ดูเหมือนว่าจะไม่ทัน มือของหลินจ้งขัดอยู่ช่องประตู เสียงกดลงต่ำด้วยความโกรธกริ้ว “ท่านแม่!”
ฮูหยินหลินใช้แรงเป็นอย่างมากเพื่อปิดประตู แล้วยังเรียกหลินหันเยียนมาอีก “รีบมาสิ มาช่วยแม่หยุดเจ้าลูกเนรคุณนี้สะ”
หลินหันเยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็จะเดินมาช่วย หลินจ้งใช้แรงผลักประตูออก
ฮูหยินลื่นถอยหลังไปจนแทบจะยืนไม่ไหว เลยตัดสินใจไม่ใช้กำลัง ลุกขึ้นยืนตรง แล้วชี้ไปที่หน้าของหลินจ้งอย่างไม่พอใจว่า “เจ้าลูกเนรคุณ ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย ดูสิว่าเจ้าจะมีหน้าไปเจอใครอีกไหม”
หลินจ้งไม่ขยับ ฝ่ามือของฮูหยินหลินได้ประทับลงบนใบหน้าของเขา นิ้วมือยาวๆ ของนางตบผ่านหน้าของเขาไป เสียงแห่งความเจ็บปวดรวดร้าวได้ดังขึ้น
หลินหันเยียนไม่เคยเห็นด้านที่ท่านแม่ผู้สูงส่งของตนกลายเป็นหญิงที่ไร้ซึ่งเหตุผลขนาดนี้มาก่อน จึงตะลึงยืนอยู่กับที่
แต่หลินจ้งแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเท่านั้น แล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ท่านแม่ขอรับ สบายใจหรือยัง กลับจวนกับลูกได้หรือไม่”
เมื่อครู่เป็นเพียงแค่อารมณ์โกรธชั่ววูบเท่านั้น เมื่อเห็นว่าบนใบหน้าของหลินจ้งเกิดเป็นรอยนิ้วมือขึ้น แล้วยังมีเลือดไหลซิบๆ ออกมาอีก ก็ชะงักไป เก็บมือของตนเข้ามาอย่างไม่เชื่อว่านั่นเป็นตัวเอง เงยหน้ามองหลินจ้ง แล้วเกิดความรู้สึกผิดอยากยื่นมือของตนออกไปอีกครั้งเพื่อจะลูบรอยบนใบหน้าเหล่านั้น “จ้งเอ๋อร์ แม่… …”
หลินจ้งหลบ “ข้าไม่เป็นอะไร ถ้าหากว่าท่านแม่หายโกรธแล้ว อย่างไรเสียก็กลับจวนไปกับลูกเถิดขอรับ”
เมื่อได้ยินคำว่ากลับจวนสองคำนี้ ฮูหยินหลินก็เก็บมือของตนเข้ามา แล้วถอยกลับไป “ไม่ได้ ข้ากลับไปไม่ได้”
“ท่านแม่ควรจะรู้ ว่าฐานะของน้องสาวตอนนี้ช่างน่าอึดอัดยิ่งนัก ท่านอยู่ที่นี่ไม่เหมาะสม จะโดนคนในเมืองนินทาว่าร้ายเอาได้นะขอรับ” หลินจ้งลองหยั่งเชิงแนะนำ
ฮูหยินหลินมีท่าทีไม่สนใจ โบกมืออย่างไม่ไยดี แล้วบอกว่า “ใครอยากจะพูดอะไรก็ช่าง ใครอยากจะเยาะก็เยาะ ข้าจะอยู่ที่จวนอ๋องแห่งนี้ ไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“แม้กระทั่งท่านพ่อก็ไม่สนใจแล้วอย่างนั้นหรือ” หลินจ้งที่กำลังข่มความโกรธไว้เอ่ยถาม
