เมื่อมู่หรงเหยาฉือเอ่ยมาถึงตรงนี้ นางทำท่าราวกับกลัวจะทำให้ใครเข้าใจผิด จึงรีบเสริมขึ้นว่า “ทุกท่านอย่าได้เข้าใจผิดไป ข้าแค่ดื่มสุราเป็นเพื่อนองค์ชายสี่เท่านั้น หาได้เกิดเรื่องอันใดขึ้น!”
นางแก้ต่างเช่นนี้ไม่ผิดเลยสักน้อย
อวี้เหว่ยเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าสตรีนางนี้จะเถรตรงนัก เอ่ยว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขายังหลงคิดว่ามู่หรงเหยาฉือจะฉวยโอกาสที่ตัวเสื่อมชื่อเสียง เรียกร้องให้เตี้ยนเซี่ยรับผิดชอบ
ทว่าเยี่ยเม่ยรู้ทัน มู่หรงเหยาฉือจงใจเอ่ยเช่นนี้ให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟัง
เพื่อให้เขาเข้าใจว่ามู่หรงเหยาฉือหาได้จงใจแพร่ข่าวออกไป บังคับให้เขารับผิดชอบนาง แต่ว่าชายหญิงอยู่ด้วยกันตามลำพังทั้งคืน บอกว่าเป็นเพื่อนดื่มสุรา พูดออกมาแล้วใครจะเชื่อกันเล่า
ดังนั้นต่อให้นางแก้ต่างเช่นนี้ บรรดาคนที่เข้าใจผิดไปแล้วก็ยังคงเข้าใจเหมือนเดิม
ซ้ำยังรู้สึกว่าคำอธิบายของมู่หรงเหยาฉือคือการกลบเกลื่อนความผิด ทั้งพิสูจน์แล้วว่าเมื่อคืนพวกเขาอยู่ด้วยกันจริง ๆ
สายตาของผู้ชมทั้งหลายในยามนี้ส่อแววคลุมเครือชนิดหนึ่ง
ดังนั้นอันที่จริงแล้วมู่หรงเหยาฉือคงมาเพื่อโอ้อวด!
ในเวลานี้เซียวเยว่ชิงก็วิ่งลุกลี้ลุกลนเข้ามา แล้วเอ่ยปากว่า “เกิดเรื่องแล้ว ราชาต้ามั่วนำทัพเข้ามาโจมตี!”
“มาก็ดี!”
เยี่ยเม่ยตอบรับ นางเดินตรงออกไปด้านนอกโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น
อีกทั้งอารมณ์ยังดีขึ้นเพราะเรื่องนี้ จิวมั่วเหอไม่ทำให้ผิดหวังเลย ขอเพียงเขาโน้มน้าวให้ราชาต้ามั่วนำทัพด้วยตัวเอง เมื่อกำจัดราชาต้ามั่วแล้ว ทุกอย่างก็จัดการได้โดยง่าย
ส่วนคำพูดเหลวไหลทั้งหลายของมู่หรงเหยาฉือ นางไม่ว่างใส่ใจอีก
คนทั้งหลายต่างคิดว่าจะได้ชมละครฉากใหญ่ คิดไม่ถึงว่าในสายตาของเยี่ยเม่ยมีแต่งาน ไม่ใส่ใจเรื่องนี้สักน้อยนิด ได้ยินเรื่องการศึกก็เดินออกไปโดยไม่เหลือบแลมู่หรงเหยาฉือเลยสักน้อย
เสี้ยววินาทีนี้มู่หรงเหยาฉือหลงคิดว่าตัวเองมองอะไรผิดไปหรือเปล่า
เยี่ยเม่ยผู้นี้ไม่ใส่ใจเลยสักนิดหรือ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเห็นภาพนี้กลับไม่รู้สึกเกินคาดหมาย มู่หรงเหยาฉือคิดอะไรเขาเข้าใจแจ่มแจ้ง ที่เขาไม่แก้ต่างทันทีเพราะยังคงมีเจตนาอยากเห็นว่าเยี่ยเม่ยมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้อย่างไร
หากมีปฏิกิริยาจริงๆ ก็ต้องขอบคุณที่มู่หรงเหยาฉือรนหาที่ตายแล้ว
แต่ว่านางไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย
ทันทีที่ได้ยินว่าราชาต้ามั่วนำทัพมา ก็ออกไปรับศึกอย่างยินดีคล้ายกำลังบอกเขาว่า ในสายตานางเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่นับเป็นตัวอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าเขาจะทำเรื่องอันใดกับสตรีอื่น นางก็ไม่ใส่ใจ
