแม้ลาดตระเวนมาถึงตอนนี้ อัศวินอากาศจะยังไม่เคยเจอกับศัตรูจริงๆ แต่พวกเขาก็เคยยิงปืนที่อยู่บนเครื่องบินมาหลายครั้งแล้ว ทุกครั้งที่ออกไปลาดตระเวน ทิลลีจะสั่งให้พวกเขาหาเป้าแล้วสาดกระสุนออกไปในระหว่างทางขากลับเพื่อเป็นการซ่อมยิงกระสุนจริง บางครั้งก็ปล่อยลูกโป่งขึ้นมา บางครั้งก็ยิงต้นไม้ที่อยู่บนภูเขา
และนี่ก็ทำให้กู๊ดพบว่าความสามารถในการยิงของเขาไม่อาจสู้ความสามารถในการบินได้ ขณะเดียวกันเขายังได้ยินมาว่านักเรียนกลุ่มใหม่ที่เข้ามามีหลายๆ คนที่มีพรสวรรค์ ในนั้นเหมือนจะมีคนหนึ่งที่ชื่อแมนเฟลที่ได้รับการยอมรับจากครูฝึกในเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่วัน
ด้วยเหตุนี้ความกังวลของเขาจึงไม่ได้การที่เขาคิดไปเอง
เสียดายที่เทคนิคการควบคุมเครื่องบินสามารถฝึกซ้อมผ่านมาแท่นจำลองการบินได้ แต่การยิงนั้นจำเป็นต้องฝึกกับกระสุนเพียงอย่างเดียว
“อูวววว……..”
ทันใดนั้นเอง ด้านบนสนามบินพลันมีเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นมา
กู๊ดกับฟินกิ้นสบตากัน สีหน้าพวกเขาเปลี่ยนไปทันที
ทันทีที่มีเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นมา การฝึกซ้อมทั้งหมดจะต้องหยุดลง รันเวย์ต้องถูกเคลียร์ให้เรียบร้อย อัศวินอากาศที่ได้รับการคัดเลือกมาจะต้องมารวมตัวกันอยู่ที่ศูนย์บัญชาการของสนามบินทันที
ช่วงเวลาสัปดาห์กว่าที่ประจำการอยู่ที่เมืองธอร์น นี่เป็นครั้งแรกที่สัญญาณระดมพลฉุกเฉินดังขึ้นมา
ทั้งสองคนรีบวิ่งไปที่ศูนย์บัญชาการอย่างไม่ลังเล
….
ไม่นาน เหล่าอัศวินอากาศ 30 กว่าคนก็มารวมตัวกันที่ศูนย์บัญชาการ
“เมื่อ 1 นาทีก่อนหน้านี้ ข้าได้รับแจ้งมาจากขวานเหล็กว่ามีกองกำลังของพวกปีศาจหน่วยหนึ่งปรากฏตัวขึ้นระยะ 200 กิโลเมตรทางเหนือของเมืองกัสต์” องค์หญิงชี้ไปยังแผนที่ที่อยู่บนผนังแล้วพูดต่อว่า “ข่าวนี้ถูกแจ้งมาทางนกส่งจดหมาย ขณะเดียวกันในจดหมายลับยังบอกด้วยว่าละแวกนี้มีผู้อพยพกลุ่มหนึ่งกำลังหลบหนีอยู่ เป้าหมายของปีศาจอาจจะเป็นผู้อพยพกลุ่มนี้ อาศัยเพียงแค่กองทัพที่ประจำอยู่ที่เมืองกัสต์ แค่เดินทัพเพียงอย่างเดียวก็ต้องใช้เวลามากกว่าสองวันแล้ว กว่าจะไปถึงเกรงว่าคงจะไม่ทันการ”
“และนี่ก็คือสนามรบที่เหมาะสมกับอัศวินอากาศมากที่สุด นอกจากเฮฟเว่นเฟลมแล้ว ไม่มีใครที่จะบินข้ามระยะทางที่ไกลขนาดนี้ได้ในเวลาเพียงแค่ 2 – 3 ชั่วโมง แม้แต่ศัตรูเองก็ไม่มีทางคิดถึงเหมือนกันว่าท้องฟ้าแห่งนี้จะไม่ใช่ดินแดนของปีศาจเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว! ตอนนี้ฟังคำสั่งข้า หน่วยอัศวินอากาศ ออกเดินทาง!”
“พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง!” ทุกคนตอบรับพร้อมกัน
กู๊ดกำหมัดแน่นขึ้นมา ในที่สุดเขาก็มีโอกาสได้รบจริงแล้ว!
เมื่อกลับมาถึงโรงเก็บเครื่องบิน เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินก็เตรียมเครื่องบินสำหรับพร้อมขึ้นบินเรียบร้อย
กู๊ดเดินก้าวขึ้นไปยังห้องนักบิน ก่อนจะเปิดช่องจ่ายน้ำมันและแผงวงจรอย่างชำนาญ จากนั้นก็ขยับคันบังคับ เมื่อมอเตอร์ทำงาน หัวเครื่องบินก็พ่นควันสีดำพร้อมกับส่งเสียงดังปังๆ ออกมา
เมื่อการหมุนเริ่มต้นขึ้น ลูกสูบก็เริ่มหมุนเร็วขึ้น
กู๊ดสวมแว่นกันลม ก่อนจะดึงคันบังคับลงท่ามกลางเสียงตะโกนของคนอื่นๆ
หลังจากนั้นไม่กี่นาที เครื่องบินสี่ลำก็ทยอยวิ่งไปรันเวย์ ก่อนจะเชิดหน้าฝ่าหิมะบินตรงไปทางทิศเหนือ
……………………………………………………………….