บทที่ 1264 เทพเจ้าแห่งโชคลาภ

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ในเวลานั้นเองหลิงหยุนที่อยู่ในระหว่างทางกลับบ้านนั้น กลับไม่รู้เลยว่าเรื่องที่ชายชราตั้งใจมาพบเขาที่มหาวิทยาลัยหยานจิงนั้นได้แพร่สะพรัดออกไปทั่วปักกิ่งอย่างรวดเร็ว!
  ข่าวคราวเรื่องการพบปะอย่างลับๆครั้งนี้ทำให้ผู้คนระดับสูงของปักกิ่งถึงกับตกใจไปตามๆกัน!
  นั่นเพราะคำพูดทุกประโยคและทุกคำสั่งของชายชราหลังจากนั้น บ่งบอกถึงสัญญาณบางอย่างได้ชัดเจน..
  ……
  ที่บ้านตระกูลหลี่ในกรุงปักกิ่ง..
  “นี่เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน!”
  ผู้เฒ่าตระกูลหลี่นามว่าหลี่กวนผิงที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยนั้นเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากหลี่จวิ้นหัวก็ถึงกับลุกพรวดขึ้นมานั่งทันที แต่เพราะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจนเกินไปนั้น จึงทำให้ใบหน้าที่ซีดเซียวของผู้เฒ่าหลี่กลับกลายเป็นแดงก่ำ พร้อมกับไอออกมาอย่างหนัก
  หลี่จวิ้นหัวซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าจึงรีบเอื้อมมือไปลูบแผ่นหลังของชายชราเบาๆพร้อมกับถ่ายเทพลังปราณอ่อนๆลงไปในร่างของหลี่กวนผิงด้วย เพื่อช่วยให้เขาสบายตัวขึ้น
  “แค๊ก..แค๊ก.. จวิ้นหัวข้าไม่เป็นอะไร”
  ในที่สุดหลี่กวนผิงก็เริ่มมีกำลังวังชาขึ้นมาบ้างเขาค่อยๆโบกไม้โบกมือ ดวงตาแดงก่ำนั้นจ้องมองหลี่จวิ้นหัวพร้อมกับถามย้ำว่า
  “บุคคลอันดับหนึ่ง..ไปที่มหาวิทยาลัยจริงๆงั้นรึ! แล้วเขากับหลิงหยุนก็นั่งคุยกันร่วมหนึ่งชั่วโมงเชียวรึ?!”
  หลี่จวิ้นหัวย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“เป็นเช่นนั้นจริงท่านพ่อ!”
  หลังจากทำท่าทางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งหลี่จวิ้นหัวจึงพูดต่อว่า “ที่นั่นไม่มีการประกาศคุมเข้ม จึงไม่ใช่การดำเนินการที่เป็นความลับ ข้าคิดว่าเรื่องนี้คงจะต้องกลายเป็นข่าวเผยแพร่ทางทีวีในคืนนี้เป็นแน่..”
  เมื่อได้ฟังเช่นนั้นหลี่กวนผิงถึงกับตื่นเต้นอย่างที่สุด ร่างของเขาสั่นเทิ้มพร้อมกับนิ้วผอมแห้งนั้นกำแน่น และเอ่ยออกมาได้เพียงแค่ว่า
  “ดี..ดี.. ดี..”
  จากนั้นหลี่กวนผิงก็เงยหน้าขึ้นมองหลี่จวิ้นหัวอีกครั้งดวงตาของเป็นประกายระยิบระยับในขณะที่เอ่ยออกไป
  “จวิ้นหัวครั้งนี้ตระกูลหลี่ของเราเดิมพันเลือกข้างได้ถูกต้องแล้ว!”
  “เมื่อคืนนี้เจ้าเปิดตัวต่อตระกูลหลิงเช่นนั้นนับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องยิ่งนัก!”
