บทที่ 801 พญายมก็ไม่อาจช่วยภูตผีที่สมควรตาย

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 801 พญายมก็ไม่อาจช่วยภูตผีที่สมควรตาย
เมื่อเห็นข้อมือของตัวเองถูกเย่เซิ่งเทียนจับไว้ ฉินหู่ก็ถึงกับตกตะลึง จากนั้นก็หรี่ตาลง แล้วพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉยว่า“กล้าจับมือของฉัน แกอยากตายใช่ไหมห้ะ!หักขามันเดี๋ยวนี้”

บอดี้การ์ดของฉินหู่กำลังจะลงมือ ก็เห็นเย่เซิ่งเทียนตบหน้าของฉินหู่อย่างจัง

เย่เซิ่งเทียนพูดอย่างสงบ“ฉันไม่ค่อยชอบตบหน้าใครหรอกนะ พวกแกกลับเอาหน้ามาให้ฉันตบเอง”

หลี่เสี่ยวปิงตกใจเป็นอย่างมาก ไม่ใช่เพราะฉินหู่ถูกตบ แต่เป็นเพราะฉินหู่ทำให้เย่เซิ่งเทียนโกรธ

ฉินหู่รนหาที่ตายแท้ๆ ทั้งๆที่ตนพูดกับเขาอย่างชัดเจนแล้ว ไม่มีคนสามารถล่วงเกินคุณเย่ได้ แต่เขากลับไม่ฟัง แถมยังกล้าข่มขืนคุณเย่อีกด้วย นี่มันคือการรนหาที่ตายไม่ใช่หรอ

ยกตัวอย่างวิกฤติของบริษัทหัวหยวน

เดิมทีหวางซีถูกบีบจนหมดหนทาง และบริษัทเชาซื่อกับฮุยเถิงกรุ๊ปก็ร่วมมือกัน กดขี่จนบริษัทหัวหยวนแทบล้มละลาย

แต่สุดท้ายคุณเย่ก็ปรากฏตัวขึ้น จัดการกับบริษัทเชาซื่อกับฮุยเถิงกรุ๊ปจนดับมอด

ฉินหู่กล้าหยิ่งผยองต่อหน้าของคุณเย่ นี่ก็คือการใช้ชีวิตจนเบื่อแล้ว ไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไปแล้ว

“กะ แกกล้าทำร้ายฉัน แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?ฉันเป็นฉินหู่คุณชายใหญ่ของตระกูลฉินแห่งฉางอันเชียวนะ แกกล้าตบหน้าฉันงั้นหรอ?แกตายแน่!”

ฉินหู่กุมหน้าไว้ เขาโกรธจนเต้นเร่าๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกคนตบหน้า

มีแต่เขาฝ่ายเดียวที่ตบหน้าคนอื่น!

“พวกแกยังยืนบื้อทำไมอยู่อีก?ฉันไม่อยากได้ขาสองข้างของมันแล้ว ไปเอามันให้ตาย!บัดซบเอ้ย ฉางอันเป็นถิ่นของตระกูลฉิน กล้าทำร้ายฉันในถิ่นของฉันอย่างงั้นหรอ?วันนี้ฉันจะคอยดูว่าแกจะมีหัวกี่หัว!”

ฉินหู่ชี้ตะคอกไปยังเย่เซิ่ง

“หยุดนะ!ฉินหู่ นายรนหาที่ตายรึไง?”

เห็นแก่ที่ฉินหู่เคยตามจีบเธอ หลี่เสี่ยวปิงจึงเตือนด้วยความหวังดี พลางกล่าวว่า“ฉินหู่ อย่าว่าแต่นายเลย ถึงจะเป็นตระกูลฉินของพวกนาย ก็ล่วงเกินคุณเย่ไม่ได้ รีบขอโทษยอมรับผิดกับคุณเย่ซะ ฉันจะช่วยพูดขอร้องกับคุณเย่ให้”

ตอนแรกหลี่เสี่ยวปิงพูดด้วยความหวังดี แต่คำพูดเหล่านี้ก็เข้าหูของฉินหู่ ซึ่งเท่ากับทำให้เขาอับอาย

เขาเป็นถึงคุณชายใหญ่ของตระกูลฉิน แต่กลับถูกคนอื่นรังแก

เขาจะทนได้อย่างไร!

