บทที่ 680 หรือว่าจะตั้งครรภ์

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 680 หรือว่าจะตั้งครรภ์

“ว่าอย่างไรนะขอรับ?”

หลิวเฟยซูอุทานออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ

ที่เด็กหนุ่มประกาศชื่อของตนเองในลานประหาร ก็เพราะกลัวว่าพวกของหลงเสี่ยวเถียนจะตามหาตัวเองไม่เจออย่างนั้นหรือ?

นั่นเป็นเพราะหลินเป่ยเฉินไม่อยากให้การกระทำของตนเองต้องทำให้ผู้บริสุทธิ์เดือดร้อน นี่คือการป้องกันไม่ให้พวกของหลงเสี่ยวเถียนจับตัวชาวบ้านไปสอบปากคำอย่างไม่มีเหตุผล

การกระทำของหลินเป่ยเฉิน…

น่าซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง

ในกลุ่มของหลิวเฟยซูไม่มีใครคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน

พวกเขาไม่เคยคิดถึงผลกระทบที่จะตามมาหลังการช่วยเหลือฉุยเฮาเฟิง

นอกจากไม่คิดถึงแล้ว แผนการของพวกเขายังวางไว้ตื้นเขินมากเกินไป

ทำให้แทบเอาชีวิตไม่รอดกันทั้งหมด

นี่คือความแตกต่างระหว่างคนธรรมดากับอัจฉริยะที่แท้จริง

บัดนี้ หลินเป่ยเฉินในสายตาของหลิวเฟยซูมีความสูงส่งเพิ่มขึ้นกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

ถึงแม้คุณชายตาบอดผู้นี้… ไม่ใช่สิ… ถึงแม้หลินเป่ยเฉินจะมีสมองไม่ปกติ แต่นิสัยใจคอของเด็กหนุ่มก็ควรค่าต่อการเคารพนับถือจากใจจริง

“ในเมื่อคุณชายหลินไม่หลบหนี พวกเราก็จะไม่หนีไปไหนเช่นกัน”

หลิวเฟยซูและพรรคพวกหันมองหน้ากัน เพียงมองตาก็รู้ใจโดยไม่ต้องเอ่ยปากพูด พวกเขาล้วนตัดสินใจเป็นหนึ่งเดียวกันว่า “เราจะอยู่ที่นี่เพื่อเตรียมตัวรับมือกองทัพของหลงเสี่ยวเถียน ต่อให้สุดท้ายวันนี้ต้องเสียชีวิต พวกข้าน้อยก็ไม่คิดเสียใจ”

ในบรรดากลุ่มชายฉกรรจ์หน้ากากดำนั้น นอกจากหลิวเฟยซูผู้มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในนครเจาฮุยแล้ว คนอื่นๆ ที่เหลือไม่ว่าจะเป็นเฉินซง หนงซานเจี๋ยน โจวต้าวไห่ หรือผู้ที่ไม่ได้เอ่ยนาม ต่างก็เป็นมือกระบี่ร่อนเร่พเนจรออกมาจากเมืองเจี้ยนหนวน ไม่เคยลงหลักปักฐานอยู่ที่ใดได้นาน เหตุผลที่พวกเขามารวมตัวกันในครั้งนี้ ก็เพื่อช่วยเหลือฉุยเฮาเฟิงจากพิธีประหารชีวิตนั่นเอง

ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เคยคิดเสียดายชีวิตของตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร ยามนี้เมื่อได้พบเจอหลินเป่ยเฉินและรู้สึกว่าเด็กหนุ่มมีความกล้าหาญที่ควรค่าต่อการนับถือ กลุ่มมือกระบี่พเนจรจึงตัดสินใจอยู่ช่วยเหลือต่อไปโดยไม่ลำบากใจแม้แต่น้อย

“ฮ่าฮ่าฮ่า ด้วยความยินดี ด้วยความยินดี”

แน่นอนว่าหลินเป่ยเฉินไม่ใช่ตัวโง่งม เมื่อมีมือดีถวายตัวรับใช้งานถึงที่อย่างนี้ เขาจึงรีบรับตัวไว้โดยทันที

สมาชิกในกลุ่มของหลิวเฟยซูแต่ละคนมีระดับพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ทั้งสิ้น

เดิมที เด็กหนุ่มก็มีความปรารถนาที่จะเก็บพวกเขาเอาไว้ใช้งานอยู่แล้ว

อุ๊วะฮ่าฮ่าฮ่า

ทุกอย่างเป็นใจให้กับหลินเป่ยเฉินแล้ว

หลินเป่ยเฉินมั่นใจว่าตราบใดที่คนกลุ่มนี้อยู่ที่นี่ต่อไป หลิวเฟยซูและบริวารก็คงต้องถวายชีวิตให้กับเขาด้วยความจงรักภักดีอย่างแน่นอน

