เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ยถามว่า “เจ้าบอกเยี่ยนมาว่า นางทำไปเพราะความจำเป็นใช่หรือไม่”
ที่เขาไม่เอ่ยปาก นั่นก็เพราะว่านับตั้งแต่ซือหม่าหรุ่ยเอ่ยปากด่าว่าเขา เขาก็เริ่มครุ่นคิดถึงประเด็นสำคัญในเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว
หากเยี่ยเม่ยไม่รู้สึกอะไรกับเขาอย่างที่พูด ในใจนางมีเพียงกูเยว่อู๋เหินเพียงคนเดียว เช่นนั้นต่อให้ซือหม่าหรุ่ยสนิทกับเยี่ยเม่ยมากกว่านี้ ก็ไม่จำเป็นต้องด่าว่าเขา
ปัญหาที่เยี่ยเม่ยยังไม่ใส่ใจ แล้วซือหม่าหรุ่ยจะสนใจทำไมกัน
เขาเชื่อว่าสตรีเหล่านี้หาได้ว่างจนไม่มีอันใดทำ ฮ่องเต้ไม่ร้อนแต่ขันทีรีบ ดังนั้นก็พิสูจน์แล้วว่าความจริง เยี่ยเม่ยใส่ใจ
อย่างนั้น…
ก็หมายความว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำอื่นอีกใช่หรือไม่
นับตั้งแต่แรกเริ่มนางบอกว่าหลอกใช้เขา เขาก็ไม่เชื่อแล้ว แต่ว่าเมื่อเผชิญกับความเย็นชาไร้หัวใจนางครั้งแล้วครั้งเล่า รวมถึงหลังจากเปิดเผยความสัมพันธ์กับกูเยว่อู๋เหิน เขาก็ไม่อาจไม่เชื่อ
แต่ในยามนี้…
ซือหม่าหรุ่ยตะลึงไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าความปากไวอดพูดแทนเยี่ยเม่ยไม่ได้ กลับทำให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจับพิรุธได้
นางลนลานขึ้นมาทันที ทั้งไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรเพื่อแก้ไขสถานการณ์
ด้วยเหตุนี้นางจึงหมุนตัวเดินจากไป ซ้ำเอ่ยด้วยความไม่พอใจว่า “ไม่มี สองสามวันก่อนตอนที่พวกท่านตัดความสัมพันธ์ ข้าก็แค่เห็นใจท่าน ตอนนี้พบว่าตัวเองคิดมากเกินไปแล้ว ท่านไม่น่าเห็นใจเลยแม้แต่น้อยนิด จึงเกิดความโมโหขึ้นมาจึงด่าว่าตำหนิท่านก็เท่านั้นเอง! ท่านอย่าได้คิดมาก!”
นางจากไปอย่างร้อนรน ดูท่าแล้วต้องมีปัญหาแน่
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนแววตาลุ่มลึก น้ำเสียงชั่วร้ายแฝงไปด้วยความอันตรายเอ่ย “หยุด!”
เมื่อเสียงนี้ดังออกมา ซือหม่าหรุ่ยที่มีความกล้าหาญยังตกใจจนชะงักฝีเท้า เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมีนิสัยอย่างไร คนทั่วหล้าต่างรับรู้ หากนางยังเดินหน้าต่อไป อาจต้องจบชีวิตน้อยๆ นี้ไปจริงๆ แล้ว
หลังจากหยุดฝีเท้า นางก็ไม่กล้าหันกลับไปมอง ในใจรีบคิดหาแผนการรับมือ
นี่…
เยี่ยเม่ยสู้อุตส่าห์ลำบากลำบนเสแสร้ง ถึงได้ตัดสัมพันธ์กับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ หากถูกนางทำให้เสียเรื่อง เช่นนั้น…ซือหม่าหรุ่ยคิดทุบตีตัวเองสักครั้ง เพราะอะไรพอเห็นมู่หรงเหยาฉือแล้วก็โมโหจนขาดสติ
คราวนี้ดีเลย!
