บทที่ 2057 – ดินแดนเพลิงระอุ
“ขอโทษด้วย แต่โปรดฟังข้า อย่ายอมแพ้จนถึงวินาทีสุดท้าย”ชิงสุ่ยเสียใจเล็กน้อยที่ตีก้นเธอ
เขาไม่รู้ด้วยว่าทำไมจู่ๆเขาถึงทำแบบนั้น ท้ายที่สุดความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยังไม่พัฒนาไปถึงจุดที่เขาสามารถทำเช่นนั้นได้ สิ่งที่เขาทำนั้นหยาบคาย มันอาจจะเกี่ยวข้องกับเวลาที่เฉินหวงกอดชิงสุ่ยหรือปล่อยให้เขาจับมือเธอ
“ข้าจะไม่โทษคุณ ไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนั้นกับข้า เนื่องจากชีวิตของข้ากำลังจะจบสิ้น นี่อาจเป็นการปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดที่สุดที่ข้าเคยมีกับผู้ชาย”เฉินหวงหน้าแดง เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
หัวใจของชิงสุ่ยสั่นเครือ เขาเริ่มที่จะคิดว่าเขาอยากจะให้เฉินหวงมาเป็นผู้หญิงของเขา อย่างไรก็ตามเขารู้ดีว่าเขาจะต้องไม่ใช้ประโยชน์จากความโชคร้ายของคนอื่น เฉิน
บทที่ 2057 – ดินแดนเพลิงระอุ
“ขอโทษด้วย แต่โปรดฟังข้า อย่ายอมแพ้จนถึงวินาทีสุดท้าย”ชิงสุ่ยเสียใจเล็กน้อยที่ตีก้นเธอ
เขาไม่รู้ด้วยว่าทำไมจู่ๆเขาถึงทำแบบนั้น ท้ายที่สุดความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยังไม่พัฒนาไปถึงจุดที่เขาสามารถทำเช่นนั้นได้ สิ่งที่เขาทำนั้นหยาบคาย มันอาจจะเกี่ยวข้องกับเวลาที่เฉินหวงกอดชิงสุ่ยหรือปล่อยให้เขาจับมือเธอ
“ข้าจะไม่โทษคุณ ไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนั้นกับข้า เนื่องจากชีวิตของข้ากำลังจะจบสิ้น นี่อาจเป็นการปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดที่สุดที่ข้าเคยมีกับผู้ชาย”เฉินหวงหน้าแดง เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
หัวใจของชิงสุ่ยสั่นเครือ เขาเริ่มที่จะคิดว่าเขาอยากจะให้เฉินหวงมาเป็นผู้หญิงของเขา อย่างไรก็ตามเขารู้ดีว่าเขาจะต้องไม่ใช้ประโยชน์จากความโชคร้ายของคนอื่น เฉินหวงอาจไม่ปฏิเสธหากชิงสุ่ยแนะนำบางสิ่งบางอย่างที่ล้ำเส้น อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็ไม่สามารถบอกให้ทำให้ตัวเองทำเช่นนั้นได้ เพราะการทำแบบนั้นจะทำให้เขาไม่มีความสุขไปตลอดกาล
ระฆังปีใหม่ดังขึ้น เสียงระฆังบ่งบอกว่าปีนี้สิ้นสุดลงแล้วและปีใหม่กำลังจะเริ่มต้น
“นายหญิงใหญ่ พวกเรารีบเตรียมการมุ่งหน้าไปยังดินแดนเพลิงระอุกันเถอะ”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ชิงสุ่ย!!”เฉินหวงกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดกลางคัน
“ทำไมท่านถึงดีกับข้ามาก? ความสัมพันธ์ระหว่างเรา มันไม่คุ้มค่าที่ท่านจะต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงแบบนี้เลย”เฉินหวงจ้องมองชิงสุ่ย
“ท่านกำลังสงสัยว่าข้าอาจจะกระหายร่างกายของท่าน จนถึงขั้นที่ข้าจะเอาชีวิตไปทิ้งเลยใช่หรือไม่?”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวถาม “ท่านไม่ใช่คนแบบนั้น ข้าเชื่อใจในตัวท่าน”เฉินหวงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถ้าหากข้าบอกท่านว่าข้าพยายามพิชิตใจท่าน เพื่อทำให้ท่านหลงรักข้า ท่านจะเชื่อหรือไม่?”ชิงสุ่ยยิ้ม
“แล้วท่านรักข้าหรือไม่?”
