ตอนที่ 355 ไม่อยากแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก

เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1]

สายตาของเป่ยเฉินอี้และกูเยว่อู๋เหินมองไปที่เยี่ยเม่ย ในความเป็นจริงแล้วจากความเข้าใจในตัวเยี่ยเม่ย นางไม่สมควรสนใจงานแต่งงานของหลินซูเหย่า พวกเขารู้สึกแปลกใจนักที่นางมาร่วมงาน

 

 

อีกอย่าง…

 

 

เช้าวันนี้พวกเขาได้ฟังข่าวลือระหว่างมู่หรงเหยาฉือกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน อยากรู้จริงๆ ว่าเยี่ยเม่ยมีปฏิกิริยาตอบรับกับเรื่องนี้อย่างไร

 

 

แต่คิดไม่ถึงว่าเยี่ยเม่ยที่ได้พบในเวลานี้ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย คล้ายกับเรื่องเมื่อเช้าไม่สร้างผลกระทบอันใดกับนางทั้งนั้น

 

 

หลินซูเหย่าเดินมาตรงหน้าเยี่ยเม่ย ชะงักไปเล็กน้อย

 

 

นางแย้มยิ้มมองเยี่ยเม่ย

 

 

เจ้าเมืองหลินพลันตื่นเต้นขึ้นมา ตอนนี้มีแขกเหรื่อจำนวนมาก เขากังวลว่าบุตรสาวจะเอ่ยความจริงในใจ ทำให้คนทั้งหมดรู้ว่านางชอบจิ่วหุน ไม่ใช่สามีในอนาคตของตน

 

 

หากเป็นเช่นนี้ เมื่อข่าวแพร่ไปถึงบ้านสามี วันเวลาในภายหน้าของหลินซูเหย่าคงลำบากลำบนแล้ว

 

 

แต่หลินซูเหย่าไม่ใช่คนโง่งม นางยังพอรู้จักขอบเขตอยู่บ้าง

 

 

นางมองเยี่ยเม่ย ใช้สายตาประเมินอีกฝ่ายในที่สุดก็คลี่ยิ้มออกมา เอ่ยปากว่า “แม่นางเยี่ยเม่ย วันนี้เป็นวันแต่งงานของข้า นับตั้งแต่นี้ไปข้าก็เชื่อฟังสามีอบรมสั่งสอนบุตรธิดา เห็นเกียรติยศและความอัปยศของสามีเป็นเสมือนเกียรติยศและความอัปยศของตัวเอง แต่ความจริงแล้ว ข้าอิจฉาสตรีอย่างท่านที่ทุกคนต่างก็เคารพ!”

 

 

เยี่ยเม่ยชะงักไปเล็กน้อย เอ่ย “ความนอบน้อมถ่อมตนทำให้ผู้อื่นรู้สึกดี ด้วยความพยายามจะได้การเคารพจากผู้คน”

 

 

ความเคารพเลื่อมใสที่นางได้รับ ล้วนเป็นความพยามตลอดเวลาหลายปีของนาง นางใช้เวลาวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่าฝึกฝนการสังหารคน ศึกษาตำราพัฒนาความรู้ ประลองปัญญากับยอดฝีมือเพื่อดึงความสามารถที่หลบซ่อนไว้ออกมา

 

 

ดังนั้นสิ่งเหล่านี้หาได้มาโดยเปล่าๆ นางย่อมเอ่ยประโยคนี้ออกมาได้

 

 

นางตอบเช่นนี้ คนในพิธีต่างก็ขบคิด

 

 

สีหน้าของเป่ยเฉินอี้และกูเยว่อู๋เหินยิ่งทวีความล้ำลึก ฝ่ายเป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่เพิ่งเดินเข้ามาได้ยินประโยคนี้พอดี

 

 

สายตาเขามองเยี่ยเม่ย

 

 

ส่วนเยี่ยเม่ยที่นั่งอยู่ข้างกูเยว่อู๋เหินหาได้มองเขา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนถอนสายตากลับไปหาที่นั่ง

 

 

หลินซูเหย่าฟังแล้ว เงียบอยู่ครู่หนึ่ง มุ่นคิ้วถาม “ความหมายของท่านคือ หากข้ายอมพยายาม ต้องมีสักวันหนึ่งที่ข้าเป็นเช่นท่านอย่างนั้นหรือ”

 

 

“ถึงแม้ความพยายามอาจไม่ใช่ว่าจะสำเร็จทุกครั้ง แต่…” เยี่ยเม่ยมองนาง ยกยิ้มมุมปาก “ขอเพียงเป็นคนมุ่งมั่นมานะก็จะไม่ถูกชะตาชีวิตทำร้ายได้โดยง่าย!”

