บทที่ 800 ฉันเป็นคนที่แกล่วงเกินได้งั้นหรอ

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 800 ฉันเป็นคนที่แกล่วงเกินได้งั้นหรอ
เย่เซิ่งเทียนรีบมุ่งตรงไปยังฉางอันอย่างรวดเร็ว

เขาจะต้องอาศัยก่อนที่ตระกูลฉินจะรู้สึกตัว จัดการตระกูลฉินซะ

กำจัดคนเหนือแดนโลกีย์เยอะขนาดนี้ ขอเพียงแค่ตระกูลเก่าแก่ผู้ดีรู้สึกตัว เรื่องนี้ก็จะวุ่นวายมากขึ้น

ดังนั้น จะต้องจัดการจ่าฝูงของเจ็ดตระกูลเก่าแก่ ก่อนที่ตระกูลฉินกับตระกูลเซียวจะรู้ตัว

ที่เหลือก็จะจัดการง่ายขึ้น

ในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องดึงเวลาให้ห่างออกจากตระกูลลี้ลับ

รอจนตระกูลลี้ลับรู้สึกตัว เรื่องก็จบลงแล้ว นอกจากตระกูลลี้ลับอยากผิดใจกับต้าเซี่ย ไม่อย่างงั้นก็ทำได้แค่ยอมรับ

นี่คือการเดิมพันครั้งใหญ่

เย่เซิ่งเทียนกับหยางทาวกำลังเดิมพันกันอยู่

หลังจากวางเดิมพันกันเสร็จแล้ว ตระกูลลี้ลับกับต้าเซี่ยจะไม่ฉีกหน้ากันชั่วคราว

“คุณเย่”

เมื่อขึ้นเครื่องบิน เย่เซิ่งเทียนก็ได้ยินมีคนเรียกตนเอง เมื่อหันกลับไปมอง ที่แท้ก็คือหลี่เสี่ยวปิงนั่นเอง

“คุณหลี่ครับ คุณนี่เอง”

เย่เซิ่งเทียนยิ้มทักทาย

หลี่เสี่ยวปิงพูดอย่างตื่นเต้นว่า“คุณเย่คะ คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอคุณที่นี่”

เมื่อพูดจบ หลี่เสี่ยวปิงใบหน้าแดงก่ำ ไม่กล้าสบสายตาของเย่เซิ่งเทียน

เพียงแต่ในฐานะของดาราคนหนึ่ง เธอรู้ดีว่าชาตินี้เธอก็ไม่คู่ควรกับเย่เซิ่งเทียน เมื่อก่อนเธอไม่เคยรู้สึกว่าการเป็นดาราของเธอจะทำให้เธอรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้

เธอรู้ดี ตระกูลเศรษฐีที่มีอำนาจที่แท้จริง ไม่มีทางเห็นดาราอยู่ในสายตา

เมื่อก่อนเธอไม่เคยใส่ใจเลย ตอนนี้เธอถึงพึ่งรู้ว่า เมื่อเธอพบเข้ากับคนที่ตัวเองชอบจริง แถมเขายังโดดเด่นขนาดนี้อีก เป็นชายที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของสามเหลี่ยมทองคำของต้าเซี่ย เธอถึงเริ่มไม่ชอบฐานะตัวตนของเธอเอง

เย่เซิ่งเทียนไม่ได้คิดอะไรมาก“คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ?แสดงหนังหรอครับ?”

หลี่เสี่ยวผิงรีบตอบกลับว่า“ไม่ใช่ค่ะ ที่นี่มีละครฉากหนึ่งน่ะ อีกฝ่ายมีความสามารถมากเลยนะคะ เขิญดาราไม่น้อยมาร่วมกิจกรรมที่นี่ คุณเย่ล่ะคะ?”

