ตอนที่ 356 อาศัยอะไรมาคาดโทษเตี้ยนเซี่ย

เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1]

เมื่อมู่หรงเหยาฉือเอ่ยมาถึงตรงนี้ นางทำท่าราวกับกลัวจะทำให้ใครเข้าใจผิด จึงรีบเสริมขึ้นว่า “ทุกท่านอย่าได้เข้าใจผิดไป ข้าแค่ดื่มสุราเป็นเพื่อนองค์ชายสี่เท่านั้น หาได้เกิดเรื่องอันใดขึ้น!”

 

 

นางแก้ต่างเช่นนี้ไม่ผิดเลยสักน้อย

 

 

อวี้เหว่ยเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าสตรีนางนี้จะเถรตรงนัก เอ่ยว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขายังหลงคิดว่ามู่หรงเหยาฉือจะฉวยโอกาสที่ตัวเสื่อมชื่อเสียง เรียกร้องให้เตี้ยนเซี่ยรับผิดชอบ

 

 

ทว่าเยี่ยเม่ยรู้ทัน มู่หรงเหยาฉือจงใจเอ่ยเช่นนี้ให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟัง

 

 

เพื่อให้เขาเข้าใจว่ามู่หรงเหยาฉือหาได้จงใจแพร่ข่าวออกไป บังคับให้เขารับผิดชอบนาง แต่ว่าชายหญิงอยู่ด้วยกันตามลำพังทั้งคืน บอกว่าเป็นเพื่อนดื่มสุรา พูดออกมาแล้วใครจะเชื่อกันเล่า

 

 

ดังนั้นต่อให้นางแก้ต่างเช่นนี้ บรรดาคนที่เข้าใจผิดไปแล้วก็ยังคงเข้าใจเหมือนเดิม

 

 

ซ้ำยังรู้สึกว่าคำอธิบายของมู่หรงเหยาฉือคือการกลบเกลื่อนความผิด ทั้งพิสูจน์แล้วว่าเมื่อคืนพวกเขาอยู่ด้วยกันจริง ๆ

 

 

สายตาของผู้ชมทั้งหลายในยามนี้ส่อแววคลุมเครือชนิดหนึ่ง

 

 

ดังนั้นอันที่จริงแล้วมู่หรงเหยาฉือคงมาเพื่อโอ้อวด!

 

 

ในเวลานี้เซียวเยว่ชิงก็วิ่งลุกลี้ลุกลนเข้ามา แล้วเอ่ยปากว่า “เกิดเรื่องแล้ว ราชาต้ามั่วนำทัพเข้ามาโจมตี!”

 

 

“มาก็ดี!”

 

 

เยี่ยเม่ยตอบรับ นางเดินตรงออกไปด้านนอกโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น

 

 

อีกทั้งอารมณ์ยังดีขึ้นเพราะเรื่องนี้ จิวมั่วเหอไม่ทำให้ผิดหวังเลย ขอเพียงเขาโน้มน้าวให้ราชาต้ามั่วนำทัพด้วยตัวเอง เมื่อกำจัดราชาต้ามั่วแล้ว ทุกอย่างก็จัดการได้โดยง่าย

 

 

ส่วนคำพูดเหลวไหลทั้งหลายของมู่หรงเหยาฉือ นางไม่ว่างใส่ใจอีก

 

 

คนทั้งหลายต่างคิดว่าจะได้ชมละครฉากใหญ่ คิดไม่ถึงว่าในสายตาของเยี่ยเม่ยมีแต่งาน ไม่ใส่ใจเรื่องนี้สักน้อยนิด ได้ยินเรื่องการศึกก็เดินออกไปโดยไม่เหลือบแลมู่หรงเหยาฉือเลยสักน้อย

 

 

เสี้ยววินาทีนี้มู่หรงเหยาฉือหลงคิดว่าตัวเองมองอะไรผิดไปหรือเปล่า

 

 

เยี่ยเม่ยผู้นี้ไม่ใส่ใจเลยสักนิดหรือ

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเห็นภาพนี้กลับไม่รู้สึกเกินคาดหมาย มู่หรงเหยาฉือคิดอะไรเขาเข้าใจแจ่มแจ้ง ที่เขาไม่แก้ต่างทันทีเพราะยังคงมีเจตนาอยากเห็นว่าเยี่ยเม่ยมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้อย่างไร

 

 

หากมีปฏิกิริยาจริงๆ ก็ต้องขอบคุณที่มู่หรงเหยาฉือรนหาที่ตายแล้ว

 