เมื่อพูดถึงหลินฉงเหวิน ฮูหยินหลินก็โกรธขึ้นมา ตะคอกออกมาว่า “เจ้าลูกเนรคุณ ยังมีหน้ามาพูดถึงท่านพ่อของเจ้าอีกนะ ถ้าหากว่าเจ้าไม่กุมตัวเขาไว้ พ่อของเจ้าตอนนี้ก็ยังคงเป็นขุนนางน้ำดี ข้าก็จะไม่ต้องมาถึงจุดๆ นี้ เป็นเพราะเจ้า เป็นเพราะเจ้าลูกเนรคุณอย่างเจ้า ฟังคำยุแยงของพวกมัน แล้วทำเรื่องเนรคุณเช่นนี้ขึ้นมาได้”
หลินจ้งหลับตาลง พยายามข่มความโกรธเอาไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ “ท่านแม่ขอรับ สถานการณ์ของท่านพ่อตอนนี้ท่านก็เห็นแล้ว ถ้าหากว่าไม่ใช่ซื่อจื่อห้ามไว้ เกรงว่าจวนตระกูลหลินของพวกเราตอนนี้คงไม่มีแล้ว ข้าไม่ได้ฟังคำยุแยงของซื่อจื่อแต่อย่างใด แต่ทำเพื่ออีกร้อยชีวิตในจวนตระกูลหลินต่างหากขอรับ”
ฮูหยินหลินก็เสียงดังขึ้นไปอีก “อย่ามาพูดอะไรเช่นนี้กับข้า ท่านพ่อของเจ้าก็แค่ผิดพลาดครู่เดียวเท่านั้น ผ่านไปก็ดีขึ้น เป็นเพราะไอ้สารเลวหวงฝู่อี้เซวียนนั่นแท้ๆ ที่พอไม่ได้ดั่งใจก็กัดไม่ปล่อย เขากำลังแก้แค้นที่ตอนนั้นข้ากับพ่อของเจ้าไม่ได้ตอบรับถอนหมั้นอย่างโดยดีต่างหากเล่า… …”
“ท่านแม่!” หลินจ้งตวาด พูดแทรกนางขึ้นมา “ท่านอย่าพูดจาซี้ซั้ว เรื่องไม่ได้เป็นแบบนั้น… …”
ตั้งแต่เล็กจนโต ต่อให้หลินจ้งจะโมโหแค่ไหน ก็ไม่เคยเสียงดังใส่ตนเลยแม้แต่นิดเดียว แต่พอเกิดเรื่องการกุมตัวไม่กี่วันนี้ เขาก็จะไปที่เรือนของตนถามไถ่หลินฉงเหวินกับตนเช้าเย็น ไม่เคยขาด แต่ตอนนี้มาตวาดใส่ตน ในสมองของฮูหยินหลินมีแต่เสียงตวาดนั้นที่ดังก้อง ไม่ได้ยินเสียงหลินจ้งเลยว่ากำลังพูดอะไรอยู่ แล้วจึงเบิกตาโพรง สีหน้าโกรธเคืองเป็นอย่างมาก “จ้งเอ๋อร์ เจ้าถึงขั้นตวาดแม่เลยงั้นรึ เหตุใดเจ้าถึงทำเพื่อคนอื่น แล้วเนรคุณแม่เช่นนี้”
หลินหันเยียนอดใจไม่ไหวแล้ว ต่อว่าหลินจ้งว่า “พี่ใหญ่ เหตุใดท่านถึงทำเช่นนี้กับท่านแม่ได้”
เมื่อเห็นแม่ของตนไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย อีกทั้งน้องก็ไม่รู้เรื่อง หลินจ้งก็หมดแรง “น้องเล็ก คำพูดของท่านแม่เมื่อสักครู่นี้เป็นการไม่ให้เกียรติอย่างรุนแรง เจ้าก็ได้ยินแล้ว ถ้าหากว่าคำพูดนี้ได้ยินถึงหูของซื่อจื่อล่ะก็ เจ้าคิดว่าจวนหลินของพวกเรายังจะรอดหรือไม่”
หลินหันเยียนกัดปากเล็กน้อย สักพักจึงจะพูดว่า “แต่พี่ก็ไม่ควรตวาดท่านแม่นี่”
“น้องเล็ก เรื่องกุมตัวนั้น ไว้วันหลังข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังอย่างละเอียด วันนี้ไม่ว่าท่านแม่จะว่าอย่างไร เจ้าลืมไปเสีย ถือเสียว่าไม่เคยได้ยินมาก่อน”