ชิงสุ่ยส่ายหน้า
“ท่านเป็นคนขี้เล่น ท่านมีภรรยาหลายคนและทุกคนก็ล้วนครอบครองความงามที่สามารถล้มเมืองได้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ข้าจึงไม่อาจเกลียดท่านได้ แม้ว่าจะเป็นผู้หญิง ข้าก็ยังไม่มีเพื่อนเลย ไม่ต้องพูดถึงผู้ชาย ข้าอดไม่ได้ที่จะคิดว่าตัวเองนั้นล้มเหลว”เฉินหวงหัวเราะขณะที่เธอสนุกกับคำพูดของตัวเอง
ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเฉินหวงโดดเดี่ยวมาก เธอไม่มีทางญาติและเพื่อน เขานึกไม่ออกเลยว่าเธอจะใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างไร สิ่งเดียวที่เธอมีอยู่คือข้ารับใช้ “ใครบอกว่าท่านจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว? หรือว่าท่านไม่คิดว่าข้าเป็นเพื่อนของท่าน?”
“ใช่ ท่านเพื่อนของข้า และข้าก็ถือว่าท่านเป็นเพื่อนคนเดียวของข้ามานานแล้ว ไม่อย่างนั้น ข้าก็คงไม่มาหาท่านเพื่อฉลองปีใหม่กับท่านแบบนี้หรอก”เฉินหวงบ่นพึมพำ
“เอาล่ะ เราไปดินแดนเพลิงระอุกัน”ชิงสุ่ยบอกเสือใหญ่ว่าเขาจะจากไปสักพักหนึ่ง และขอให้อวี้ซีหยวนมารับหน้าที่ในการดูแลแทน และบอกว่าเขาจะกลับมาภายในอีก 1 เดือนข้างหน้า
หลังจากจัดเก็บข้าวของเรียบร้อย ชิงสุ่ยก็มองดูดอกไม้ไฟบนท้องฟ้าก่อนที่จะคว้าตัวเฉินหวงหายวับไปในทันทีด้วยทักษะย่างก้าว 9 เทวา
ชิงสุ่ยใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวาหลายต่อหลายครั้งติดต่อกัน จากแผนที่คร่าวๆระบุเอาไว้ว่าดินแดนเพลิงระอุตั้งอยู่ห่างไกลจากดินแดนฟ้าอุดรมาก แม้ว่าเขาจะใช้ทักษะย่างก้าว9 เทวา มันยังต้องใช้เวลานานเลย เฉินหวงเองก็มีเวลาชีวิตเหลืออีกไม่มาก ฉะนั้น ชิงสุ่ยจึงต้องเร่งรีบให้มากที่สุด
ในที่สุดชิงสุ่ยก็พาเฉินหวงมาถึงในสถานที่ที่เขาต้องการ
พวกเขายืนอยู่กลางอากาศและกำลังมองดูดินแดนเพลิงระอุจากระยะไกล
ดินแดนเพลิงระอุทั้งโดดเด่นและแปลกแยก อุณหภูมิของที่นี่สูงยิ่งกว่าดินแดนทะเลทราย อย่างไรก็ตาม ในบริเวณชายแดนขอบนอกก็ยังคงเต็มไปด้วยผู้คน ดูเหมือนว่าคนที่จะคุ้นเคยกับการอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมอุณหภูมิสูง หากจะอธิบาย คงพูดได้ว่าคนที่ดีนั้นมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าปกติ พวกเขาจึงอยู่ได้โดยไม่รู้สึกไม่สบาย
แม้ว่าจะร้อนแต่สภาพแวดล้อมก็ยังสวยงาม ต้นไม้จำนวนมากผลัดใบสีส้มเหมือนใบเมเปิ้ล แต่ดูแดงและสดกว่า กลางวันของที่นี่จะยาวนานครับปกติ และสิ่งที่ดีงามคือช่วงนี้เป็นช่วงที่ฝนตกบ่อยมาก ทุกๆ 3 วันจะมีฝนตกอย่างน้อย 1 วัน
ชิงสุ่ยและเฉินหวงต่างก็ไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ในเมืองใด แต่ที่เขายืนอยู่นั้นฝนกำลังตกพร่ำ
ชิงสุ่ยเรียกเจ้ากิเลนน้อยออกมา และใช้มันเดินทางเข้าไปในดินแดนเพลิงระอุ
ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่อุณหภูมิก็ยิ่งสูงขึ้น สีหน้าการแสดงออกของเฉินหวงก็ยิ่งหนักอึ้ง ดูเหมือนที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยภัยอันตราย นอกจากนี้มันยังอยู่ในดินแดน 9 มหาทวีปที่แท้จริง จึงทำให้ดินแดนเพลิงระอุกลายเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์อสูรที่เเข็งเเกร่ง หนอนผีเสื้อเพลิงก็เป็นเพียงหนึ่งในพวกมัน แม้ว่าจะหายาก แต่ก็ยังมีสัตว์อสูรที่หายากอีกมากมาย
ดินแดนเพลิงระอุยังคงอยู่ห่างไกล ถึงจะเป็นความเร็วของเจ้ากิเลนน้อยก็ยังต้องใช้เวลากว่าครึ่งวันเพื่อจะไปถึงชายแดน
มันคือสถานที่อันตรายแต่ก็เป็นสวรรค์ของนักผจญภัย ผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลกันมาเพื่อจะสำรวจพื้นที่ พวกเขาอาจจะสำรวจแค่ชายแดนหรือไม่ก็เข้าไปในส่วนลึก แต่ละคนต่างก็หวังจะเข้าไปแสวงโชค แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับโชคกลับมา ทุกอย่างล้วนมีความเสี่ยง
เมื่อเข้าใกล้ดินแดนเพลิงระอุ ชิงสุ่ยก็เริ่มมองเห็นสัตว์อสูรที่อยู่บนฟ้าจำนวนมากมายหลายกลุ่ม ผู้คนต่างก็ใช้การเดินทางผ่านสัตว์อสูรประเภทนก แต่ส่วนใหญ่จะหันหลังกลับทันทีที่เห็นเจ้ากิเลนน้อยของชิงสุ่ย
อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็คงไม่อาบเปลี่ยนพาหนะไปใช้สัตว์อสูรตัวอื่นได้ เขากำลังเร่งรีบและกลัวว่าถ้าหากช้ากว่านี้ เฉินหวงจะสูญเสียโอกาสที่จะได้รักษา ซึ่งถ้ามันเกิดขึ้นเขาก็คงจะเสียใจไปตลอดกาล
ชิงสุ่ยไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงทำเช่นนี้ เขายอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อช่วยเธอ ในแง่ของผู้ให้เขาคือผู้ว่าโอกาสครั้งที่สอง เขากลัวว่าเธอจะหายไป และด้วยบุคลิกของเขา เขาคงจะรู้สึกหดหู่ใจอย่างมาก
ในฐานะปฏิหาร ตลอดชีวิตของเขาไม่มีโรคใดที่ไม่สามารถรักษาได้ จนถึงตอนนี้ เขาก็คิดวิธีการรักษาได้ 2 วิธี วิธีแรกคือใช้แก่นหนอนผีเสื้อเพลิงในการระงับพิษ ด้วยทักษะการรักษาของเขา วิธีการนี้จะสำเร็จโดยไม่มีข้อผิดพลาด
ส่วนอีกวิธีนึงคือตามหาหนอนสวรรค์น้ำแข็งดำ และตอบโต้พิษด้วยพิษ อย่างไรก็ตามอัตราการสำเร็จก็มีเพียงแค่ครึ่งเดียว
อันที่จริงมันยังมีอีกวิธีนึงที่ชิงสุ่ยไม่แนะนำ เพียงเพราะเขาไม่ต้องการใช้วันเว้นเสียแต่จะเป็นสถานการณ์เร่งด่วน เขาจะใช้มันก็ต่อเมื่อเป็นทางเลือกสุดท้าย เนื่องจากเขาครอบครองร่างกาย 9 หยาง เขาจะช่วยเหลือเฉินหวงได้ทันทีเพียงอาศัยวิธีการร่วมรัก นอกจากนี้มันยังมีโอกาสสูงที่จะสำเร็จ ชิงสุ่ยจึงสงวนไว้เป็นทางเลือกสุดท้าย
“นายหญิงใหญ่ ท่านรู้ว่าข้าครอบครองร่างกาย 9 หยาง แต่ท่านรู้เรื่องนี้มากเพียงใด?”