 

แต่ว่านางไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย

 

 

ทันทีที่ได้ยินว่าราชาต้ามั่วนำทัพมา ก็ออกไปรับศึกอย่างยินดีคล้ายกำลังบอกเขาว่า ในสายตานางเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่นับเป็นตัวอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าเขาจะทำเรื่องอันใดกับสตรีอื่น นางก็ไม่ใส่ใจ

 

 

ยามนี้กูเยว่อู๋เหินปรายตามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนทีหนึ่ง

 

 

สีหน้ายังคงเรียบเฉยไม่เปลี่ยน ทว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองเห็นแววท้าทายอย่างชัดเจน องค์ชายสี่หรี่ดวงตาคู่ร้าย กำหมัดแน่น คิดถึงสายตาเตือนไม่ให้เขาลงมือกับกูเยว่อู๋เหินของเยี่ยเม่ย สุดท้ายเขาก็ยังทนได้

 

 

กูเยว่อู๋เหินติดตามเยี่ยเม่ยไปโดยพลัน

 

 

ในทางกลับกันเป่ยเฉินอี้กลับห้องของตนเอง เขาคาดเดาผลของศึกครั้งนี้ได้นานแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องตามไปชม

 

 

ราชาต้ามั่วต้องตายอย่างมิต้องสงสัย

 

 

เหล่าทหารเมื่อเห็นสถานการณ์ต่างก็แยกย้ายกลับเข้าเมือง

 

 

ส่วนมู่หรงเหยาฉือยังยืนประดักประเดิดอยู่ที่นี้

 

 

ซือหม่าหรุ่ยหัวเราะเย็นชาคำหนึ่ง อดมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่ได้ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรว่า “ต่อหน้าเยี่ยเม่ยเสแสร้งได้เก่งนัก ข้าหลงคิดว่าท่านจริงใจกับนาง คิดไม่ถึงเลยว่าเพิ่งผ่านไปสองวัน ก็ไปอยู่กับสตรีนางนี้เสียแล้ว!”

 

 

คิดถึงสภาพเสียใจของเยี่ยเม่ยยามที่ตัดสัมพันธ์กับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ซือหม่าหรุ่ยก็ยิ่งโมโห

 

 

ดูท่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนคงมิได้จริงจัง! เยี่ยเม่ยโทษตัวเองเสียเปล่า

 

 

นางเอ่ยเช่นนี้ อวี้เหว่ยพลันอยู่สึกไม่ยินยอม โพล่งออกไปอย่างอดรนทนไม่ได้ “อย่าพูดจาให้ดูแย่นัก! เจ้าเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า แม่นางเยี่ยเม่ยของพวกเจ้าเป็นฝ่ายตัดความสัมพันธ์กับเตี้ยนเซี่ย ซ้ำยังยอมรับด้วยตัวเองว่านางหลอกใช้เตี้ยนเซี่ย อาศัยอะไรนางถึงทำเช่นนี้ได้”

 

 

เมื่อเอ่ยถึงยามนี้ อวี้เหว่ยยิ่งเกิดโทสะกัดฟันกล่าวว่า “นางอาศัยที่เตี้ยนเซี่ยชอบนางถึงทำเช่นนี้มิใช่หรือหากไม่ใช่เตี้ยนเซี่ยปล่อยวางนางไม่ได้ สตรีที่ล้อเล่นกับความรู้สึกเช่นนี้ สมควรถูกบีบคอตายไปนานแล้วถึงจะถูก!”

 

 

อวี้เหว่ยทนอดมาหลายวันแล้ว สรุปแล้วนี่มันเรื่องผีสางอะไรกัน!

 

 

ตอนหลอกใช้เตี้ยนเซี่ยก็อยู่กับเตี้ยนเซี่ย

 

 

พูดว่าจะเลิกก็เลิกเลย เตี้ยนเซี่ยทิ้งศักดิ์ศรีไปขอร้องนาง แล้วแลกกับอะไรกลับมาเล่า สิ่งที่ได้มาคือคำสบประมาทของนาง

 

 

สุดท้ายยังพากูเยว่อู๋เหินเข้ามาในเมือง บอกว่าตัวเองเปลี่ยนใจรักคนอื่นแล้ว ซ้ำยังทำตัวสนิทสนมกันต่อหน้าเตี้ยนเซี่ย

 

 