หลินหันเยียนอ้าปากอยากจะพูดอะไร หลินจ้งไม่เปิดโอกาสให้นางได้พูดเลย แล้วพูดต่อว่า “อย่าลืมฐานะของเจ้าในตอนนี้ อย่าว่าจะไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้นเลย ถึงมีการแต่งงาน ก็อย่าไปทะเลาะกับคุณชายรองที่ดีกับเจ้าขนาดนี้เลย ทำเรื่องอะไรที่ไม่ควรทำ บั่นทอนน้ำใจที่คุณชายรองมีให้เจ้า พอถึงเวลานั้นเจ้าจะไม่ทันได้เสียใจเลยล่ะ”
สีหน้าของหลินหันเยียนก็ซีดลง น้ำตาไหลพรากลงมา ปากสั่น แล้วร้องไห้พูดออกมาว่า “พี่ใหญ่ เหตุใดท่านถึงแช่งข้าอย่างนั้นล่ะ”
“พี่ใหญ่ไม่ได้แช่งเจ้า พี่แค่เตือนเจ้า อยู่ในจวนอ๋อง ขอแค่เจ้าอยู่ในกฎเกณฑ์ของที่นี่ ทำเรื่องที่เจ้าพึงจะทำ จะไม่มีใครมาปองร้ายเจ้า แล้วเจ้าจะไม่ต้องกังวลเลยว่าเจ้าจะอยู่เช่นไร มิเช่นนั้นแล้ว พี่ก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้”
พูดจบ ไม่ทันรอหลินหันเยียนตั้งตัว แล้วยื่นมือออกมาสะกดจุดฮูหยินหลินที่ยืนนิ่งไม่ขยับ แล้วพูดว่า “ท่านแม่ขอรับ อภัยให้ลูกด้วยด้วย”
ดวงตาของฮูหยินหลินก็เบิกโตขึ้น
หลินหันเยียนตกใจจนร้องออกมา “พี่ใหญ่ ท่านลงมือเช่นนี้ได้อย่างไร”
หลินจ้งคุกเข่าลง แบกร่างของฮูหยินหลิน ยืนขึ้น แล้วพูดว่า “น้องเล็ก ที่พี่จะพูดนั้นมีเท่านี้ เจ้าจะต้องเข้าใจด้วย วันหลังเรื่องที่เกี่ยวกับตระกูลหลินเจ้าอย่ายุ่งอีกเลย อยู่เป็นภรรยาคุณชายรองของเจ้าไปเสียโดยดีจะดีกว่า”
พูดจบ ก็แบกฮูหยินหลินมุ่งหน้าเดินออกไปจากจวน ในใจรู้สึกหนักหน่วงเป็นอย่างมาก ไม่อยากจะคิด แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าคนในจวนอ๋องนี้เป็นอย่างไร แต่เขารู้ว่า เรื่อของหลินหันเยียนใกล้จะถึงจุดจบแล้ว ถ้าหากว่านางไม่รู้จักรักษาไว้ให้ดี ผลลัพธ์…
นอกจวน มีรถม้าของตระกูลหลินจอดอยู่ ภรรยาของหลินจ้งยืนชะโงกมองเจ้าไปที่ด้านในจวน เมื่อเห็นหลินจ้งเดินออกมา ก็รีบเข้าไปรับโดยทันที เมื่อมองเห็นคนบนหลังของเขาแล้ว ก็พูดว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าจะพาท่านแม่กลับบ้านไม่ได้ ก็เลยสั่งให้คนขับรถม้ามาที่นี่”
หลินจ้งพยักหน้า ไม่พูดอะไร เดินไปที่ข้างรถม้า วางฮูหยินหลินไว้บนรถม้า รอให้ภรรยาของตนขึ้นบนรถม้าแล้ว ก็สั่งให้คนขับกลับไปที่จวน ส่วนตนเดินไปที่ม้าที่ตนผูกไว้ กระโดดขึ้นหลังม้า ตามหลังรถม้ากลับไปที่จวนหลิน
บทสนทนาของคนแซ่หลินทั้งสามคนก็ดังไปถึงหูของหวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวรวมไปถึงหวงฝู่อวี้ด้วย เมิ่งเชี่ยนโยวก็หัวเราะแล้วพูดว่า “หลินจ้งคนนี้ถึงแม้ว่าจะอารมณ์ร้าย ก็มีเหตุผลอยู่พอสมควร รู้จักกาลเทศะ เป็นคนที่ใช้ได้จริงๆ”