ยามนี้กูเยว่อู๋เหินปรายตามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนทีหนึ่ง
สีหน้ายังคงเรียบเฉยไม่เปลี่ยน ทว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองเห็นแววท้าทายอย่างชัดเจน องค์ชายสี่หรี่ดวงตาคู่ร้าย กำหมัดแน่น คิดถึงสายตาเตือนไม่ให้เขาลงมือกับกูเยว่อู๋เหินของเยี่ยเม่ย สุดท้ายเขาก็ยังทนได้
กูเยว่อู๋เหินติดตามเยี่ยเม่ยไปโดยพลัน
ในทางกลับกันเป่ยเฉินอี้กลับห้องของตนเอง เขาคาดเดาผลของศึกครั้งนี้ได้นานแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องตามไปชม
ราชาต้ามั่วต้องตายอย่างมิต้องสงสัย
เหล่าทหารเมื่อเห็นสถานการณ์ต่างก็แยกย้ายกลับเข้าเมือง
ส่วนมู่หรงเหยาฉือยังยืนประดักประเดิดอยู่ที่นี้
ซือหม่าหรุ่ยหัวเราะเย็นชาคำหนึ่ง อดมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่ได้ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรว่า “ต่อหน้าเยี่ยเม่ยเสแสร้งได้เก่งนัก ข้าหลงคิดว่าท่านจริงใจกับนาง คิดไม่ถึงเลยว่าเพิ่งผ่านไปสองวัน ก็ไปอยู่กับสตรีนางนี้เสียแล้ว!”
คิดถึงสภาพเสียใจของเยี่ยเม่ยยามที่ตัดสัมพันธ์กับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ซือหม่าหรุ่ยก็ยิ่งโมโห
ดูท่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนคงมิได้จริงจัง! เยี่ยเม่ยโทษตัวเองเสียเปล่า
นางเอ่ยเช่นนี้ อวี้เหว่ยพลันอยู่สึกไม่ยินยอม โพล่งออกไปอย่างอดรนทนไม่ได้ “อย่าพูดจาให้ดูแย่นัก! เจ้าเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า แม่นางเยี่ยเม่ยของพวกเจ้าเป็นฝ่ายตัดความสัมพันธ์กับเตี้ยนเซี่ย ซ้ำยังยอมรับด้วยตัวเองว่านางหลอกใช้เตี้ยนเซี่ย อาศัยอะไรนางถึงทำเช่นนี้ได้”
เมื่อเอ่ยถึงยามนี้ อวี้เหว่ยยิ่งเกิดโทสะกัดฟันกล่าวว่า “นางอาศัยที่เตี้ยนเซี่ยชอบนางถึงทำเช่นนี้มิใช่หรือหากไม่ใช่เตี้ยนเซี่ยปล่อยวางนางไม่ได้ สตรีที่ล้อเล่นกับความรู้สึกเช่นนี้ สมควรถูกบีบคอตายไปนานแล้วถึงจะถูก!”
อวี้เหว่ยทนอดมาหลายวันแล้ว สรุปแล้วนี่มันเรื่องผีสางอะไรกัน!
ตอนหลอกใช้เตี้ยนเซี่ยก็อยู่กับเตี้ยนเซี่ย
พูดว่าจะเลิกก็เลิกเลย เตี้ยนเซี่ยทิ้งศักดิ์ศรีไปขอร้องนาง แล้วแลกกับอะไรกลับมาเล่า สิ่งที่ได้มาคือคำสบประมาทของนาง
สุดท้ายยังพากูเยว่อู๋เหินเข้ามาในเมือง บอกว่าตัวเองเปลี่ยนใจรักคนอื่นแล้ว ซ้ำยังทำตัวสนิทสนมกันต่อหน้าเตี้ยนเซี่ย
การแสดงออกของเยี่ยเม่ยช่วงนี้ต่างหากที่เป็นต้นแบบของสตรีจอมวายร้ายไม่ใช่หรืออย่างไร
เตี้ยนเซี่ยก็แค่ดื่มสุราหลับอยู่หน้าประตูห้องตัวเอง เพื่อหว่านล้อมให้เยี่ยเม่ยกลับมา ถึงได้ถามคำถามมู่หรงเหยาฉือไม่กี่คำ ก็กลายเป็นทำตัวชั่วร้ายเสแสร้งแกล้งทำไปแล้วหรือ
เตี้ยนเซี่ยจำมู่หรงเหยาฉือไม่ได้เสียด้วยซ้ำ ในตอนนี้จะรู้ได้อย่างไรว่าสตรีนางนี้แสดงละครได้เก่งนัก? !
