ตอนที่ 466 ศักดิ์ศรีของนักสู้

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 466 ศักดิ์ศรีของนักสู้ โดย Ink Stone_Fantasy

แม้ร่างกายจะบาดเจ็บสาหัส แต่ดวงตาของอันเดรวิชกลับเป็นประกายเจิดจ้า จ้องเขม็งไปที่หูหงเต๋อ ความกระหายการต่อสู้ในดวงตาไม่ได้ลดทอนลงไปเลยสักนิด

สมัยอันเดรวิชหนุ่มๆ เขาเป็นทหารกองกำลังพิเศษที่ฝีมือเยี่ยมที่สุดของอดีตสหภาพโซเวียต แต่ทว่าในชั่วข้ามคืนเดียว หลายๆ สิ่งก็เปลี่ยนแปลงไป หลังจากอันเดรวิชประสบเหตุการณ์พลิกผันครั้งใหญ่ในครอบครัว และสังหารศัตรูคู่แค้นไปจนหมดแล้ว เขาก็รู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่นั้นไม่มีความหมายอีกต่อไป

อันเดรวิชจึงปฏิเสธข้อเสนอว่าจ้างของค่ายฝึกไซบีเรีย และเข้าสู่วงการมวยใต้ดินตามลำพังคนเดียว อาศัยทักษะในการต่อสู้อันโดดเด่น สร้างชื่อเสียงโด่งดังขึ้นในทวีปยุโรป แต่ไม่มีใครรู้ว่า สิ่งที่อันเดรวิชปรารถนานั้น ก็มีเพียงแต่ความตายเท่านั้นเอง

แต่ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่ง อันเดรวิชจึงไม่อยากจบชีวิตตัวเองด้วยการฆ่าตัวตาย ดังนั้นถึงได้ออกตระเวนท้าสู้ตามองค์กรมวยใต้ดินต่างๆ ไปเรื่อยๆ และนี่ก็เป็นสาเหตุหลักที่เขายอมตกลงเดินทางมายังดินแดนตะวันออกอันลี้ลับนี้

ประเทศจีนไม่ได้ทำให้อันเดรวิชผิดหวังเลย แค่การประลองมวยนัดที่สอง เขาก็ได้พบกับคู่ต่อสู้ที่แกร่งที่สุดที่เคยเจอมาในชีวิตนี้แล้ว สำหรับคนอย่างอันเดรวิช การที่ได้ตายด้วยน้ำมือของหูหงเต๋อนั้น ถือว่าเป็นจุดจบที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

“อวัยวะภายในแกเลือดออกแล้ว ต่อให้ฉันไม่ลงมือ แต่ถ้าแกยังใช้พลังอีก ก็คงอยู่ต่อไปไม่รอดหรอก แกอายุยังน้อย ยังทำอะไรได้อีกตั้งหลายอย่าง ไม่จำเป็นต้องมาตายอยู่ที่นี่!”

เมื่อเห็นความกระหายการต่อสู้ในดวงตาของอันเดรวิช หูหงเต๋อกลับส่ายหน้า หลังจากพูดออกไปดังนั้นแล้ว ก็กระโดดลงจากเวทีโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น และเดินตรงกลับไปนั่งข้างๆ เยี่ยเทียน

อันเดรวิชมีความมุ่งมั่นของตัวเอง ส่วนหูหงเต๋อก็มีศักดิ์ศรีของตัวเองอยู่เหมือนกัน เพราะการประลองครั้งนี้ถ้าจะว่ากันจริงๆ แล้ว หูหงเต๋อก็เป็นฝ่ายโกงก่อน ดังนั้นสำหรับคนนิสัยตรงไปตรงมาแบบเขาแล้ว ถ้าสังหารอันเดรวิชไปจริงๆ อย่างนั้นเรื่องนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องที่น่าอับอายที่สุดในชีวิตของเขาเลย

ส่วนเรื่องที่อันเดรวิชฉีกทึ้งจางซานอย่างโหดเหี้ยมไปเมื่อครู่นี้ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหูหงเต๋อเลยสักนิด เขาเองก็ไม่ได้มีหน้าที่ที่จะต้องไปล้างแค้นให้จางซาน ถึงอย่างไรคนที่มาขึ้นเวทีมวยแบบนี้ ก็ต้องเตรียมใจไว้อยู่แล้วว่าอาจตายได้ทุกเมื่อ

และในการต่อสู้นัดนั้น จางซานก็เป็นฝ่ายลงมือหมายสังหารก่อน ถ้าอันเดรวิชตอบโต้ช้าไปแม้แต่นิดเดียว คนที่นอนอยู่บนพื้นและถูกคลุมผ้าขาวเคลื่อนย้ายไปนั้นก็คงจะกลายเป็นเขาแทน ในสนามมวยใต้ดินจึงไม่มีเรื่องบุญคุณความแค้น และก็ไม่มีการผูกใจเจ็บเป็นการส่วนตัวด้วย!

“นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?”

“ทำไมไม่ฆ่ามันล่ะ ฆ่ามันเลยสิ!”

“แล้วตกลงใครแพ้ใครชนะกันแน่วะ?”

การกระทำของหูหงเต๋อนี้ ทำให้ภายในสนามมวยโกลาหลขึ้นมาทันที พวกเศรษฐีที่ปกติวางท่าสง่าสูงส่งเหล่านั้นก็ฉีกหน้ากากที่ใส่อยู่ยามปกติออกหมด มองดูผู้ช่วยสองคนพยุงอันเดรวิชลงไปจากเวที บางคนถึงกับด่ากราดออกมาเลย

“คุณหูครับ อันเดรวิชยินยอมที่จะเสี่ยงตายเอง แล้วทำไมคุณไม่ฆ่ามันไปเลยล่ะ?”

จู้เหวยเฟิงก็ไม่เข้าใจในการกระทำของหูหงเต๋อเหมือนกัน ด้วยสายตาของเขา ก็ต้องดูออกอยู่แล้วว่า อันเดรวิชใช้พลังไปจนหมดแล้ว เขาจึงไม่เข้าใจว่าทำไมหูหงเต๋อถึงละทิ้งโอกาสที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ไปแบบนี้?

“นี่แกจะสอบปากคำฉันเรอะ?”

หูหงเต๋อถลึงตา มองไปที่จู้เหวยเฟิงด้วยสายตาเย็นชา ตอนนี้พลังวิเศษที่เขาได้รับมายังไม่สลายไป จิตสังหารอันรุนแรงจนแทบจะจับต้องได้พุ่งไปทางจู้เหวยเฟิงทันที

นี่ก็เป็นอย่างที่กล่าวกันว่า จอมยุทธมักตัดสินโดยใช้กำลัง ในสายตาของคนอย่างหูหงเต๋อนั้น รู้จักเคารพแต่ผู้ที่แกร่งกว่าตัวเองเท่านั้น อย่างเช่นเยี่ยเทียนและโก่วซินเจีย หรืออาจยังรวมไปถึงอันเดรวิชที่เพิ่งจะลงไปจากเวทีด้วย แต่เห็นได้ชัดว่า จู้เหวยเฟิงไม่ได้จัดอยู่ในรายการนี้ด้วย

อย่าว่าแต่จู้เหวยเฟิงเลย แม้แต่ตอนที่ได้รู้ตัวตนของซ่งเฮ่าเทียนที่เรือนสี่ประสานเมื่อหลายวันก่อน หูหงเต๋อก็ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องจริงจังอะไร ยังคงเรียกอีกฝ่ายว่าเหล่าซ่งอย่างติดปากอยู่เหมือนเดิม กิริยามารยาทก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลยสักนิด

พอจู้เหวยเฟิงถูกหูหงเต๋อขึงตาใส่ก็ใจหายวาบ เขารู้ว่าคนเหล่านี้เป็นพวกไม่กลัวกฎหมายไม่กลัวฟ้าดิน ถ้าเขาตอบผิดไปแม้แต่คำเดียว อีกฝ่ายอาจจะระเบิดโทสะทำร้ายคนขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ ดังนั้นจู้เหวยเฟิงจึงรีบคิดหาข้ออ้างออกมา “ไม่กล้าหรอกครับ คุณหูคิดมากไปแล้ว เพียงแต่…เพียงแต่คุณลงมาแบบนี้แล้ว ก็ตัดสินคนแพ้ชนะลำบากน่ะสิครับ!”

สาเหตุที่สนามมวยของจู้เหวยเฟิงไม่เชิญบุคคลระดับปรมาจารย์มวยอย่างหูหงเต๋อมา ก็เพราะว่าอาจารย์มวยเหล่านี้มักจะเป็นคนเย่อหยิ่งทะนงตน ลำพังใช้เพียงเงินทอง จึงไม่สามารถจูงใจยอดฝีมือที่แท้จริงเหล่านี้ได้เลย

หูหงเต๋อไม่หลงกับข้ออ้างของจู้เหวยเฟิง ตอบไปอย่างเย็นชาว่า “ตัดสินลำบากอะไรกันเล่า? ก็ถือว่าฉันแพ้ไปซะสิ!”

“ได้ครับ จะทำตามที่คุณบอกเลยครับ!” จู้เหวยเฟิงเป็นคนรู้จักปรับตัวตามสถานการณ์ ถึงอย่างไรอันเดรวิชก็บาดเจ็บหนักไปแล้ว ถ้ามันยังกล้ามาขึ้นเวทีสู้ต่อไปอีก แบบนั้นก็เรียกว่ารนหาที่ตายแล้วละ

“เหล่าหู ทำได้ไม่เลวเลยนี่!” เยี่ยเทียนรู้สึกชื่นชมต่อพฤติการณ์ของหูหงเต๋อในครั้งนี้มาก เขาก็ไม่สนใจเหมือนกันว่าจู้เหวยเฟิงจะรู้สึกอย่างไร ยกมือขึ้นมาตบไหล่หูหงเต๋อหลายที

“ฮี่ๆ ฉันเหล่าหูเป็นคนแบบไหนกัน เรื่องเอาชนะแบบไม่ยุติธรรมน่ะไม่มีวันทำเด็ดขาด!”

พอโดนเยี่ยเทียนตบแบบนี้ หูหงเต๋อก็ฉีกยิ้มหัวเราะออกมาทันทีอย่างกับได้รับรางวัลใหญ่ จนจู้เหวยเฟิงที่ดูอยู่ข้างๆ ซึมเซาไปเลย เป็นคนเหมือนกันแท้ๆ แล้วทำไมหูหงเต๋อถึงได้ปฏิบัติต่อทั้งสองคนแตกต่างกันขนาดนี้ล่ะ?

“อ้าว มันมาทำไมล่ะนั่น? ยังอยากจะสู้กับคุณอีกรึไง?” ระหว่างที่กำลังคุยกับหูหงเต๋อ อันเดรวิชก็กลับเดินมาทางที่นั่งของพวกเขาโดยมีผู้ช่วยคอยพยุงอยู่

ภาษิตว่า แมลงร้อยขาฆ่าไม่ตาย อันเดรวิชถึงจะแพ้ไป แต่ความโหดเหี้ยมที่แสดงออกมาในการประลองรอบแรกนั้น ก็ยังทำให้ผู้คนรู้สึกพรั่นพรึงอยู่ดี เมื่อเขาเดินมาทางนี้ กลุ่มคนที่ตอนแรกยืนอยู่ข้างหลังจู้เหวยเฟิงก็เกร็งขึ้นมาทันที มือขวาลอบสอดเข้าไปใต้ชุดสูทสีดำ

“ไม่เป็นไร ให้มันมาเลย!”

จู้เหวยเฟิงก็ไม่ใช่คนไร้น้ำยา ถ้ายังกลัวแม้กระทั่งอันเดรวิชที่บาดเจ็บอยู่ อย่างนั้นประสบการณ์ที่เขาได้รับมาในอดีตนั้นก็คงจะเสียเปล่า แล้วจึงโบกมือไล่พวกผู้คุ้มกันที่ขวางอยู่ข้างหน้าออกไป

เมื่อเห็นว่ากลุ่มคนที่ยืนขวางอยู่หลีกทางออกไปแล้ว อันเดรวิชก็เดินไปถึงข้างตัวหูหงเต๋อ แล้วพูดกีลีกูลูเป็นภาษารัสเซียออกมาชุดหนึ่ง ขณะเดียวกันก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงไปกับพื้น แล้วแตะหน้าผากที่ได้รับบาดเจ็บนั้นลงไปบนมือขวาของหูหงเต๋อ

“คุณอันเดรวิชบอกว่า คุณเป็นคนที่แกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาเลย คุณทำให้เขามีเป้าหมายในชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง เขาจะถือว่าคุณเป็นครูผู้ชี้นำของเขา เพื่อพิชิตขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ต่อไป!”

คนยุโรปที่เดินตามมาข้างหลังอันเดรวิชนั้นแปลคำพูดของอันเดรวิชเป็นภาษาจีนอย่างติดๆ ขัดๆ “คุณอันเดรวิชบอกว่า ถ้าสักวันหนึ่งคุณได้ไปที่บ้านเกิดของเขา เขาจะนำขนมปังอย่างดีที่สุดและเกลือที่รสชาติเยี่ยมที่สุดมาต้อนรับคุณนะ!”

“ดี ต่อไปถ้ามีโอกาสฉันต้องไปแน่นอน ตาแก่อย่างฉันก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่า กล้ามเนื้ออย่างมันนี่ต้องฝึกยังไงถึงจะมีขึ้นมาได้!”

หูหงเต๋อหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง ช่วงที่เขาอยู่บนภูเขาฉางไป๋ซานก็เคยพบปะกับคนรัสเซียอยู่บ่อยครั้ง จึงรู้ว่าคนรัสเซียนั้น มีแต่เวลารับรองแขกผู้มีเกียรติสูงสุดเท่านั้น ถึงจะต้อนรับด้วยขนมปังและเกลือ ซึ่งนี่ก็เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาหลายศตวรรษแล้ว

หูหงเต๋อมองไปที่อันเดรวิชซึ่งลุกขึ้นมาแล้ว “อ้อใช่ กลับไปนอนอยู่เฉยๆ สักเดือนนึงนะ อย่าเคลื่อนไหวอะไรหนักๆ ไม่อย่างนั้นแผลแกคงหายยากแล้วละ”

ภาษิตว่า เอ็นเจ็บกระดูกสะเทือนต้องรักษาร้อยวัน แต่อาการบาดเจ็บภายในของอันเดรวิชยังสาหัสยิ่งกว่านั้นอีก ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น สงสัยคงจะถูกหูหงเต๋อเตะตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว และก็มีแต่มนุษย์ที่พิลึกพิลั่นอย่างอันเดรวิชนี่แหละที่ยังเดินเหินได้อยู่หลังจากได้รับบาดเจ็บ

หลังจากกำชับอันเดรวิชเสร็จ หูหงเต๋อก็พลันมองไปทางเยี่ยเทียนแล้วยิ้มแย้ม “เยี่ยเทียน ฉันรู้สึกถูกชะตากับไอ้หมอนี่น่ะ ขอยารักษาอาการบาดเจ็บหน่อยสิ”

ในช่วงเวลาหลายวันที่อยู่ในเมืองหลวงนี้ หูหงเต๋อรู้มาว่าท่านลุงโก่วซินเจียใช้โสมป่าที่เขานำมาให้ ไปผลิตยาเม็ดสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บทั้งภายในและภายนอกได้จำนวนไม่น้อย และเขายังรู้ด้วยว่าตอนนี้เยี่ยเทียนก็พกยานี้ติดตัวอยู่

“ยานี่ขนาดผมเองยังไม่เคยใช้เลยด้วยซ้ำ คุณดันจะเอาไปใช้กระชับไมตรีเฉยเลยหรือ?”

เยี่ยเทียนขึงตาใส่หูหงเต๋ออย่างเคืองๆ มองไปทางอันเดรวิช แล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษว่า “อ้าปากซิ!”

ในฐานะที่เป็นอดีตทหารกองกำลังพิเศษคนหนึ่ง ทักษะการฟังและพูดภาษาอังกฤษของอันเดรวิชจึงไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว หลังจากได้ยินเยี่ยเทียนบอก ก็เลยเผลออ้าปากโดยไม่ทันคิดอะไร ขณะเดียวกันกับที่เขาอ้าปากออก วัตถุขนาดเท่าถั่วเหลืองเม็ดหนึ่งก็ถูกดีดเข้ามาในปากของเขา

อันเดรวิชยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ ทันใดนั้นมือข้างหนึ่งก็ยื่นมาที่คางของเขาปานสายฟ้าแลบ แล้วดันคางขึ้นเบาๆ ให้ปากปิดลง ส่วนยาเม็ดนั้นก็ไหลตามลำคอลงไปในท้อง

อันเดรวิชมองไปทางเยี่ยเทียนอย่างสงสัย เขาไม่รู้ว่า ชายหนุ่มคนนี้ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันแน่ แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในทรวงอกและช่องท้อง ความเจ็บปวดก็ทุเลาลงไปมาก

“ขอบคุณนะ ประเทศจีนนี่ช่างเป็นประเทศที่ลี้ลับจริงๆ เลย!” ต่อให้อันเดรวิชโง่เขลายิ่งกว่านี้ ก็ต้องดูออกว่าเยี่ยเทียนไม่ได้มีเจตนาร้ายเลย สิ่งที่เพิ่งจะกลืนลงท้องไปนั้น เขาก็ได้แต่บรรยายด้วยคำว่าลี้ลับเท่านั้น

เพียงแต่อันเดรวิชไม่รู้ว่า ยาเม็ดที่เยี่ยเทียนให้เขารับประทานลงไปนั้น โก่วซินเจียต้องรวบรวมตัวยาล้ำค่ามาสารพัดอย่างเพื่อปรุงหลอมขึ้นมา ไม่เพียงสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของอันเดรวิชได้เท่านั้น แต่ยังมีสรรพคุณในการสลายพิษภัยที่เหลือค้างอยู่ในร่างกายของเขาตั้งแต่อดีตอีกด้วย

“กลับรัสเซียไปเถอะ วันหลังเราอาจจะได้เจอกันอีกก็ได้นะ!”

เยี่ยเทียนยังไม่เคยดูโหงวเฮ้งให้คนต่างชาติมาก่อน เมื่อครู่นี้เขาสังเกตดูลักษณะใบหน้าของอันเดรวิชไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และพบว่าต่อไปคนผู้นี้จะได้มาข้องเกี่ยวกับตัวเองอีก แต่รายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น เยี่ยเทียนก็ไม่อาจทำนายออกมาได้

“เยี่ยเทียน ที่แท้คุณก็เป็นวิทยายุทธด้วยรึ?”

หลังจากอันเดรวิชไปแล้ว จู้เหวยเฟิงก็มองไปที่เยี่ยเทียนด้วยสีหน้าประหลาดใจ ถึงความสามารถในการต่อสู้ของเขาจะมีอยู่อย่างจำกัด แต่สายตากลับแหลมคมอย่างร้ายกาจ เพียงดูจากการเคลื่อนไหวของเยี่ยเทียนตอนที่ยื่นมือไปหุบปากอันเดรวิช ก็พอจะประเมินระดับของเขาออกแล้ว

“ฮ่ะๆ สมัยเด็กเคยฝึกมั่วๆ อยู่ไม่กี่ท่าน่ะ เทียบกับประธานจู้แล้วสู้ไม่ได้หรอกครับ!” เยี่ยเทียนหัวเราะพลางส่ายหน้า แล้วพูดต่อไปว่า “เหล่าหูก็เหนื่อยแล้ว คงต้องกลับไปพักผ่อนแล้วละ วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีไหม?”

การประลองมวยใต้ดินในวันนี้ ก็ทำให้เยี่ยเทียนได้เปิดประสบการณ์มากพอแล้ว ความแข็งแกร่งของอันเดรวิชนั้นอยู่เหนือกว่าจินตนาการของเขาเสียอีก แต่ก็พลอยทำให้เขาหมดความสนใจต่อการประลองรอบต่อๆ ไปอีกด้วย

……