  “จวิ้นหัวครั้งนี้เจ้าสร้างคุณงามความดีต่อตระกูลหลี่ของเราอย่างมากทีเดียว!”
  ผู้เฒ่าตระกูลหลี่พรั่งพรูคำพูดออกมามากมายด้วยความตื่นเต้นดีใจแต่หลังจากที่เขาพูดจบ ก็เริ่มหายใจไม่ออก และไออย่างหนักอีกครั้ง
  “ท่านพ่อนี่เป็นหน้าที่ของลูก!”
  หลี่จวิ้นหัวกระซิบเสียงเบาพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบแผ่นหลังของหลี่กวนผิงอย่างเบามืออีกครั้ง..
  หลี่กวนผิงนั่งนิ่งพักอยู่ครู่ใหญ่จนกระทั่งความตื่นเต้นดีใจนั้นจางคลายลงเขาครุ่นคิดอะไรบางอย่างเนิ่นนานจึงพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยเสียงเบา
  “จวิ้นหัวในเมื่อสัญญาณชัดเจนถึงเพียงนี้ ตระกูลหลี่ของเราคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ!”
  หลี่จวิ้นหัวพยักหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า“ลูกรอฟังอยู่ ท่านพ่อได้โปรดบอกมา..”
  “เมื่อครู่ที่เจ้าบอกว่าสามสิบหกกิโลกรัมนั้นมันคืออะไรนะ..” ชายชราหลงลืมไปชั่วคราวจึงเอ่ยถามขึ้น
  “ท่านพ่อมันคือผ้าแพรไหมดำชั้นเลิศ”   หลี่กวนผิงพยักหน้ารับรู้“สิ่งของที่เจ้าประมูลมามากมายเมื่อคืนนี้ จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไรตระกูลหลี่ของเราได้มากนัก”
  หลี่จวิ้นหัวพยักหน้าเห็นด้วยทันที“ท่านพ่อ เรื่องนั้นลูกทราบดี เพียงแต่..”
  เมื่อพูดมาถึงเรื่องนี้สีหน้าของหลี่จวิ้นหัวก็เปลี่ยนเป็นสับสนวุ่นวายอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะตัดสินใจพูดออกไปอย่างยากลำบาก
  “แต่ก่อนที่ตระกูลหลิงจะทำลายตระกูลซันและตระกูลเฉินนั้นตระกูลหลี่ของเขาก็เอาแต่นั่งนิ่งรอดูท่าที แม้กระทั่งในวันที่ตระกูลเล็กๆทั้งสิบกว่าตระกูลไปบีบคั้นตระกูลหลิงถึงบ้าน พวกเราก็เอาแต่นิ่งดูดาย ไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย..”
  “ปรากกฏว่าตระกูลหลิงกลับสามารถสังหารพันธมิตรตระกูลซันและตระกูลเฉินได้เพียงแค่ชั่วข้ามคืนข้าจึงรีบตัดสินใจที่จะขอลงทุนร่วมกับธุรกิจของหลิงหยุนในจิงฉู แต่ไม่ว่าข้าส่งผู้ใดไปเจรจา คนของหลิงหยุนที่ชื่อว่าถังเมิ่งกลับไม่ยินยอมอยู่ดี..”   หลี่กวนผิงนั่งฟังนิ่งเงียบและครุ่นคิดตาม..
  หลี่จวิ้นหัวนิ่งไปครู่หนึ่งจึงเล่าต่อว่า“แต่หลังจากนั้นข้าก็สืบทราบมาว่าไม่ใช่ถังเมิ่งที่ไม่ยินยอม ข้าจึงไปพบหลิงเย่วที่บ้านตระกูลหลิง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเวลานี้แม้แต่หลิงเย่วซึ่งรองมาจากหลิงหยุน ยังคงรักษาท่าทีไม่ให้คำตอบ แม้เขาจะปฏิบัติต่อข้าอย่างสุภาพเช่นเคยก็ตาม..”
  “แต่ไม่ว่ายังไงข้าก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆแน่!”
  “นั่นเพราะเจ้าเข้าหาไม่ถูกคนต่างหากเล่า!”
  หลังจากที่หลี่กวนผิงนั่งฟังอยู่นานในที่สุดก็เอ่ยออกมา เขาบอกกับหลี่จวิ้นหัวต่อด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
  “คนตระกูลหลิงล้วนรักใคร่กลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวดังเหล็กกล้าต่อให้เจ้าหมั่นเพียรหยดน้ำลงไปนานเพียงใด ก็ยากที่จะกัดกร่อนเหล็กกล้าได้ เวลานี้มีเพียงผู้เดียวที่ควบคุมตระกูลหลิงไว้ทั้งหมดซึ่งก็คือผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน.. หลิงหยุน!”
  “หากหลิงหยุนไม่เอ่ยปากเจ้าจะไปพบผู้ใดก็ไร้ประโยชน์!”
  “แต่นับว่าโชคดีที่การกระทำของเจ้าเมื่อคืนนี้ได้เปรียบเสมือนการเคาะประตูบ้านตระกูลหลิงแล้ว..”
  แววตาของหลี่กวนผิงเป็นประกายขึ้นมาทันที“หากเจ้าจะเสียเงินมากมายแล้ว ก็ต้องเสียเงินให้ถูกคนด้วย แม้เจ้าจะได้ทำการเคาะประตูไปแล้ว แต่นั่นมันยังไม่มากพอที่จะให้หลิงหยุนเปิดประตูรับได้..”
  หลี่จวิ้นหัวรีบตอบกลับไปทันที“ท่านพ่อ เรื่องนั้นข้าทราบ แต่ตลอดการประมูลทั้งคืน ลูกเองก็ไม่มีโอกาสได้พบหลิงหยุนเลยสักครั้ง”
  หลี่กวนผิงเงยหน้าขึ้นมองลูกชายของตนพร้อมกับถามออกไปว่า“เจ้าลืมสิ่งที่ข้าเคยสอนไปหมดแล้วรึ”
  “ในเมื่อถนนเส้นเดิมไม่สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้เจ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทาง..”
  ดวงตาของหลี่จวิ้นหัวปรากฏร่องรอยของความสงสัย“ท่านพ่อ.. ท่านหมายความเช่นใด”
  “ในเมื่อเจ้าไม่สามารถพบหลิงหยุนโดยตรงได้เหตุใดไม่เข้าทางตระกูลเกาเล่า”
  “เวลานี้ตระกูลเกากับตระกูลหลิงเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วก่อนที่จะถึงวันประลองของทั้งสามตระกูล ตระกูลเกาเป็นฝ่ายส่งของหมั้นหมายไปที่บ้านตระกูลหลิงด้วยตัวเอง และเวลานี้เกาเฉินเฉินก็อาศัยอยู่ในบ้านตระกูลหลิง นางย่อมรู้ความต้องการของหลิงหยุนเป็นอย่างดี และในเมื่อนางรู้ตระกูลเกาย่อมรู้ด้วยเช่นกัน!”
  ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาแม้ตระกูลหลี่จะไม่ให้ความสนใจเรื่องการฝึกวรยุทธมากนัก จนทำให้ตระกูลหลี่ค่อยๆตกต่ำลงบ้าง แต่ถึงกระนั้นตระกูลหลี่ก็ยังคงสามารถยืนหยัดอยู่มาจนถึงตอนนี้ได้ ต้องนับหลี่กวนผิงนั้นมีส่วนช่วยเหลืออย่างมาก และเขาก็คือเสาหลักของตระกูลหลี่ที่ทุกคนไม่อาจปล่อยให้เป็นอะไรไปได้..
  หลี่จวิ้นหัวถึงกับยิ้มออกมาทันทีพร้อมกับระล่ำระลักตอบไปว่า“ขอบคุณท่านพ่อที่ชี้แน่ะ! ข้าจะรีบไปพบเกาจิ้นสงให้เร็วที่สุด”
  แต่หลี่กวนผิงกลับส่ายหน้า“เวลานี้หากเจ้าเป็นผู้ไปพบเกาจิ้นสงด้วยตัวเอง ก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรนัก..”
  “จวิ้นหัวหยิบโทรศัพท์มาให้ข้า ข้าจะโทรไปหาเกาจิ้นสงด้วยตัวเอง ส่วนเจ้าก็ไปเตรียมการเรื่องของขวัญที่จะส่งไปตระกูลเกาได้”
  “ลูกน้อมรับคำสั่งท่านพ่อ!”
  หลี่จวิ้นหัวส่งโทรศัพท์ให้กับผู้เฒ่าหลี่จากนั้นจึงรีบออกไปจัดเตรียมของขวัญทันที..
  …………
  ภายในบ้านตระกูลเกา..
  เรื่องที่บุคคลอันดับหนึ่งไปที่คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยหยานจิงนั้นเกาเฉินเฉินได้รายงานให้กับคนตระกูลเการู้ตั้งแต่แรกแล้ว และเกาจิ้นสงก็รู้เรื่องนี้ตั้งแต่ที่หลิงหยุนก้าวเท้าเข้าประตูมหาวิทยาลัยหนานจิง..
  “สัญญาณถูกส่งออกมาแล้วจากนี้ไปคงต้องมีเรื่องใหญ่โตเกิดขึ้นเป็นแน่!”
  นี่เป็นคำพูดของเกาจิ้นสงที่บอกกับเกาเฉินเฉิน..
  “มีเรื่องอะไรน่ายินดีหรือท่านพ่อ”
  เกาซิงฉางที่ยืนอยู่ข้างๆเกาจิ้นสงเป็นฝ่ายถามขึ้นหลังจากที่ได้เห็นแววตาเป็นประกายและสีหน้าตื่นเต้นดีใจของเกาจิ้นสง
  “บุคคลอันดับหนึ่งไปที่คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยหยานจิงวันนี้ และยังนั่งคุยกับหลิงหยุนนานกว่าหนึ่งชั่วโมง..”
  “เจ้าฟังแล้วรู้สึกเช่นใดบ้างเล่า”
  เกาซิงเฉางถึงกับยืนนิ่งสีหน้าบ่งบอกถึงความตื่นเต้นดีใจ “ท่านพ่อ นี่ท่านหมายความว่าบุคคลอันดับหนึ่งตั้งใจไปพบหลิงหยุนงั้นรึ”
  เกาจิ้นสงเหลือบตาขึ้นมองลูกชายของตนพร้อมตอบกลับไปว่า“ถูกต้อง! นับเป็นการพบกันที่สร้างแรงสะเทือนไปทั่วทั้งปักกิ่งทีเดียว!”
  “ท่านพ่อลูกพูดอะไรไม่ถูกเลยจริงๆ!”
  เกาซิงฉางคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะสามารถทำให้เกิดเรื่องที่ไม่น่าเชื่อนี้ขึ้นได้และเวลานี้ตระกูลหลิงนับวันก็ยิ่งแข็งแกร่งและมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงได้แต่หัวเราะออกมาอย่างมีความสุขเท่านั้น
  เกาจิ้นสงมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเวลานี้เขาคร้านที่จะสนใจลูกชายซึ่งกำลังงุนงง จึงได้เอ่ยถามออกไปว่า
  “จิ้งสงเรื่องที่ดินที่หลิงหยุนต้องการจะซื้อ เจ้าจัดการไปถึงไหนแล้ว”
  ที่ดินที่เกาจิ้นสงกำลังพูดถึงนั้นก็คือที่ดินทางด้านตะวันออกบนถนนวงแหวนที่หกซึ่งเป็นผืนดินที่ฮวงจุ้ยมีลักษณะของมังกรร่ายรำ และหงส์สยายปีก ที่หลิงหยุนตั้งใจจะปลูกเป็นคฤหาสน์หลังใหม่ให้กับตระกูลหลิงนั่นเอง..   “เรื่องนั้นลูกได้จัดการในส่วนที่จำเป็นไปแล้ว..”
  เกาจิ้นสงจึงรีบพูดต่อว่า“ที่ดินที่มีฮวงจุ้ยล้ำเลิศเช่นนั้น อีกทั้งยังเป็นที่ดินผืนใหญ่ ต่อให้เราสามารถได้ส่วนลดมา ราคาก็คงไม่ต่ำกว่าแปดหมื่นล้านเป็นแน่..”
  ตระกูลเกาจะเป็นตระกูลใหญ่และมีอำนาจบารมีกว้างขวางในแวดวงธุรกิจ แม้จะสามารถช่วยให้การซื้อที่ดินเป็นไปอย่างราบรื่น อีกทั้งยังได้ส่วนลด แต่การที่จะซื้อที่ดินซึ่งมีฮวงจุ้ยล้ำเลิศ และผืนใหญ่ขนาดนั้น ก็จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก เพื่อให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่เดิมย้ายไปที่อื่น
  “หากไม่มีแปดหมื่นล้านหยวนก็ยากที่จะได้ที่ตรงนั้นมาได้..”
  เกาจิ้นสงคำนวนคร่าวๆแล้วจึงหันไปถามเกาซิงฉางว่า “เวลานี้ตระกูลเกามีเงินสดที่จะสามารถจ่ายเงินสูงสุดได้มากเท่าไหร่”
  “ราวสามหมื่นล้านท่านพ่อ..”   เกาจิ้นสงพยักหน้าที่คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันพร้อมกับพึมพำออกมาว่า “จะต้องหาเพิ่มอีกห้าหมื่นล้าน..”
  เกาซิงฉางลังเลเล็กน้อยแล้วจึงพูดขึ้นว่า“ท่านพ่อ.. หลิงเย่วบอกกับข้าว่าที่ดินผืนนี้ตระกูลหลิงจะเป็นผู้จัดการซื้อเอง ไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลเกาช่วย!”
  “เพ้อเจ้อ!”
  เกาจิ้นสงร้องอุทานออกมาทันที“หลิงหยุนเป็นใคร เขาเป็นหลานเขยของข้า ต่อไปเฉินเฉินก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่นี้ด้วย หลิงเย่วกล้าพูดได้อย่างไรกันว่าไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลเกาช่วย?”
  จากนั้นเกาจิ้นสงก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุขพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ข้าจะซื้อที่ดินผืนนี้ให้กับหลานสาวของข้า ใครจะห้ามข้าได้!”
  จากนั้นสองพ่อลูกตระกูลเกาก็นั่งปรึกษากันต่ออีกราวหนึ่งชั่วโมงครึ่ง..
  “ท่านพ่อเต็มที่ที่จะหาได้ตอนนี้ก็คือสามหมื่นห้าพันล้านหยวน..”
  เกาจิ้นสงขมวดคิ้วแน่นและกำลังครุ่นคิดว่าเงินจำนวนแปดหมื่นล้านหยวนนั้นไม่ใช่น้อยๆเลยทีเดียว!
  แต่ในระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือของเกาจิ้นสงก็ดังขึ้นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและกำลังคิดว่าใครโทรมา แต่เมื่อเห็นหน้าจอโทรศัพท์เกาจิ้นสงก็คลายคิ้วที่ขมวดนั้นออก และพูดออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
  “พวกเราไม่จำเป็นกังวลเรื่องเงินอีกแล้วเวลานี้เทพเจ้าแห่งโชคลาภโทรหาข้าแล้ว!”