บทที่ 656 แสนรัก พวกเราหย่ากันเถอะ

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ดูเหมือนว่าประกายไฟที่เพิ่งลุกโชนขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจของเส้นหมี่ แล้วถูกน้ำเย็นฉ่ำสาดใส่อย่างไร้ความปรานี แม้แต่เลือดในร่างกายเธอ ก็แข็งราวกลายเป็นน้ำแข็ง

หัวใจ ก็ตายตามไปเช่นกัน

“แสนรัก พวกเราหย่ากันเถอะ”

ใบหน้าของเธอขาวซีด และในที่สุดก็ค่อยๆ เอ่ยปากพูดประโยคนี้ออกมาทีละคำ

ผู้ชายตรงหน้า ทันใดนั้นก็หรี่ตามองอย่างจัง!

ในที่สุดเธอก็เป็นคนเอ่ยมันออกมาแล้ว

แต่ ในร่างกายของเขา จู่ ๆ กลับรู้สึกเหมือนเริ่มถูกกรีดเลือดกรีดเนื้อ เส้นเอ็นก็เริ่มที่จะขาดสะบั้น ผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงนั้น อยู่ในที่ที่ผู้หญิงคนนี้มองไม่เห็นเขา

ทั้งสองมือของเขาเกิดอาการสั่นเล็กน้อย

“ฉันรู้ว่าคุณทำอย่างนี้ ไม่ใช่เพราะฉันขอร้องคุณ คุณกำลังแก้แค้นฉันอยู่ใช่ไหม? แก้แค้นที่ฉันนอกใจ แก้แค้นที่ฉันหลอกลวงคุณ ได้ แสนรัก ตอนนี้ฉันจะบอกคุณให้ คุณชนะแล้ว ต่อไปฉันจะไม่มายุ่งกับคุณอีก”

เส้นหมี่เศร้าเสียใจถึงขีดสุด แต่กลับสงบเงียบลง

เธอพูดถึงเจตนาที่แท้จริงของผู้ชายคนนี้อย่างเรียบเฉย เผยเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเอาตัวเองมาเป็นข้ออ้าง ตั้งแต่ต้นจนจบ ตอนที่เธอพูด “หย่ากัน” สองคำนี้ออกมา

เธอไม่มีความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย

ใบหน้าอันหล่อเหลาของแสนรักมืดดำสนิท สายตา จ้องมองตรงอยู่ที่เธอ

“คุณคิดดีแล้วเหรอ?”

“คิดดีแล้ว พวกเราหย่ากันตอนนี้เลย ถ้าคุณเตรียมตัวพร้อมแล้ว อ่อใช่ ลูกทั้งสามคน ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ฉันยังคงจะเอาสองคนที่ฉันพามาพากลับไปด้วย”

เส้นหมี่เมินเฉยต่อสายตาเขา และยังคงพูดถึงเงื่อนไขการหย่าร้างของตัวเองอย่างเบาๆ

แสนรัก:“……”

ราวกับว่าเวลาผ่านไปนานเกือบศตวรรษ ในที่สุด เขาลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ไปหยิบกระเป๋าเอกสารที่เขาเพิ่งนำกลับมา หยิบข้อตกลงการหย่าร้างออกมาสองฉบับ

ที่แท้ แม้แต่สิ่งนี้เขาก็เตรียมไว้พร้อมแล้ว

เส้นหมี่เห็นเข้า แสยะยิ้มเยือกเย็นมุมปาก หัวใจดวงนั้น ก็ยิ่งตายไปโดยสิ้นเชิง

เธอหยิบปากกาเซ็นชื่อตัวเองลงในข้อตกลงฉบับนั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นลุกขึ้นและเดินออกไป

“ผมคิดว่าเรื่องของลูกๆ ไม่ควรจะให้พวกเขาต้องแยกจากกันเพราะการหย่าของพวกเรา เราสามารถเลี้ยงดูพวกเขาด้วยกัน ส่วนที่อยู่อาศัยก็ให้ไปอยู่กับคุณ และยังสามารถมาหาผมที่นี่ได้ตลอด นี่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจในการเติบโตของพวกเขา คุณคิดว่าไงล่ะ?”

ทันใดนั้น ผู้ชายคนนี้ก็เอ่ยประโยคนี้ ไล่ตามหลังมา

เส้นหมี่หยุดชะงักฝีเท้าลง

ในตอนนี้ สมองของเธอ อันที่จริงมันไม่ทำงานแล้ว ราวกับเป็นที่ดินร้างโล่งรอบข้างมืดสนิท ความมืดมิดแบบนั้น เธอไม่สามารถที่จะมีความคิดอย่างปกติได้อีกแล้ว

“แล้วแต่คุณ….”