“นังแพศยา หุบปากซะ!ฉันไม่สนว่าเขาจะเป็นใคร ถึงมันจะเป็นผู้มีอิทธิพล วันนี้อยู่ถิ่นของฉัน ก็ต้องหมอบให้ฉันซะ!รอฉันจัดการเก็บเขาเรียบร้อยค่อยจัดการนังแพศยาอย่างแกทีหลัง คิดว่าฉันไว้หน้าแกใช่ไหมห้ะ?”

ฉินหู่ก่นด่าอย่างเก่งกาจ ยโสโอหังอย่างยิ่ง ทะนงตัวจนถึงขีดสุด ท่าทางเหมือนงูเจ้าถิ่นแห่งฉางอาน

เมื่อบอดี้การ์ดเหล่านี้ได้ยินคำสั่งของเจ้านาย ก็พุ่งตรงไปหาเย่เซิ่งเทียนทันที

เดิมทีพวกเขาไม่ใช่คนดีอะไร เป็นบอดี้การ์ดแค่ในนาม แต่ความเป็นจริงแล้วเป็นนักฆ่าที่ตระกูลฉินเลี้ยงไว้ ในมือของเขาเต็มไปด้วยชีวิตของผู้คน

เหตุผลที่หลี่เสี่ยวปิงมาในครั้งนี้ ก็เพราะตระกูลฉินไม่อาจจะล่วงเกินได้ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นดารา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับตระกูลแบบนี้ เธอจึงมีความคิดที่ว่ามีเรื่องน้อยก็ทุกข์น้อย

ไม่เพียงแต่เธอ วันนี้ยังมีดาราในวงการบันเทิงไม่น้อยที่แห่แหนกันมา

หลี่เสี่ยวปิงแอบถอนหายใจ เธอพยายามอย่างสุดกำลัง

เธอรู้ดีว่าถึงความสามารถอันน่ากลัวของเย่เซิ่งเทียน ตอนที่กำจัดตระกูลโจวนั้น ปรมาจารย์วิชาบู๊ที่เก่งกาจขนาดนั้น ยังถูกเย่เซิ่งเทียนฆ่าตายอย่างง่ายๆเลย

อีกทั้งเธอก็เห็นกับตาในขณะที่อยู่เมืองหลวงที่ตระกูลเย่ เย่เซิ่งเทียนโกรธจัด แม้แต่ตระกูลเย่เขายังไม่ยอมใจอ่อนให้

ตอนนั้นมีแขกเหรื่อมากมาย ผู้กล้านักบู๊ ถูกเย่เซิ่งเทียนคนเดียวข่มไว้โดยทั่วกัน

ถึงอดีตจอมพลจะออกโรงเอง ยังคงไม่สามารถทำอะไรเย่เซิ่งเทียนได้

ตอนนี้ฉินหู่อาศัยลูกน้องของเขาที่มีความสามารถต่อสู้ คิดอยากจะลงไม้ลงมือกับเย่เซิ่งเทียน นี่มันคือการรนหาที่ตายไม่ใช่หรอ?

ดังคำกล่าวที่ว่าพญายมก็ไม่อาจช่วยภูตผีที่สมควรตาย หลี่เสี่ยวปิงพูดถึงขนาดนี้แล้ว ฉินหู่ยังคงรนหาที่ตาย เธอก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

เนื่องจาก เธอยืนอยู่ข้างเย่เซิ่งเทียน

“พอดีเลย ฉันก็อยากไปเยี่ยมตระกูลฉินหน่อยเหมือนกัน”

เย่เซิ่งเทียนหัวเราะอย่างเยือกเย็น อดทำให้ฉินหู่รู้สึกขนลุกไม่ได้

เขายังไม่ทันรู้สึกตัว เห็นเพียงบอดี้การ์ดเหล่านั้นของเขา ล้มลงกับพื้นหมดแล้ว และไม่ขยับแม้แต่น้อย

ตายแล้ว!!