จังหวะนั้น…

“พี่ชาย เสื้อคลุมของท่านตัวใหญ่เกินไปแล้ว…”

หลิวเฉิงเหนียนอาบน้ำชำระล้างร่างกายเสร็จเรียบร้อย แต่ด้วยความที่นางมีร่างสูงมากเกินไป จึงไม่สามารถสวมใส่เสื้อผ้าของเฉียนเหมยหรือเฉียนเจินได้ และมีแต่ต้องสวมใส่เสื้อคลุมของหลินเป่ยเฉินเท่านั้น

เด็กสาวเดินขยี้ผมออกมาจากด้านหลังกระโจมที่พัก อากัปกิริยาสดใสบริสุทธิ์ บรรดาชายหนุ่มที่รวมตัวอยู่ในกระโจมที่พักของหลินเป่ยเฉินขณะนี้ มีดวงตาเป็นประกายแวววาวด้วยความมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

หลิวเฟยซูมองบุตรสาวของตนเองด้วยความตกตะลึง

ทันใดนั้น เขาก็เพิ่งนึกได้ว่าเมื่อสักครู่นี้ หลินเป่ยเฉินได้พูดเอาไว้ว่า “แผนการต่อไปของข้าคือการนอนแช่น้ำอุ่นให้สบาย ให้หญิงรับใช้นวดไหล่นวดขาผ่อนคลายกล้ามเนื้อ…”

หลิวเฟยซูรักบุตรสาวคนนี้ยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเฉิงเหนียนกลับกลายเป็นคนรับใช้ของหลินเป่ยเฉินไปเสียแล้วหรือ?

นับตั้งแต่เดินทางออกจากเมืองเจี้ยนหยวน และเป็นหัวหน้าสำนักสายลมขาวผู้โด่งดังในนครเจาฮุย ไม่ทราบเลยว่าหลิวเฟยซูต้องผ่านลมผ่านฝนมากมายขนาดไหน แต่อุปสรรคเหล่านั้นไม่เคยทำให้จิตใจของเขาสั่นคลอนได้สักครั้ง

แต่บัดนี้ หัวใจของชายหนุ่มแตกสลาย

กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกระริก

หลินเป่ยเฉินไม่รู้ตัวเลยว่าหลิวเฟยซูคิดไกลไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

เด็กหนุ่มหันกลับไปชำเลืองมองหลิวเฉิงเหนียนด้วยดวงตาเป็นประกาย

เด็กสาวร่างสูงยามสวมใส่เสื้อคลุมบุรุษ ก็เกิดเป็นเสน่ห์บางอย่างที่เสมือนหญิงสาวบนโลกมนุษย์สวมใส่เสื้อเชิ้ตผู้ชาย เมื่อประกอบเข้ากับใบหน้าจิ้มลิ้มของนางด้วยแล้ว มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะละสายตาออกไปได้จริงๆ

“ท่านพ่อก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือเจ้าคะ?” หลิวเฉิงเหนียนเบิกตาโตด้วยความดีใจเมื่อเห็นหน้าบิดาของตนเอง หลังจากนั้นจึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ประเสริฐ ท่านปลอดภัยดีแล้ว… โอ๊กกก…”

อาการเวียนหัวเล่นงานเด็กสาวอย่างกะทันหัน นางหยุดชะงัก และต้องวิ่งกลับไปอาเจียนออกมาหมดไส้หมดพุง

เสียงอาเจียนของบุตรสาวทำให้หัวใจของหลิวเฟยซูกระตุกวูบ

หรือว่า…

บุตรสาวของเขา…

จะตั้งครรภ์?

