บทที่ 435 หล่อสุด ๆ

จะให้โจวชิงไป๋สานสัมพันธ์กับลูกชายของตัวเองน่ะเหรอ? ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องสานสัมพันธ์เลยสักนิดเดียว

โจวชิงไป๋ทำเพียงถามขึ้นมาหนึ่งประโยค “ลูกหิวไหม?”

โจวข่ายตอบว่าเขาจะรอกินพร้อมกันในตอนเย็น แล้วก็จบเท่านั้น

ในทางกลับกัน คุณป้าหม่าดีใจมากที่ได้เห็นโจวข่ายกลับมา หล่อนเอ่ยขึ้นว่า “การฝึกนี้ต้องเหนื่อยล้ามาก และเธอก็คล้ำขึ้นมากเลยนะจ๊ะ คุณแม่ของเธอคงต้องรู้สึกเศร้าใจมากเลยที่ได้เห็นเธอเป็นแบบนี้ หล่อนบ่นคิดถึงเธออยู่ตลอดเวลาเลยละจ้ะ”

โจวข่ายหัวเราะแล้วตอบกลับ “ผมก็คิดถึงบ้านมากครับ แต่ผมไม่มีเวลากลับมาเลย” อาชีพที่เขาเข้าไปเข้าร่วมอยู่ไม่อนุญาตให้เขาได้มีอิสระอีกต่อไปในอนาคต

คุณป้าหม่ากล่าวว่า “ฉันได้ยินมาจากคุณย่าของเธอว่าหล่อนเลี้ยงไก่ไว้หลายตัวสำหรับเธอเลยล่ะจ้ะ แค่รอเวลาให้เธอกลับมาก็จะเอามาบำรุงร่างกายให้เธอ”

โจวข่ายตอบกลับอย่างร่าเริง “ถ้าอย่างนั้น ผมคงจะไม่เกรงใจคุณย่าแล้วละครับ”

“มีอะไรต้องเกรงใจกันล่ะจ๊ะ? ไม่ได้กลับมาได้บ่อย ๆ เธอจะต้องบำรุงร่างกายให้มาก ดูเหมือนว่าเธอจะผอมลงไปนะ” คุณป้าหม่าตั้งข้อสังเกต

“น้ำหนักผมไม่ได้ลดลงหรอกครับ ผมแค่ดูผอมลงไปนิดหน่อยเท่านั้น” โจวข่ายบอก

เขาตัวสูงที่สุดในครอบครัว ในตอนที่ใส่รองเท้าแล้ว ตัวจะสูงจนเกือบถึง 190 เซนติเมตร ส่วนสูงของเขาอยู่ที่ 188 เซนติเมตร ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ตรงไหน เขาก็ไม่มีทางถูกมองว่าเป็นคนเตี้ยอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้

พูดตามตรง ไม่มีน้องชายคนไหนตัวเตี้ยเลย เจ้ารองก็สูงถึง 185 เซนติเมตรแล้วในตอนนี้ และดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มเติบโตได้ช้าลง แต่นั่นก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเจ้าสามเลย เขาอายุ 15 ปีเท่านั้นและสูงถึง 180 เซนติเมตรแล้ว ในอนาคต เขาจะไม่ตัวเตี้ยไปกว่าพี่ชายคนโตของเขามากนักหรอก

เมื่อเทียบกันแล้ว หู่จือและกังจือยังตัวเตี้ยกว่าอยู่เล็กน้อย พวกเขาตัวสูงน้อยกว่า 180 เซนติเมตร โดยสูงอยู่ที่ราว ๆ 176-177 เซนติเมตร

สรุปได้ว่า ของบำรุงร่างกายที่หลินชิงเหอสรรหากินมาให้ก่อนหน้านี้ ไม่ได้ไร้ประโยชน์เลย

หลินชิงเหอกลับมาพร้อมกับไก่ 1 ตัว นอกจากนี้ยังมีปลากะพง 2 ตัวและของอื่น ๆ อีกหลายอย่าง

“ไปเชือดไก่ให้หน่อยค่ะ” หลินชิงเหอส่งไก่ไปให้โจวชิงไป๋

โจวชิงไป๋สั่งให้ลูกชายคนโตไปจัดการต่อ หลินชิงเหอจึงพูดขึ้นว่า “เขาเพิ่งกลับมาถึงเองนะคะ ให้เขาพักเถอะค่ะ”

โจวชิ่งไป๋ไม่ได้ทำท่าโมโหใส่ภรรยาเลย เขาแค่หันไปสบตากับลูกชายคนโตเท่านั้น ริมฝีปากของโจวข่ายกระตุกขึ้นอย่างรู้สึกขบขัน จากนั้นจึงไปตักน้ำร้อนมาเพื่อฆ่าและทำความสะอาดไก่

3 วันแรกที่เขากลับมาถึงนั้น แม่จะดูแลเขาราวกับเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบเลยทีเดียว เธอประคองกอดเขาไว้อย่างระมัดระวังเหมือนกลัวว่าเขาจะหล่นแล้วแตกหักไป

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาพิเศษนี้กินเวลาเพียงแค่ 3 วันแรกเท่านั้น หลังจากนั้น สิทธิประโยชน์ทั้งหลายก็หมดไป เขากลับมาได้รับการปฏิบัติเป็นปกติเหมือนเดิม

หลินชิงเหอคัดแยกผักไปด้วยในขณะที่พูดคุยกับเจ้าใหญ่ “ครั้งนี้ลูกกลับมาคนเดียวหรือจ๊ะ หรือว่ากลับมาพร้อมกับคนอื่นด้วย?”

“ผมกลับมาคนเดียวครับ แต่ผมก็ติดต่อกับเวิงกั๋วเหลียงมาตลอดแหละครับ เขายังไม่สามารถปลีกตัวกลับมาได้ในช่วงนี้ แต่จะกลับมาตอนช่วงปลายปี” โจวข่ายตอบ

“ปีนี้ เหม่ยเจี่ยจะไปฝึกงานที่โรงพยาบาลทางนั้นแล้วนะจ๊ะ”

“เร็วขนาดนี้เลยหรือครับ?” โจวข่ายพูดขึ้น

“เหม่ยเจี่ยมีผลการเรียนที่ดีมาก เมื่อหล่อนไปอยู่ที่นั่นแล้ว ลูกต้องคอยดูแลหล่อนนะ เข้าใจไหม? ม้าสนิทกับคุณป้าเวิงของลูกอย่างแน่นแฟ้นมากนะ”

“ผมจะคอยสอดส่องดูแลหล่อนให้ครับ” โจวข่ายกล่าว

“ไม่ใช่แค่คอยสอดส่องดูแล แต่ต้องคอยปกป้องหล่อนด้วย โดยเฉพาะตอนนี้เหม่ยเจี่ยยังเด็กอยู่ ลูกจะต้องไม่ยอมให้พวกเด็กหนุ่มที่นั่นมาตามจีบหล่อนด้วยนะ” หลินชิงเหอสั่ง

โจวข่ายหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ ทันที “ไม่มีเรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้นหรอกครับ เหม่ยเจี่ยยังเป็นเด็กสาวตัวน้อยอยู่เลย” เขาเฝ้ามองดูหล่อนเติบโตขึ้นมาเชียวนะ

หลินชิงเหอกลอกตา ทำไมเจ้าตัวแสบนี่ยังไม่รู้สึกตัวอีกนะ? เธอพูดชัดถึงขนาดนี้แล้ว เขายังจะคิดว่าเธอพูดเล่นอีก

“ป๊าของลูกอยากจะอุ้มหลานสาวแล้ว ปีนี้เจ้ารองก็อายุแค่ 17 เท่านั้น ยังเป็นผู้เยาว์อยู่เลย เร็วเกินไปที่จะรอจากเขา ยิ่งเจ้าสามแล้วปล่อยไปก่อนได้เลย ฉะนั้น เจ้าใหญ่ ลูกจะว่ายังไง” หลินชิงเหอพูดออกมาอย่างชัดแจ้ง