แต่ว่า
จากคำพูดของอวี้เหว่ย นางรับรู้แล้วว่าระหว่างเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกับมู่หรงเหยาฉือไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น ไม่ว่าจะพูดอย่างไร นางคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับเยี่ยเม่ยกระมัง…
ครั้นเห็นซือหม่าหรุ่ยหยุดชะงัก
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนค่อยๆ เดินหน้าไปหานาง เอ่ยถามทีละคำว่า “เยี่ยนต้องการฟังความจริง! หากเจ้าโมโหเพราะผู้หญิงคนนั้น เยี่ยนสามารถบีบคอนางให้ตายได้ ขอเพียงเจ้าพูดความจริง ไม่ว่าจะขออะไร เยี่ยนก็จะทำให้เจ้าสมใจ!”
ขณะเขาเอ่ยก็กวาดตามองมู่หรงเหยาฉือ
มู่หรงเหยาฉือยามนี้ตกใจจนหน้าซีดเซียว ร้องออกไปอย่างไม่อยากเชื่อว่า “เตี้ยนเซี่ย! ท่านทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร!”
ก็แค่แลกกับความจริงประโยคหนึ่ง เขาไม่สนใจ คิดเอาชีวิตนางเข้าแลกเชียวหรือ
นาง มู่หรงเหยาฉือนับเป็นอะไรในใจของเขากันแน่ อ้อ อันที่จริงนางก็รู้อยู่แล้วว่าไม่นับเป็นอะไรทั้งนั้น แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่า เตี้ยนเซี่ยจะไร้หัวใจถึงขั้นนี้
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่เพียงปรายตามองนางเท่านั้น น้ำเสียงร้ายกาจยังเอ่ยว่า “เจ้าบอกว่าชอบเยี่ยนมิใช่หรือ ในเมื่อเยี่ยนไม่สนใจเจ้าเลย อย่างนั้นเจ้าตายเพื่อเยี่ยน ความรักของเจ้าถึงจะมีค่าไม่ใช่หรืออย่างไร เป็นคนสมควรซื่อสัตย์เช่นเยี่ยน ยอมตายเพื่อคนในดวงใจ ถึงเรียกได้ว่าชอบ มิเช่นนั้นก็ไม่คู่ควรเอ่ยว่าชอบ! ส่วนเจ้า ไม่ยินยอมตาย ดังนั้นคำพูดว่าชอบของเจ้าก็เป็นแค่การหลอกลวง ใช่ไหม”
มู่หรงเหยาฉือหน้าซีดเซียว
คำพูดนี้นางสมควรตอบอย่างไรดีนะ
หากบอกว่าชอบ นั่นก็หมายความว่าตนเองยอมตายเพื่อนเตี้ยนเซี่ย หากซือหม่าหรุ่ยต้องการชีวิตนางแลกกับความจริง เช่นนั้นนางก็คงจบเห่แล้ว
หากบอกว่าไม่ชอบ
นั่นก็หมายความว่าคำที่นางบอกว่าชอบเตี้ยนเซี่ยเมื่อคืนเป็นคำลวง การหลอกเตี้ยนเซี่ยจะต้องตกตายอย่างน่าอนาถ
นางรู้มาตลอดว่า เตี้ยนเซี่ยมีเหตุผลผิดแปลกมากมาย หลายปีนี้คนที่ถูกคำพูดเตี้ยนเซี่ยบีบคั้นจนถึงขั้นฆ่าตัวตายมีนับไม่ถ้วน แต่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีวันหนึ่งที่เตี้ยนเซี่ยจะใช้มันกับนาง
เห็นมู่หรงเหยาฉือตกใจจนหน้าซีดทำตัวไม่ถูก ซือหม่าหรุ่ยได้แต่บอกว่านางอารมณ์ดีขึ้นมาก
ดูท่าแล้ว เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่ได้สนใจแม่นักแสดงตัวฉกาจเท่าใดนัก
แต่ถึงซือหม่าหรุ่ยจะไม่ชอบใจมู่หรงเหยาฉืออยากเห็นอีกฝ่ายตาย แต่นางไม่อาจเอาเรื่องที่เยี่ยเม่ยปิดบังอย่างยากลำบากไปแลกมา
นางฝืนเอ่ยว่า “ไม่มีความจริงอะไรทั้งนั้น สิ่งที่ท่านเห็นก็คือความจริง หากท่านไม่เชื่อก็ไปถามเยี่ยเม่ยดูได้ อย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย ข้าเป็นคนขวัญอ่อน หากทำให้ข้าตกใจหนีไป เยี่ยเม่ยก็จะขาดผู้ช่วยข้างกายไปอีกคนหนึ่ง!”