การแสดงออกของเยี่ยเม่ยช่วงนี้ต่างหากที่เป็นต้นแบบของสตรีจอมวายร้ายไม่ใช่หรืออย่างไร

 

 

เตี้ยนเซี่ยก็แค่ดื่มสุราหลับอยู่หน้าประตูห้องตัวเอง เพื่อหว่านล้อมให้เยี่ยเม่ยกลับมา ถึงได้ถามคำถามมู่หรงเหยาฉือไม่กี่คำ ก็กลายเป็นทำตัวชั่วร้ายเสแสร้งแกล้งทำไปแล้วหรือ

 

 

เตี้ยนเซี่ยจำมู่หรงเหยาฉือไม่ได้เสียด้วยซ้ำ ในตอนนี้จะรู้ได้อย่างไรว่าสตรีนางนี้แสดงละครได้เก่งนัก? !

 

 

อวี้เหว่ยยิ่งคิดยิ่งโมโห รู้สึกว่าเตี้ยนเซี่ยทำไปไม่คุ้มค่าเลย

 

 

เขาตีหน้าถมึงทึงมองซือหม่าหรุ่ย “ข้าไม่เข้าใจมุมมองความรักของสตรีอย่างพวกเจ้าเลยจริงๆ ว่าเป็นอย่างไร หลอกลวงผู้ชายเหมือนตัวโง่งม หลอกใช้งานเหมือนเป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่ง ใช้งานแล้วก็เฉดหัวส่ง ซ้ำยังดูหมิ่นดูแคลน เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังขอให้บุรุษรักษาความบริสุทธิ์ประดุจหยกเพื่อพวกเจ้าถึงนับว่าเป็นความจริงใจ หากเตี้ยนเซี่ยไม่มีอะไรกับนางหรือเกิดอะไรขึ้นก็ตามพวกเจ้ามีคุณสมบัติไถ่ถามหรือไง มีหรือไม่”

 

 

อวี้เหว่ยโมโหจนแทบระเบิดแล้ว

 

 

เขาติดตามเตี้ยนเซี่ยมาหลายปี ไม่เคยเห็นเตี้ยนเซี่ยถูกใครทำร้ายมาก่อน ที่น่าโมโหที่สุดคือพวกเขายังไม่ด่าว่าเยี่ยเม่ยเป็นนางสตรีชั่วร้ายล้อเล่นกับความรัก พวกนางกลับด่าว่าเตี้ยนเซี่ยไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว

 

 

มู่หรงเหยาฉือยืนอยู่ด้านข้าง ถูกด่าว่าเป็นพวกช่างแสดงละคร สีหน้าพลันเปลี่ยนไปไม่น่ามอง

 

 

เสี่ยวกวนอดไม่ไหว เอ่ยปากว่า “แม่นางเยี่ยเม่ยของพวกเจ้าคิดตัดสัมพันธ์กับเตี้ยนเซี่ย ในเมื่อไม่เกี่ยวข้องกันแล้วยังจะมาคาดโทษเตี้ยนเซี่ยอีกทำไม”

 

 

เขาไม่เข้าใจเลยว่าสตรีเป็นอะไรกันไปหมดแล้ว

 

 

บุรุษต้องทำอย่างไรถึงเรียกว่าจริงใจ

 

 

ซือหม่าหรุ่ยฟังคำของพวกเขา ใบหน้านางแดงสลับซีดขาว ไม่ผิดเลย อันที่จริงเยี่ยเม่ยเป็นฝ่ายผิดก่อน หากพูดตามเหตุผล ต่อให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนแต่งงานกับมู่หรงเหยาฉือตามขนบธรรมเนียม พวกนางก็ไม่มีสิทธิพูดอะไร

 

 

นางก็แค่โมโหไปชั่ววูบ ดังนั้นอดใจไม่ไหว

 

 

อย่างไรเสียนางก็รู้ว่าเยี่ยเม่ยไม่มีทางเลือกถึงต้องตัดขาดกับเขา

 

 

แต่นางลืมไปว่าคนตรงหน้าพวกนี้ไม่รู้เรื่อง

 

 

จากนั้น

 

 

สิ่งที่ซือหม่าหรุ่ยคิดไม่ถึงคือ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่ยืนเงียบมาโดยตลอด เมื่อฟังอวี้เหว่ยพูดเช่นนี้ก็ไม่ขัด ยามนี้สายตาของเขามองมาที่นาง น้ำเสียงน่าฟัง ค่อย ๆ เอ่ยว่า…