อวี้เหว่ยยิ่งคิดยิ่งโมโห รู้สึกว่าเตี้ยนเซี่ยทำไปไม่คุ้มค่าเลย
เขาตีหน้าถมึงทึงมองซือหม่าหรุ่ย “ข้าไม่เข้าใจมุมมองความรักของสตรีอย่างพวกเจ้าเลยจริงๆ ว่าเป็นอย่างไร หลอกลวงผู้ชายเหมือนตัวโง่งม หลอกใช้งานเหมือนเป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่ง ใช้งานแล้วก็เฉดหัวส่ง ซ้ำยังดูหมิ่นดูแคลน เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังขอให้บุรุษรักษาความบริสุทธิ์ประดุจหยกเพื่อพวกเจ้าถึงนับว่าเป็นความจริงใจ หากเตี้ยนเซี่ยไม่มีอะไรกับนางหรือเกิดอะไรขึ้นก็ตามพวกเจ้ามีคุณสมบัติไถ่ถามหรือไง มีหรือไม่”
อวี้เหว่ยโมโหจนแทบระเบิดแล้ว
เขาติดตามเตี้ยนเซี่ยมาหลายปี ไม่เคยเห็นเตี้ยนเซี่ยถูกใครทำร้ายมาก่อน ที่น่าโมโหที่สุดคือพวกเขายังไม่ด่าว่าเยี่ยเม่ยเป็นนางสตรีชั่วร้ายล้อเล่นกับความรัก พวกนางกลับด่าว่าเตี้ยนเซี่ยไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว
มู่หรงเหยาฉือยืนอยู่ด้านข้าง ถูกด่าว่าเป็นพวกช่างแสดงละคร สีหน้าพลันเปลี่ยนไปไม่น่ามอง
เสี่ยวกวนอดไม่ไหว เอ่ยปากว่า “แม่นางเยี่ยเม่ยของพวกเจ้าคิดตัดสัมพันธ์กับเตี้ยนเซี่ย ในเมื่อไม่เกี่ยวข้องกันแล้วยังจะมาคาดโทษเตี้ยนเซี่ยอีกทำไม”
เขาไม่เข้าใจเลยว่าสตรีเป็นอะไรกันไปหมดแล้ว
บุรุษต้องทำอย่างไรถึงเรียกว่าจริงใจ
ซือหม่าหรุ่ยฟังคำของพวกเขา ใบหน้านางแดงสลับซีดขาว ไม่ผิดเลย อันที่จริงเยี่ยเม่ยเป็นฝ่ายผิดก่อน หากพูดตามเหตุผล ต่อให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนแต่งงานกับมู่หรงเหยาฉือตามขนบธรรมเนียม พวกนางก็ไม่มีสิทธิพูดอะไร
นางก็แค่โมโหไปชั่ววูบ ดังนั้นอดใจไม่ไหว
อย่างไรเสียนางก็รู้ว่าเยี่ยเม่ยไม่มีทางเลือกถึงต้องตัดขาดกับเขา
แต่นางลืมไปว่าคนตรงหน้าพวกนี้ไม่รู้เรื่อง
จากนั้น
สิ่งที่ซือหม่าหรุ่ยคิดไม่ถึงคือ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่ยืนเงียบมาโดยตลอด เมื่อฟังอวี้เหว่ยพูดเช่นนี้ก็ไม่ขัด ยามนี้สายตาของเขามองมาที่นาง น้ำเสียงน่าฟัง ค่อย ๆ เอ่ยว่า…