โจวข่ายถึงได้เข้าใจและรู้สึกขัดเขินขึ้นมา “สาวน้อยเหม่ยเจี่ยนั่นยังเด็กอยู่เลยนะครับ”

“ยังเด็กอยู่อะไรกันล่ะ? หล่อนเป็นสาวแล้วนะ” หลินชิงเหอโต้กลับไปอย่างขุ่นเคือง

“อะแฮ่ม ที่ป๊าอยากจะกอดคือลูกสาวครับ ไม่ใช่หลานสาว ม้าก็ช่วยมีลูกให้ป๊าหน่อยสิครับ พวกเราก็โตกันหมดแล้ว เราจะคอยตามใจและดูแลน้องให้เหมือนกับเป็นสมบัติล้ำค่าเลยครับ” โจวข่ายเบี่ยงประเด็น

หลินชิงเหออยากจะทุบเขาเสียจริง ๆ “เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่ ม้าของลูกอายุปูนนี้แล้ว ยังจะเป็นผู้หญิงที่ท้องได้อีกเหรอ!”

“ออกกำลังกายให้มากขึ้นสิครับ ม้าก็มีพวกเรามาได้ตั้ง 3 คนแล้ว ไม่เป็นปัญหาหรอกครับ ผมเคยเห็นคนที่อยู่ในหมู่บ้าน หล่อนยังคลอดลูกคนสุดท้องได้ตอนอายุ 43 เลย” โจวข่ายยิ้ม “ถ้าม้ากลายเป็นหอยมุกที่ให้กำเนิดไข่มุกออกมาได้ ป๊าจะต้องดีใจจนแทบเป็นบ้าแน่เลยครับ ผมรู้สึกได้เลยว่าป๊าต้องอยากมีลูกสาวมากจนกระทั่งเห็นพวกเราขัดหูขัดตาไปเสียหมด”

หลินชิงเหอพูดอยู่ในใจ สิ่งที่ลูกรู้สึกไม่ได้ผิดไปจากความจริงหรอก

ป๊าเคยเห็นลูกแล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์จริง ๆ แต่ไม่กี่ปีมานี้ก็ดีขึ้นมากแล้วละนะ

“อย่าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าป๊าลูกนะ” หลินชิงเหอกระซิบบอก

เพิ่งในช่วงวันตรุษจีนปีนี้เองที่ในที่สุดโจวชิงไป๋ก็คิดตกในเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้คิดถึงมันแล้ว แต่ก็จะดีกว่าที่จะไม่พูดมันถึงต่อหน้าเขา

อันที่จริง หลินชิงเหอเต็มใจที่จะมีลูกอีก เพียงแต่ว่าเธอทำหมันไปแล้ว โอกาสที่ตั้งครรภ์ได้อีกมีน้อยมาก ซึ่งแน่นอนว่าเธอก็ไม่ได้ป้องกันอะไรในเรื่องนี้

ถ้าโชคชะตากำหนดให้เธอได้ตั้งครรภ์มีลูกคนที่ 4 แน่นอนว่าเธอจะมีความสุขกับการที่จะได้ให้กำเนิดลูก ถึงแม้ว่าเธอจะอายุเยอะแล้วก็ตาม ไม่มีอะไรผิดกับการได้ลองทำดู

เธอไม่รู้สึกว่าตนเองจะเป็นคนโชคร้าย ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาอยู่ในเมืองหลวง แพทย์ที่นี่ก็ให้ความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี

สมมติฐานคือพวกเขามีชะตากรรมเช่นนี้

“ความจริงผมไม่เข้าใจเลย ทำไมม้าถึงได้ไม่มีลูกอีกเลย หลังจากที่มีเจ้าสามแล้วล่ะครับ?” โจวข่ายถาม

“เรากำลังพูดถึงเรื่องของลูกอยู่นะ ทำไมถึงได้ลากม้าเข้าไปล่ะ? ดูที่ลูกสิ อายุ 19 เข้าไปแล้ว ถ้าลูกได้ความเสียหน่อย ตอนนี้ม้าก็จะได้เป็นคุณย่าแล้ว” หลินชิงเหอกล่าว