เธอได้ยินตัวเองพูดประโยคอย่างนี้ออกไปราวกับเป็นวิญญาณล่องหน จากนั้น ก็เดินออกไปทีละก้าว

ไม่นาน ร่างผอมบางก็เดินโซเซพุ่งเข้าไปในค่ำคืนมืดมิดอ้างว้างด้านนอกที่เต็มไปด้วยลมพัดและฝนโปรยปราย แม้แต่รถ เธอก็ไม่ได้ไปขับเลย

คนใช้: “คุณผู้ชาย ดึกดื่นขนาดนี้แล้วคุณนายยังออกไป จะอันตรายไหม?”

แสนรัก:“……”

เขาไม่พูดอะไรเลย หลังจากที่คว้าข้อตกลงหย่าร้องที่เพิ่งเซ็นชื่อเสร็จสองฉบับนั้นขึ้นมาจากบนโต๊ะขยำอย่างเต็มแรง ก็ปัดอาหารทั้งหมดบนโต๊ะทิ้ง แม้แต่กระดาษสองแผ่นนั้น ก็นำไปโยนใส่ถังขยะ!

ต้องมีสักวันหนึ่ง เขาจะต้องให้ตระกูลเทวเทพชดใช้อย่างสาสม!!

——

เส้นหมี่มาถึงโรงพยาบาลราวกับร่างไร้วิญญาณ

เธอเรียกรถแท็กซี่มา เมื่อมาถึงแล้ว เปียกปอนไปทั้งตัว เหมือนกับเมื่อคืนตอนที่ไปตามหาผู้ชายคนนั้นที่โรงแรม

แต่เมื่อคืน เธอยังคงมีความหวังอยู่บ้างเล็กน้อย

แต่ตอนนี้ ทั้งเธอและหัวใจของเธอ ต่างก็ตายไปพร้อมกันแล้ว

“คุณหมอสวยใส? นี่คุณ…เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมเปียกปอนแบบนี้? โอ้พระเจ้า เป็นแบบนี้ คุณจะไม่สบายเอานะ ถ้าคุณไม่สบาย พ่อของคุณจะทำอย่างไรล่ะ?”

หลังจากที่พยาบาลในโรงพยาบาลเห็นเธอแล้ว ก็ตกใจกันยกใหญ่ รีบนำเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดให้เธอทันที

เส้นหมี่ไม่พูดอะไร เพียงแค่เดินไปยืนอยู่หน้าเตียงของพ่อราวกับร่างไร้วิญญาณ

ไม่ เธอต้องไม่ป่วย

เธอยังต้องช่วยพ่อของเธอ เธอจะไม่ยอมเสียเขาไปอีกแล้ว เมื่อตอนอายุ 18 เธอเคยทิ้งพ่อแม่ไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนี้ เธอจะไม่ทำอย่างนี้อีก เธอจะไม่โง่แบบนี้อีกแล้ว

“พ่อ พ่อไม่ต้องห่วงนะ หนูจะต้องช่วยพ่อให้ได้ ครั้งนี้ ถึงต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต หนูก็จะช่วยพ่อให้ได้”

เธอมองดูพ่อที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงผู้ป่วยตรงหน้า ยื่นมือออกไป นิ้วมืออันเย็น จับข้อมือของเขาไว้แน่น แล้วนะมาประคองแนบไว้ข้างแก้มที่อาบนองไปด้วยน้ำตา

“เธอกลับมาแล้วเหรอ? เป็นอย่างไรบ้าง? ยาแก้พิษของพ่อเธอหาเจอหรือยัง?”

ทันใดนั้น คุณลุงธนาตย์ก็โผล่มา มือของเขาหิ้วกล่องข้าวอุ่นๆอยู่กล่องหนึ่ง พร้อมกำลังถูกคุณป้าสาธินีผลักเข้ามา

เส้นหมี่ตกตะลึง ได้สติคืนมา ก็รีบเช็ดน้ำตาออก

“คุณลุง พวกลุงมาได้อย่างไรคะ?”

“เธอถามพวกเรา? เธอควรจะถามตัวเธอเอง วันนี้เธอไปทำอะไรมา? เมื่อเช้าทางโรงพยาบาลโทรศัพท์มา บอกว่าหลังจากที่เธอทะเลาะกันกับแครอท จู่ ๆ ก็หายตัวไป จากนั้นโทรศัพท์ก็ไม่รับสาย คนก็ไม่กลับมา เธอบอกลุงมาสิ ว่าเธอไปไหนมา?”

ธนาตย์เป็นคนอารมณ์ร้อน หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ ก็เบิกตากว้างนั้นทันที ถามขึ้นมาด้วยท่าทีโมโห

เส้นหมี่อึ้งไป

ก็เพิ่งนึกออกว่าหนึ่งวันนี้ของเธอ สับสนและมึนงง ก็ลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย