บทที่ 657 ในที่สุดเธอก็โทรศัพท์ไปที่เจแปน

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ไม่อยากจะอธิบายอะไรอีก เธอเพียงแค่แก้ตัวแบบให้มันผ่านๆ ไปว่า : “หนูไปหายาแก้พิษมาค่ะ”

“ฉันรู้ แล้วเธอหาเจอหรือยัง? ยัยเด็กบื้อ ถึงขนาดนี้แล้ว เธอยังจะไปอะไรมากกับผู้หญิงคนนั้น? ไม่รู้จักทนเอาหน่อยเหรอ? นี่คือชีวิตพ่อของเธอนะ”

“ใช่ หมี่ เรื่องนี้ เธอวู่วามจนเกินไป”

คิดไม่ถึงว่า คุณป้าสาธินีผู้ที่ไม่เคยชอบเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลวชิรนันท์ และยิ่งไม่ยอมใส่ใจกับเส้นหมี่ ในตอนนี้ก็บ่นประโยคนี้ออกมา

เส้นหมี่มองดูเธออย่างตกตะลึง

สักพัก เธอถึงจะค่อยๆ พยักหน้าด้วยใบหน้าอันซีดขาว : “หนูรู้แล้วค่ะ พวกลุงสบายใจได้ เรื่องนี้ หนูจะจัดการเอง หนูจะต้องช่วยพ่อของหนู จะไม่ให้เขาเป็นอะไรเด็ดขาด”

“อืม”

เมื่อได้ฟังเธอยืนยันขนาดนี้ ในที่สุด คนแก่สองคนนี้ก็สบายใจขึ้น

จากนั้น สักพักก็กลับไป

เส้นหมี่ยังคงอยู่ต่อ หลังจากที่นั่งอยู่ในห้องผู้ป่วยนี้สักพัก ในที่สุด เธอก็หยิบโทรศัพท์ในมือขึ้นมา

“ฮัลโหล? ฉันคือเส้นหมี่”

“หมี่? ในที่สุดเธอก็ยอมโทรมาแล้ว?”

ผู้หญิงที่ได้รับสายโทรศัพท์ในตอนกลางดึก น้ำเสียงที่ส่งผ่านสายมานั้น ล้วนเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ และยังมีอารมณ์แห่งความสุขอย่างไม่แอบแฝง

เส้นหมี่หลับตาลง

สักครู่ หลังจากที่เธอกดความโกรธที่อยากฆ่าคนภายในใจลงไปได้แล้ว ก็ลืมตาคู่นั้นขึ้นใหม่อีกครั้ง เดินมาหยุดยังริมหน้าต่างห้องผู้ป่วย มองไปยังกลางคืนแสนมืดมิดอันเต็มไปด้วยสายฝนและลมหนาว

“พูดมา คุณจะเอายังไงกันแน่? ถึงจะยอมปล่อยพ่อฉันไป?”

“ฉันเหรอ?” ในที่สุดเนติก็ได้ยินสิ่งที่ตัวเองต้องการ ทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างชอบใจผ่านทางโทรศัพท์

“หมี่ ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ฉันเพียงแค่ต้องการให้เธอไปที่คฤหาสน์หิรัญชา และนำจดหมายเหล่านั้นที่สมัยนั้นฉันเคยเขียนให้กับธนากรออกมา แล้วเอามาให้ฉัน”

คิดไม่ถึงว่า ผู้หญิงคนนี้ จะเสนอเงื่อนไขอย่างนี้ออกมา

จดหมายที่เธอเขียนให้กับธนากร?

ทำไมเธอต้องนำกลับไป? ธนากรเสียไปแล้ว เธอต้องการสิ่งเหล่านี้ไปเพื่ออะไร?

ว่าไปแล้ว สิ่งของเหล่านี้ของเธอ เธอต้องการ เธอไม่ส่งคนไปเอาเองเหรอ? คนของเธอก็เก่งกาจขนาดนั้น!

“ไม่ไม่ไม่ เธออย่าคิดว่าฉันเก่งกาจขนาดนั้นสิ ฉันจะบอกเธอให้ ตั้งแต่ครั้งก่อนหลังจากที่นากาจิมะแอบลอบวางยาตาแก่นั้นแล้วไม่ตายถูกเปิดเผยออกมา คนที่ฉันส่งไปไว้ที่พวกเธอ ก็ถูกแสนรักจัดการฆ่าตายหมดแล้ว”

ผู้หญิงคนนี้ ช่างฉลาดเสียจริง

อีกฝั่งของสายโทรศัพท์เส้นหมี่แค่หยุดชะงักไปชั่วครู่ หล่อนเดาถูกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

เส้นหมี่ฟังแล้ว สีหน้าซีดขาวทันที

“นั่นคือสิ่งที่คุณต้องได้รับ!”

“ใช่ ฉันรู้ ดังนั้นนี่ไม่ใช่ฉันขอให้เธอช่วยเหรอ? อากิโกะ นากาจิมะนั่นก็ไม่ได้เรื่อง แม้แต่เธอก็จัดการไม่ได้ ฉันยังจะหวังให้เขาช่วยฉันทำอะไรอีกล่ะ?”

ทันใดนั้น เธอก็เอ่ยถึงอากิโกะ นากาจิมะอีกครั้ง ซึ่งก็คือ “ฐานิษ” ที่เคยแฝงตัวอยู่ข้างกายของเส้นหมี่

เส้นหมี่โกรธจนตัวสั่น

แต่ ในเวลานี้ เธอทำได้เพียงแค่อดทนไว้ เพื่อต้องการจะช่วยชีวิตพ่อของตัวเอง ทำได้เพียงกลืนความโกรธทั้งหมดเหล่านี้ลงไปในท้อง

“ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณจะไม่หลอกฉัน”

“เธอวางใจ เพียงแค่เธอเอามันออกมา ส่งให้กับมือของอากิโกะ นากาจิมะ เขาก็จะเอายาถอนพิษนั่นให้กับเธอเอง อ้อ ใช่ ตอนนี้ไม่ต้องไปตามหาตัวเขาหรอกนะ เขาไม่รู้เรื่องนี้ ถึงเวลาที่พวกเธอส่งแลกสิ่งของกัน ฉันจะให้คนเอาของสิ่งนี้ไปให้กับมือเขาเอง”

ผู้หญิงคนนี้ แม้แต่ขั้นตอนนี้ก็มีการระวังตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว

เส้นหมี่กัดฟัน เธอกำโทรศัพท์แน่จนนิ้วซีดขาวอีกครั้ง และข่มปิดตาลงอย่างแรง

เธอไม่มีทางเลือกแล้ว

ตอนนี้ยาที่ใช้เพื่อบรรเทาพิษในร่างกายของพ่อเธอ อย่างมากก็ใช้ได้นานสุดถึงพรุ่งนี้ ถ้าหากยังหายาถอนพิษตัวจริงไม่ได้ อย่างนั้นชีวิตของเขา ก็จะเป็นอันตรายอย่างแน่นอน

อีกอย่าง เธอบอกว่าเพียงแค่ต้องการจดหมายรักที่เธอเขียนให้กับธนากร

ในเมื่อเป็นจดหมายรัก ก็คงจะไม่น่ามีอะไร อีกอย่าง ถึงแม้ว่าจะมี ถึงตอนนั้นเธอก็ค่อยตรวจสอบอีกครั้ง จากนั้นก็ค่อยเลือกส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อตระกูลหิรัญชาออก ก็เรียบร้อย?

ในที่สุดเส้นหมี่ก็ตกลงรับปาก

จากนั้น เธอก็วางสายโทรศัพท์ลง

พรุ่งนี้ พรุ่งนี้เธอจะต้องนำยาถอนพิษมาให้ได้….

——

วันนี้แสนรักยังคงอยู่ที่เรืองรอง

เพียงแต่ ภายในบ้านเหลือเพียงแค่เขาคนเดียวอีกครั้ง เผชิญหน้าอยู่กับความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวของบ้าน เขารู้สึกอึดอัดราวกับหายใจไม่ออก เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างที่ในที่สุดก็ถูกควักออกไปจากอกของเขา

“ท่านประธาน มีข่าวของคุณนายทางนั้นมาแล้วครับ”

ก็ไม่รู้ว่า ดลธีเข้ามาถึงในห้องหนังสือชั้นสามตั้งแต่เมื่อไหร่ และเอ่ยประโยคนี้กับเขา

แสนรักนั่งเอนหลังพิงกับเก้าอี้ ในที่สุด เขาเงยหน้าไปยังข้างบนด้วยดวงตาอันนิ่งเฉื่อยชามาเป็นเวลานาน มองแล้วก็เคลื่อนไหวเล็กน้อย

“ข่าวอะไร?”

“เนติโทรศัพท์มาอีกครั้ง หลังจากที่คุณนายรับสายแล้ว ก็รีบขับรถตรงดิ่งไปยังคฤหาสน์หิรัญชาทันที”

ดลธียืนอยู่ในเงามืดของแสงไฟจากทางเดินด้านนอก พูดถึงความเคลื่อนไหวที่ทางโรงพยาบาลฝั่งนั้นส่งข่าวมาทีละเรื่อง

ไปคฤหาสน์หิรัญชา?

ทำไม? หรือในที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็ยอมบอกเป้าหมายที่แท้จริงของเธอเหรอ?

เขามีความรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกในทันใด เหมือนกับว่า ละครฉากนี้ ในที่สุดก็จะจบลงแล้ว เขาสามารถปรากฏตัวในละครฉากนี้เพื่อให้มันจบลงได้แล้ว

“ไม่ต้องสนใจเธอ เธออยากทำอะไร ก็ปล่อยเธอไป”

“ครับ ท่านประธาน” ดลธีพยักหน้ารับปาก