 

 

นางเอ่ย แล้วกล่าวนิ่งๆ ต่อว่า “ทุกคนต่างก็มีแสงสว่างในตนเองที่ต่างกัน ไม่มีใครเกิดมาก็ถูกกำหนดให้ธรรมดาเรียบง่าย จุดเด่นของเจ้า บางทีเจ้าอาจได้พบมันในอนาคต ไม่ว่าจะพบเมื่อไรก็ไม่เรียกว่าสายไป”

 

 

ใต้หล้านี้มีอัจฉริยะหรือไม่

 

 

มี!

 

 

แต่คนที่เพียบพร้อมกลับต่างจากอัจฉริยะลิบลับ คนที่ไม่ใช่อัจฉริยะอาศัยความมุ่งมั่นตั้งใจจนกลายเป็นคนเพียบพร้อมก็มีไม่น้อย ส่วนอัจฉริยะที่ตกต่ำ ไม่ฝึกปรือความสามารถของตน ใช้ชีวิตไปวันๆ ก็เป็นแค่คนธรรมดาษดื่นทั่วไปเท่านั้น

 

 

ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดของคน สุดท้ายแล้วก็คือความพยายาม

 

 

“ข้าเข้าใจแล้ว!” หลังจากหลินซูเหย่าใคร่ครวญอย่างละเอียดครู่หนึ่ง นางมองเยี่ยเม่ยด้วยแววตาตื่นเต้น”ขอบคุณท่านที่ไม่ใส่ใจเรื่องในอดีต ชี้แนะข้าเช่นนี้! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ามีความคิดตื้นเขินหนึ่งที่คิดบอกกับท่าน!”

 

 

เยี่ยเม่ยพยักหน้า ตอบรับ “เจ้าพูดมา!”

 

 

เมื่อนางตกลง หลินซูเหย่าก็กระซิบที่ข้างหูเยี่ยเม่ย แววตาเยี่ยเม่ยคมกริบขึ้นมา จากนั้นก็กวาดตามองไปยังเหล่าบุรุษที่กำลังภายในล้ำลึกที่สุดในที่แห่งนี้

 

 

ดวงตาฉายแววตักเตือนให้พวกเขาเก็บงำกำลังภายในอย่าคิดแอบฟัง

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยน กูเยว่อู๋เหินและเป่ยเฉินอี้ต่างก็เป็นบุรุษที่มีอากัปกิริยามารยาทพอ คำพูดส่วนตัวของสตรี พวกเขาย่อมไม่กล้าแอบฟัง ดังนั้นจึงปิดกลั้นกำลังภายใน มองไปที่อื่นแทน

 

 

ส่วนหลินซูเหย่าก็กระซิบกระซาบข้างหูเยี่ยเม่ยเบาๆ “ท่านรู้ไหม คนที่แต่งงานให้กับชายที่ไม่ได้รักอย่างข้าช่างน่าเศร้านัก ข้ารู้สึกว่าชีวิตข้าคงจบสิ้นแล้ว ไม่มีโอกาสให้รอคอยต่อไปอีก แม่นางเยี่ยเม่ย ข้าอยากบอกท่านว่า ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร จงอย่าแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเหมือนอย่างข้า อย่าทำเด็ดขาด!”

 

 

เมื่อเอ่ยจบ แววตาของเยี่ยเม่ยพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลินซูเหย่าถอยร่นออกไป

 

 

เยี่ยเม่ยยอมเอ่ยคำพูดพวกนั้นกับนางก็พิสูจน์แล้วว่า เยี่ยเม่ยเป็นคนดี คนที่เอาความกับนางเมื่อก่อน หลินซูเหย่า ไม่อยากเห็นวันหนึ่งวันใดที่ชีวิตของเยี่ยเม่ยเป็นเช่นนี้ ก้าวไปสู่ความโชคร้าย

 

 

หางตาของนางมีน้ำตาคลออยู่ในผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดง ยืนตรงสงบนิ่งภายใต้การประคองของสาวใช้เดินออกนอกประตูไป คล้ายกำลังประกอบพิธีการหนึ่งให้เสร็จสิ้น