เฉิงเหนียนโตมากพอที่จะรับรู้เรื่องราวทุกอย่าง

นางไม่ใช่คนโง่ อย่าว่าแต่นางยังไม่ใช่หญิงสาวหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่

คิดมาถึงตรงนี้ หลิวเฟยซูก็มั่นใจว่าบุตรสาวของตนเองคงคบหากับคุณชายหลินมานานแล้ว

เรื่องนี้…

เฮ้อ คงต้องปล่อยเลยตามเลยก็แล้วกัน

คนเป็นบิดาอย่างเขายังจะพูดอะไรได้อีก

เมื่อเห็นบุตรสาวเดินสะโหลสะเหลกลับมา หลิวเฟยซูก็ฝืนยิ้ม กล่าวว่า “เฉิงเหนียน เจ้าพามารดากับน้องๆ ไปล้างเนื้อล้างตัวก่อน บิดามีเรื่องบางอย่างอยากปรึกษาหารือกับคุณชายหลิน”

“อ้อ ได้เลยเจ้าค่ะ”

หลิวเฉิงเหนียนรีบนำตัวมารดาและน้องชายฝาแฝดของตนเองไปอาบน้ำที่ด้านหลังกระโจมด้วยความเร็วไว

เด็กสาวทำตัวตามสบายราวกับอยู่บ้านของตนเอง

ยิ่งตอกย้ำความคิดของหลิวเฟยซูมากขึ้นไปอีก

เขากวาดตามองทุกคนที่ยังอยู่ในกระโจมด้วยแววตาดุร้าย ก่อนจะหันมามองหน้าหลินเป่ยเฉินและกัดฟันพูดว่า “คุณชายหลิน ข้าน้อยมีเรื่องหนึ่งอยากพูดคุยกับท่าน ไม่ทราบว่าท่าน… บอกให้ทุกคนออกไปก่อนได้หรือไม่”

หลินเป่ยเฉินโบกไม้โบกมือพูดด้วยความรำคาญใจ “ทุกคนที่อยู่ที่นี่ถือเป็นคนของข้าทั้งนั้น ข้าหลินเป่ยเฉินไม่เคยมีความลับต่อผู้ใด โดยเฉพาะกับพรรคพวกของตนเอง หากท่านมีอะไรจะพูด ก็ขอให้พูดมาได้เลย”

ทุกคนถือเป็นคนของหลินเป่ยเฉิน?

เมื่อหลิวเฟยซูได้ยินคำนั้น เขาก็คิดว่าเด็กหนุ่มกำลังยอมรับกลายๆ เรื่องบุตรสาวของเขาแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นก็ย่อมได้”

หลิวเฟยซูรู้สึกลำคอตีบตัน เมื่อพบเห็นสายตาจากผู้คนรอบกายที่กำลังจ้องมองมา มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเค้นเสียงพูดออกมาจากปากได้แต่ละคำ “เฉิงเหนียนนิสัยยังเป็นเด็ก บางครั้งหน้าก็ไม่ระมัดระวังเท่าที่ควร แต่โดยเนื้อแท้บุตรสาวของข้าน้อยเป็นคนดี คุณชายหลินอย่าโทษนางเลยนะขอรับ”

ผู้เป็นบิดาของเด็กสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม

หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคออย่างสบายใจ “ฮ่าฮ่าฮ่า เรื่องที่ท่านพูดถึงนั้นข้ารู้ตั้งนานแล้ว แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้าไม่เคยคิดถือสาหาความนางแต่อย่างใด”

รู้ตั้งนานแล้ว?

เห็นไหมล่ะ เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย!

หลิวเฟยซูกําหมัดแน่น

เด็กสองคนนี้แอบคบหากันมาตั้งนานแล้ว

หัวใจของหลิวเฟยซูรู้สึกปวดร้าว

อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยคุณชายหลินก็มีฝีมือสูงส่ง นิสัยใจคอโอบอ้อมอารี รูปโฉมหล่อเหลา นับเป็นบุตรเขยในฝันของใครหลายคน

ต่อให้ชิงสุกก่อนห่าม… แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

ไม่มีอะไรให้ต้องพูดอีกต่อไป

ถึงจะรู้สึกหงุดหงิดใจ แต่หลิวเฟยซูก็ต้องทนเงียบไว้

“เอาล่ะ ทุกคนกลับไปทำงานของตัวเองได้แล้ว เลิกทำตัวขี้เกียจกันเสียที”

หลินเป่ยเฉินโบกมือไล่ทุกคนออกไปจากกระโจมที่พัก เขาอยากจะลงไปนอนแช่น้ำอุ่นใจจะขาดแล้ว

ได้ยินดังนั้น หัวใจของหลิวเฟยซูก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม แต่โชคดีเหลือเกิน ที่ก่อนหน้านี้เขาสั่งให้เฉิงเหนียนพามารดาและน้องชายฝาแฝดไปอาบน้ำที่ด้านหลังกระโจม คุณชายหลินคงไม่คิดทำอะไรบุตรสาวของเขาโดยพลการหรอกกระมัง หลิวเฟยซูคิดได้ดังนี้ก็เดินกลับออกมาพร้อมกับบริวารของตนเองด้วยความสบายใจ