หวงฝู่อวี้ไร้ซึ่งคำพูด
หวงฝู่อี้เซวียนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
เมื่อได้รับสายตากดดันจากหวงฝู่อี้เซวียน หวงฝู่อวี้ก็ชะงักไป ไม่รู้ว่าตนไปยั่วโมโหเขาตั้งแต่ตอนไหน
เมื่อเห็นท่าทางของเขาแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็หลุดขำออกมา
เมื่อเห็นว่าหวงฝู่อวี้ยังนั่งนิ่งอยู่ไม่ขยับ หวงฝู่อี้เซวียนก็อดไม่ได้ถีบเขาออกไป เจ้านี่ช่างไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่รู้ว่าหลายวันนี้ตนยุ่งมากแค่ไหน กลับจวนดึกแทบทุกวัน โยวเอ๋อร์ก็หลับไปแล้ว วันนี้ดีที่จัดการธุระเสร็จแล้ว ได้กลับจวนเร็ว เขายังนั่งอยู่ตรงนี้ ไม่มีทีท่าจะไปเลยสักนิด
หวงฝู่อวี้ก็ชะงักไป มองหน้าอ้าปากค้างใส่หวงฝู่อี้เซวียนที่ทำหน้าดำคร่ำเครียดใส่ ในสมองก็ยังงุนงงอยู่
“คนของตระกูลหลินกลับไปแล้ว เจ้ายังไม่กลับไปปลอบใจคนของเจ้าที่จวนอีก” หวงฝู่อี้เซวียนพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
หวงฝู่อวี้ถึงได้สติกลับมา ว่าตอนนี้เขาเป็นก้างขวางคอ จึงรีบลุกขึ้นมา เดินออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนก่อนจะเกิดออกก็บอกว่า “พี่ใหญ่ขอรับ ท่านกับพี่สะใภ้ใหญ่จะทำอะไรก็ทำ ข้าไม่กวนพวกท่านแล้วล่ะ”
เพล้ง! มีของถูกปาแตกลงบนประตู ดีที่หวงฝู่อวี้มือไม้ไวปิดลงไป แล้วมีเสียงด่าแกมหัวเราะดังออกมาว่า “ไอ้สารเลว!”
ราวกับเด็กน้อยที่แกล้งคนสำเร็จอย่างใดอย่างนั้น หวงฝู่อวี้หัวเราะเสียงดังออกมา
เมื่อเดินออกมา รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไป เขาไม่เข้าใจ เป็นกิ่งทองใบหยกเช่นเดียวกัน แต่ทำไมพี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่รักใคร่กลมเกลียวกันดังเช่นแต่ก่อน แต่ตนกับหลินหันเยียนกลับมีความรู้สึกว่าอีกไกลแค่ไหนคือใกล้
เมื่อเดินมาถึงหน้าเรือนของตน เห็นแสงสว่างในเรือน สะท้อนเงาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่รู้ว่าเหตุใด หวงฝู่อวี้ไม่มีความรู้สึกอยากเข้าไปเลยสักนิด คิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงหันหลังกลับไปที่เรือนของพระชายาฉี
คืนนี้ หลินหันเยียนนั่งรอเขาทั้งคืน แต่หวงฝู่อวี้ก็ไม่ได้กลับมา หลินหันเยียนก็ประหม่า เสียงของหลินจ้งก็ดังขึ้นในหัว ก็ยิ่งลนเข้าไปใหญ่ ฟ้ายังไม่ทันสว่าง ก็เปิดประตูออก อยากจะออกไปตามหาหวงฝู่อวี้ ก็โดนหงเอ๋อร์ที่ไม่กล้าหลับดึงเอาไว้ “คุณหนูเจ้าคะ ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ”
น้ำเสียงของหลินหันเยียนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าก็พูดขึ้นว่า “ข้าจะไปหาพี่อวี้ ข้าจะถามเขา เหตุใดเมื่อคืนถึงไม่กลับเรือน”
ความง่วงของหงเอ๋อร์ก็หายไปโดยทันที ตื่นขึ้นมาแล้วพูดว่า “คุณหนูเจ้าคะ ฟ้ายังไม่สว่าง คนในจวนอ๋องยังหลับกันอยู่เลย ถ้าหากว่าท่านเอะอะจนคนทั้งจวนอ๋องตื่นขึ้น คุณชายรองจะยิ่งกล่าวโทษคุณหนูนะเจ้าคะ”
หลินหันเยียนลนลาน จับมือของหงเอ๋อร์อย่างแน่น “หงเอ๋อร์ แล้วข้าควรทำเช่นไรดี พี่อวี้ไม่ได้กลับมาทั้งคืน จะต้องทิ้งข้าแล้วอย่างแน่นอน ไม่ชอบข้าแล้วแน่ๆ ข้าควรทำเช่นไรดี”
“คุณหนูอย่าเพิ่งรีบร้อนเจ้าค่ะ คุณชายยังไม่กลับ จะต้องมีเรื่องเร่งด่วนเป็นแน่ ท่านจะต้องใจเย็นๆอย่าบุ่มบ่าม รอวันพรุ่ง บ่าวจะออกไปสืบมาให้เจ้าค่ะ” คำพูดปลอบใจนี้พูดออกมา ตัวหงเอ๋อร์เองก็ไม่เชื่อ เพราะนางเข้าใจ คุณชายรองจะต้องเจตนาไม่กลับจวนแน่นอน เพราะเมื่อวานนางเห็นเงาของคุณชายรองยืนอยู่ที่ด้านนอกด้วยตาของตน ยืนอยู่ครู่เดียวก็ไป แต่ว่านางไม่กล้าบอก แล้วก็ไม่สามารถบอกได้ เพราะตอนนี้ที่พึ่งสุดท้ายของนางและคุณหนูก็คือคุณชายรอง ถ้าหากว่าทำให้คุณชายรองเบื่อหน่ายล่ะก็ ไม่อยากจะคิดถึงผลที่ตามมาเลย
แต่หลินหันเยียนก็ฟังนาง มองฟ้าที่มืดมิด เลยลากมือของหงเอ๋อร์กลับเรือนไป นางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าในวันที่ไม่มีหวงฝู่อวี้อยู่ในเรือนจะเงียบเหงาขนาดนี้ เงียบเหงาเสียจนแทบจะหยุดหายใจ
เมื่อยามฟ้าสาง บ่าวรับใช้ในจวนก็ทยอยกันตื่นนอน มีหน้าที่เตรียมสำรับก็เตรียมสำรับ กวาดพื้นก็กวาดพื้น ต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน
ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ หลินหันเยียนที่กำลังสะลึมสะลือก็ลุกตื่นขึ้นมา แล้วผลักหงเอ๋อร์ที่นอนอยู่ข้างกายของตน เรียก “หงเอ๋อร์ ตื่นเร็วเข้า ฟ้าสว่างแล้ว เจ้าไปสืบมาสิว่าพี่อวี้ไปที่ใด”
หงเอ๋อร์ที่กำลังหลับใหลก็ตกใจตื่นขึ้น รีบลุกขึ้น ตอบรับ เดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
“เจ้ารอเดี๋ยว!” หลินหันเยียนตะโกนรั้งท้ายไป
หงเอ๋อร์หยุดฝีเท้า หลับหันหน้ามา
“เจ้ากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำเสียก่อน อย่าให้พี่อวี้เห็นเจ้าสภาพมอมแมมเช่นนี้” หลันหันเยียนสั่ง