 

 

คนจำนวนไม่น้อยหลงคิดว่านางไม่อยากแต่งออกไป ไม่อยากห่างผู้เป็นบิดา ดังนั้นจึงร้องไห้ ส่วนความรู้สึกเป็นทางการนั้น ล้วนเป็นเพราะชั่วชีวิตของสตรีแต่งงานได้แค่ครั้งเดียว

 

 

แต่เยี่ยเม่ยดูออก น้ำตาหยาดนี้ หลินซูเหย่าหลั่งให้กับชีวิตอันน่าเศร้าของตน ใช้ความเป็นทางการเพื่อบูชาความรัก

 

 

ขบวนส่งเจ้าสาวเดินทางออกไปเช่นนี้

 

 

เยี่ยเม่ยลุกขึ้นไปส่งหลินซูเหย่าที่หน้าประตูอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว มองเจ้าบ่าวที่มารับจับมือหลินซูเหย่าไว้ เยี่ยเม่ยก็เดินตามขบวนส่งเจ้าสาวไปไกล

 

 

คนทั้งหลายไม่รู้ว่าหลินซูเหย่าเอ่ยวาจาอันใดกับเยี่ยเม่ย แต่ว่าจากปฏิกิริยาตอบรับของเยี่ยเม่ยเวลานี้ ทุกคนต่างเข้าใจว่าคำพูดของหลินซูเหย่าต้องส่งผลกับเยี่ยเม่ยไม่น้อย

 

 

เพราะการกระทำของเยี่ยเม่ยในเวลานี้แปลกจากปกติ สีหน้าของนางดูไม่สงบ

 

 

รอจนขบวนส่งหลินซูเหย่าจากไปไกลแล้ว

 

 

ซือหม่าหรุ่ยก้าวออกมา ถามนางเสียงเบาว่า “เจ้าเป็นอะไรไปแล้ว ไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้าดูไม่สงบเอาเสียเลย หรือว่านางขู่เจ้า”

 

 

“เปล่า!”

 

 

เยี่ยเม่ยส่ายหน้ามองซือหม่าหรุ่ย “ข้าไม่เป็นไร อีกอย่าง…นางไม่ได้ข่มขู่ข้า ทั้งไม่เพียงไม่ขู่ข้า บางทีนางอาจเอาสิ่งที่ชีวิตนางตกผลึกได้มาบอกข้าด้วยซ้ำไป”

 

 

คำพูดเหล่านั้นของหลินซูเหย่า คงหวังจากใจจริงว่าเยี่ยเม่ยจะไม่เป็นเหมือนนางในตอนนี้ที่ไม่มีความสุข

 

 

ซือหม่าหรุ่ยเห็นสายตาเยี่ยเม่ยยังมองไปยังทิศทางที่หลินซูเหย่าจากไป ก็ไม่ถามอีก

 

 

เป่ยเฉินอี้จ้องมองเยี่ยเม่ยอย่างใช้ความคิด คำพูดหลินซูเหย่าย่อมไม่ธรรมดาแน่

 

 

“กลับกันเถอะ!”

 

 

เยี่ยเม่ยหันกลับมา

 

 

ในเวลานี้มู่หรงเหยาฉือปรากฏกาย ด้านหลังของนางคือไฉ่ซังที่ติดตามมา แสดงท่าทางเสียดายเอ่ยว่า “ขบวนของแม่นางหลินออกเดินทางแล้วหรือ เดิมทีข้าคิดมาส่งขบวนเจ้าสาว คิดไม่ถึงเลย…”

 

 

ซือหม่าหรุ่ยไม่พอใจสตรีนางนี้เพราะข่าวลือในตอนเช้า จึงเอ่ยปากว่า “หากคิดจะร่วมงานแต่งงานผู้อื่นจริง ก็ควรมาแต่เช้าถึงจะถูก! ผู้อื่นจากไปตั้งไกลแล้ว ไม่รู้จักมารยาทเสียเลย ไม่รู้เล่นละครให้ใครชมกัน!”

 

 

มู่หรงเหยาฉือฟังแล้วโมโหจนกำหมัดแน่น กลับมองเยี่ยเม่ย จงใจแสดงออกอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ยังไม่ใช่เพราะเมื่อคืนอยู่เป็นเพื่อนองค์ชายสี่…ต้องลมเย็นจนเป็นหวัด เมื่อครู่เพิ่งกินยาแล้วออกมา!”