ถึงแม้ว่าเธอจะกลายเป็นเพื่อนกับหวางซีแล้ว อีกทั้งเธอยังช่วยหวางซีดึงเอาทรัพยากรบางส่วน และทายที่สุดุคงจะเป็นน้ำแก้วนึงกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้ แต่ก็ดูออกว่าเธออยากช่วยจริงๆ

แน่นอนว่า อีกด้านหนึ่งมันคือความเป็นเพื่อนกับหวางซี อีกด้านหนึ่งก็เพราะเย่เซิ่งเทียน

“ผมมาทำธุระน่ะ ผมไปก่อนนะ ช่วงนี้ดูแลตัวเองให้ดีล่ะ ถ้าเจออุปสรรคอะไรก็ให้ไปหาหวางซีนะ เธอน่าจะสามารถช่วยคุณได้”

เย่เซิ่งเทียนพูดจบ ก็ไม่ชักช้าอยู่ต่ออีก

เวลากำลังบีบรัดเขา เรื่องที่คนเหนือแดนโลกีย์ถูกฆ่าไปสิบกว่าคน อย่างมากก็ปิดได้แค่หนึ่งวันเท่านั้น

นี่มันเกินขีดจำกัดแล้ว

เมื่อเห็นเย่เซิ่งเทียนจะเดินจากไป หลี่เสี่ยวปิงก็กัดฟัน สุดท้ายก็รวบรวมความกล้าพูดออกไปว่า“คุณเย่คะ ฉะ ฉันขอวิธีติดต่อคุณได้ไหมคะ?”

เย่เซิ่งเทียนอมยิ้มแล้วกล่าวว่า“งั้นเรามาแอดเพื่อนกันหน่อยเถอะครับ”

ในเวลานี้เอง มีวัยรุ่นคนหนึ่งเดิน โดยมีบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันอยู่กลุ่มหนึ่ง เมื่อเห็นหลี่เสี่ยวปิงกับเย่เซิ่งเทียนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันอยู่ อีกทั้งท่าทีของหลี่เสี่ยวปิง เห็นได้ชัดว่ามีใจให้ชายหนุ่มคนนั้น

สายตาของชายหนุ่มถึงกับลุกเป็นไฟ

เขาตามจีบหลี่เสี่ยวปิงมานานขนาดนี้ ถึงแม้ว่าหลี่เสี่ยวปิงจะไม่ได้เย็นชาอะไรมาก แต่กลับรักษาระยะห่างกับเขามาตลอด เห็นได้ชัดว่ามีความแปลกแยก

ตอนนี้ นัยน์ตาของหลี่เสี่ยวปิง กลับมองชายคนนั้นด้วยความรัก

เขาจะทนมันได้อย่างไร?

เขาก่นด่าในใจ“นังสารเลว กูมารับมึงด้วยตัวเอง แต่มึงกลับส่งสายตาให้กับผู้ชายคนอื่นไปมา มึงสวมเขาให้กู!มึงเป็นของกูคนเดียวเท่านั้นเว้ย!”

ชายหนุ่มส่งสายตาเป็นสัญญาณให้บอดี้การ์ด จากนั้นบอดี้การ์ดก็เข้าใจในทันที ทั้งสองเดินเข้าไป ขวางทางของเย่เซิ่งเทียน

“มีอะไร?”

เย่เซิ่งเทียนมองไปยังชายหนุ่มด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

สีหน้าของหลี่เสี่ยวปิงขรึมลงทันที แล้วกล่าวว่า“คุณชายฉิน คุณจะทำอะไรน่ะ?คุณเย่เป็นเพื่อนของฉันนะคะ”

คุณชายฉินเค้นรอยยิ้มน่าเกลียด“หลี่เสี่ยวปิง แกมันนังแพศยา ฉันตามจีบแกมานานขนาดนี้ ใช้เงินกับแกไปเท่าไร?แกมักรักษาระยะห่างกับฉันเสมอ แต่ตอนนี้แกกลับสนิทชิดใกล้กับผู้ชายคนอื่น ฉันหักขามันแน่คอยดูสิ!”

สีหน้าของหลี่เสี่ยวปิงเปลี่ยนไป รีบกล่าวว่า“ฉินหู่ อย่าพูดมั่วๆนะ ล่วงเกินคุณแย่ไม่มีประโยชน์อะไรกับนายหรอก”

“ฉันไม่เชื่อหรอกนะ บนโลกนี้ยังมีคนที่ฉินหู่คนอย่างฉันล่วงเกินไม่ได้ นังสารเลว ยังกล้ามาพูดกับฉันอีก รนหาที่ตายหรอห้ะ!”

ฉินหู่พูดจบ ก็ตบไปที่หน้าของหลี่เสี่ยวปิง

แต่การตบของเขา กลับไม่สามารถตบออกไปได้ เขาถูกเย่เซิ่งเทียนจับข้อมือไว้

“ฉันเนี่ยแหละเป็นคนที่แกล่วงเกินไม่ได้”

เย่เซิ่งเทียนมองไปยังฉินหู่