หงเอ๋อร์ได้สติ ตอบรับ แล้วไปที่ห้องเสื้อ อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย แล้วเดินมุ่งหน้าไปที่เรือนของพระชายาฉีโดยทันที
เมื่อคืนนี้หวงฝู่อวี้ไปที่เรือนของพระชายาฉี ในขณะที่ท่านอ๋องฉีมองเขาด้วยสายตาไม่ยินดีนัก เขาทำได้แค่เล่นกับเด็กๆ แล้วบากหน้ากินข้าวเย็นด้วย หลังจากนั้นก็จะกลับเรือนของตน แต่พอคิดถึงท่าทางของหลินหันเยียนเมื่อตอนกลางวัน ก็ปวดหัวขึ้นมาทันที ไม่อยากกลับไปนั่งมองนางที่ร้องไห้ไม่มีวันจบสิ้น เลยตัดสินใจไปเอนกายลงที่ห้องรับแขก
ไม่มีหลินหันเยียนอยู่ข้างกาย ก็ไม่มีเรื่องมาให้กวนใจได้ชั่วคราว ในที่สุดหวงฝู่อวี้ก็ได้นอนหลับเต็มอิ่มเสียที
เมื่อรู้ว่าหวงฝู่อวี้ไม่ได้กลับเรือน พระชายาฉีก็ขมวดคิ้ว สั่งหลิงหลง “เจ้าไปถามคนในจวนว่ารู้หรือไม่ว่าหวงฝู่อวี้ไปที่ใด”
หลิงหลงตอบรับ รีบออกสืบโดยเร็ว ไม่นานก็กลับมา “พระชายาเจ้าคะ คุณชายรองไปพักที่ห้องรับแขกเจ้าค่ะ”
“เจ้าลูกพูดจาไม่รู้ความ เจ้าไปเรียกเขากลับไปที่เรือนเสีย บอกว่าข้าเป็นคนสั่ง วันนี้ไม่อนุญาตให้ออกจากเรือน อยู่กับหลินหันเยียนไปเลยทั้งวัน” พระชายาฉีออกคำสั่ง
หลิงหลงตอบรับ แล้วเดินออกไปจากจวนอีกรอบ
หงเอ๋อร์คำนับพระชายาฉี แล้วเดินตามหลังไป
มาถึงที่ห้องรับแขกของจวนอ๋อง ภายในไม่มีเสียงอันใด หลิงหลงก็รู้ว่าคุณชายรองยังไม่ตื่น แต่ว่าคำสั่งของพระชายาฉีก็ไม่สามารถไม่สั่งได้ จึงรวบรวมความกล้า แล้วตะโกนเข้าไปว่า “คุณชายรองเจ้าคะ ท่านอยู่ด้านในหรือไม่”
ในขณะที่กำลังหลับใหล มีคนเรียกตนเอง หวงฝู่อวี้ไม่ได้ตอบอะไร หยิบผ้าห่มมาห่มคลุมโปงตนเอง นานทีจะได้นอนหลับสบาย ใครกันเหตุใดจึงไม่รู้ความตะโกนเรียกอยู่หน้าเรือน รอเขาตื่นก่อนเถอะ จะถลกหนังนางให้ดู
เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ หลิงหลงก็ตะโกนเสียงดังขึ้นอีก “คุณชายรองเจ้าคะ ท่านอยู่หรือไม่”
ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ
หงเอ๋อร์ลนลาน ก็เลยตะโกนเรียกด้วย “คุณชายรองเจ้าคะ ท่านอยู่ด้านในหรือไม่เจ้าคะ”
หวงฝู่อวี้โดนรบกวนจนตื่นในที่สุด ลืมตาขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจอย่างมาก ในใจก็โกรธเป็นอย่างมาก แล้วตะโกนออกไปว่า “จะไปไหนก็ไป!”
หลิงหลงกับหงเอ๋อร์ไม่กล้าเอ่ยปากอีก
ไม่มีเสียงตอบรับ หวงฝู่อวี้อยากจะนอนต่ออีกเสียหน่อย หลิงหลงก็พูดเบาๆ เข้าไปด้านในว่า “คุณชายรองเจ้าคะ พระชายามีรับสั่งให้ท่านกลับไปอยู่กับคุณหนูหลินเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”