“มีคุณอาหลาย ๆ คนเลยนะครับที่อายุน้อยกว่าหลานชายของพวกเขาเสียอีก” โจวข่ายบอก

หลินชิงเหอสำลัก มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณย่าจะมีคุณอาที่อายุน้อยกว่าหลานชายหรือหลานสาวของตนเอง เธอตัดบทว่า “พอจัดการไก่เสร็จแล้ว สับมันด้วย แล้วให้ป๊าของลูกเอาไปตุ๋นก่อน ยังมีปลากะพงอีก 2 ตัว จัดการมันด้วยนะ”

“ตกลงครับ” โจวข่ายตอบ

ที่จริงแล้วโจวชิงไป๋ได้ยินบทสนทนาทั้งหมด แต่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เขาอยากจะมีลูกสาวอีกคนจริง ๆ แต่เขาก็เป็นห่วงเรื่องที่ภรรยาอายุเยอะแล้ว ถึงอย่างไร นางพยาบาลก็เคยอธิบายให้ฟังเรียบร้อยแล้ว

ดังนั้น เขาจะปล่อยให้มันไปตามธรรมชาติ ถ้ามีลูกขึ้นมา เขาก็จะอยู่กับภรรยาตลอดเวลาจนกระทั่งถึงตอนที่คลอด แต่ถ้าไม่มี เขาก็จะไม่คิดถึงมันอีกต่อไป

โจวเฉวี่ยนและโจวกุยหลายดีใจมาก เมื่อกลับมาแล้วพบว่าพี่ชายคนโตของพวกเขากลับบ้านมาเร็วกว่าที่คาดไว้

“พี่ดำเป็นถ่านเลย ถ้าพี่ไม่หมั้นแล้วหาภรรยาไว้ก่อน ผมคิดว่าในอนาคตพี่คงหาไม่ได้แน่ พี่ดูแก่ขึ้นเยอะเลย” โจวกุยหลายพูดขึ้นอย่างรังเกียจ

“นี่เป็นเรื่องที่เข้าท่ามาก” หลินชิงเหอพยักหน้า

“ตอนแรกที่เห็น พี่ดูเหมือนป๊าเลย จะรีบดูแก่ไปไหน แต่มาคิดดูแล้ว ผมก็เหมือนกับพี่ ได้หน้าตาแบบป๊ามา ตอนที่ผมออกไปข้างนอก ไม่มีใครคิดว่าผมอายุแค่ 15 เลย พี่รองสิโชคดีที่เหมือนกับม้า ดูเหมือนบัณฑิตหนุ่มน้อยหน้าขาว เป็นเรื่องที่ได้เปรียบมากเลย” โจวกุยหลายแสดงความเห็น

เขาอายุ 15 ปี เป็นช่วงอายุที่ดูเจ๋ง แต่เขาไม่ชอบใจเลยที่ตัวเองดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัย

“คิดอีกแง่หนึ่ง ป๊าของลูกหล่อมากนะจ๊ะ” หลินชิงเหอกล่าว

โจวชิงไป๋ชำเลืองมองไปที่เธอ หลินชิงเหอขยิบตาให้เขา “ฉันดูแล้วหล่อสุด ๆ ไปเลยละค่ะ”

มุมปากของโจวชิงไป๋ขยับโค้งขึ้นจนเป็นรอยยิ้ม

……………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เอาล่ะค่ะมาคอยดูกันว่าระหว่างแม่จะได้หลานสาวจากเจ้าใหญ่หรือแม่จะท้องน้องสาวคนเล็กอย่างไหนจะมีสิทธิ์เกิดขึ้นมากกว่ากัน แต่อย่างแรกก็ดูมีโอกาสมากกว่าล่ะน้า

อะไรคือการอวยกันไปอวยกันมาคะบ้านนี้ พ่อแอบร้ายนะคะ เห็นนิ่ง ๆ แต่ยิ้มกริ่มอยู่ในใจ

ครอบครัวสุขสันต์มากค่ะตอนนี้ ลืมเรื่องพี่น้องมหาประลัยเชิ่ง ๆ ไปได้ระยะหนึ่งเลย

ไหหม่า (海馬)