เยี่ยเม่ยคงเป็นจุดอ่อนเดียวของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแล้ว ดังนั้นหากพูดกับเขาเช่นนี้ บางทีอาจช่วยชีวิตตนไว้ได้
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนย่อมไม่ปล่อยให้ข้างกายเยี่ยเม่ยขาดนางไปแน่ หากเป็นเช่นนี้ เยี่ยเม่ยต้องไม่ละเว้นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไปง่ายๆ อย่างแน่นอน
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจ้องซือหม่าหรุ่ยครู่หนึ่ง
เห็นสีหน้าหนักแน่นของนาง ไม่มีท่าทางจะเล่าความจริงสักน้อย เขานิ่งไป จากนั้นแค่นหัวเราะเย็นชา น้ำเสียงน่าฟังกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี ในเมื่อเจ้าไม่อยากเอ่ย ข้าจะไปสืบเอง! ข่าวลือที่แพร่ออกมาเมื่อเช้า เยี่ยนคิดว่านางคงไม่ใส่ใจ จึงไม่คิดจะแก้ข่าว แต่ว่าตอนนี้…”
เขาเว้นวรรคไปเล็กน้อย คล้ายกับว่าตัดสินใจอะไรได้แล้ว อารมณ์ก็ดีขึ้นมาก เขาจ้องมองซือหม่าหรุ่ยกล่าวต่อว่า “รบกวนเจ้าช่วยถ่ายทอดคำพูดของข้าให้นางด้วย ต่อให้นางทอดทิ้งข้าราวกับรองเท้าคู่เก่า แต่สตรีบนโลกใบนี้ นอกจากนางแล้วเยี่ยนยังคงไม่ต้องการใครทั้งนั้น กับแค่มู่หรงเหยาฉือผู้เดียว อย่าว่าแต่คิดจะปีนขึ้นเตียงเยี่ยนเลย แค่ห้องก็ไม่อาจเข้าไปได้แล้ว!”
มู่หรงเหยาฉือด้านข้างยืนฟังจนหน้าซีดเผือด เกรงว่าชั่วชีวิตนี้นางคงไม่เคยได้ยินคำปฏิเสธที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้มาก่อน เขาเอ่ยออกมาต่อหน้าตนไม่ใส่ใจว่าจะดูหมิ่นเกียรติกันเลยสักนิด
ในคำพูดนั้นแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ใส่ใจตน
มู่หรงเหยาฉือยามนี้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เอามือปิดปากแล้ววิ่งร้องไห้ออกไป เห็นแผ่นหลังของนางที่ทะยานออกไปทั้งน้ำตา ซือหม่าหรุ่ยยิ่งอารมณ์ดีขึ้นไปใหญ่
เมื่อฟังคำของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจบ นางก็เอ่ยว่า “คำพูดของท่านข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะบอกนาง ส่วนที่ว่านางจะใส่ใจหรือไม่ ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน!”
เมื่อเอ่ยจบ ซือหม่าหรุ่ยก็จากไป
อวี้เหว่ยกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก มองแผ่นหลังซือหม่าหรุ่ย “เตี้ยนเซี่ย เรื่องนี้คล้ายกับว่ามีปัญหาจริงด้วย!”
“เจ้าระบายอารมณ์หมดแล้วหรือยัง” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกวาดตามองเขาอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“เอิ่ม…” อวี้เหว่ยหวาดกลัว เอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าน้อยก็แค่รู้สึกเสียใจแทนท่าน…เห็นแก่ที่ข้าน้อยอาละวาดครั้งนี้ได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างคาดไม่ถึง ทำให้ท่านพบปัญหา ละเว้นข้าน้อยเถอะ! ฮือๆๆ… อวี้เหว่ยของท่านหลั่งน้ำตาบุรุษแล้ว…”