บทที่ 436 ในฐานะที่เป็นผู้ชาย

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 436 ในฐานะที่เป็นผู้ชาย

“จุ๊ จุ๊ ป๊าม้า 2 คนนี่ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเอาเสียเลยนะครับ” โจวกุยหลายส่ายหน้า

“ทำไม? มีคนว่าลูกหน้าตาน่าเกลียดหรือยังไง?” หลินชิงเหอถาม

สองคนพี่น้องที่ได้หน้าตาแบบป๊ามา ทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่เร็วไปหน่อย พวกเขาไม่ได้น่าเกลียดเลย ในทางตรงข้าม พวกเขาดูเป็นลูกผู้ชายที่แข็งแรงห้าวหาญ

ไม่อย่างนั้น ทำไมจูเจินเจินจากครอบครัวตระกูลจูและจางเหมยเหลียนถึงได้สนใจเจ้าใหญ่ของเธอตั้งแต่แรกเห็นล่ะ?

แต่อย่ามาพูดถึงดอกท้อเน่า(1)เหล่านี้เลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่คุณแม่เวิงรู้สึกพอใจ ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไร

“ใครจะคิดว่าผมอัปลักษณ์ได้ล่ะครับ? ก็แค่ตอนที่ผมส่องกระจกดูตัวเองแล้วรู้สึกว่ามันดูจะรีบเกินวัยไปหน่อย” โจวกุยหลายตอบ

จากนั้นบทสนทนาก็เริ่มเปลี่ยนเรื่องไป เขาเริ่มประณามพี่ชายคนโตของตัวเอง “แต่ตอนนี้พี่ใหญ่ผิวดำปี๋เหลือเกินจนดูอย่างกับอายุรุ่นราวคราวเดียวกับป๊าแน่ะ ม้าครับ ม้าต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุดเลยนะครับ ไม่อย่างนั้นในอนาคตนี้พี่ใหญ่อาจจะได้กลายเป็นคนโสดไปตลอดแน่”

“ก็ปากอย่างนายนี่แหละ ที่ทำให้เทพบุตรหนุ่มโสดอย่างพี่ใหญ่ต้องมาโดนดูถูกเหยียดหยามแบบนี้” โจวเฉวี่ยนพูดแทรกเข้ามา

“พี่รอง อย่าพูดเลย พี่น่ะได้ประโยชน์มากที่สุดแล้ว เข้าใจไหมครับ? ทำไมม้าผมถึงได้คลอดพี่ออกมาดูเหมือนกับม้าเปี๊ยบเลย แต่กลับไม่ให้ผมได้รับกรรมพันธุ์มาจากม้าบ้างเลย”

โจวเฉวี่ยนหัวเราะออกมา

“พวกเธอพี่น้องก็หน้าตาหล่อเหลาทุกคนนั่นแหละจ้ะ ไม่ต้องไปกังวลเรื่องการหาภรรยาหรอก ตราบใดที่ผู้หญิงคนนั้นมีสายตาที่แหลมคม พวกหล่อนจะต้องชอบเธอแน่จ้ะ” คุณป้าหม่าเอ่ยขึ้น

“คุณยายหม่าช่างมีสายตาที่เฉียบแหลมที่สุด ถ้าคุณยายอายุน้อยกว่านี้สัก 40 ปี ผมจะต้องไปหาคุณยายที่บ้านเพื่อกินข้าวด้วยทุกวันเลยครับ” โจวกุยหลายเอ่ย

“ถ้าฉันอายุน้อยกว่านี้ไป 40 ปีจริง ฉันก็คงไม่เลือกเธอหรอกจ้ะ แต่ฉันจะเลือกพี่รองของเธอ” คุณป้าหม่าหัวเราะชอบใจ

โจวกุยหลายฟังแล้วก็หัวใจสลาย

พอถึงเวลาหนึ่งทุ่ม มันก็เป็นเวลาเลิกงานของคุณป้าหม่า หญิงชรามาที่นี่เพื่อล้างจานและมีความสุขมากจริง ๆ ทั้งได้พูดคุยและมีเสียงหัวเราะ วันเวลาผ่านไปอีกหนึ่งวัน ซึ่งหล่อนก็ได้มีช่วงเวลาที่ดี

หลังเลิกงาน โจวเอ้อร์นี หู่จือและกังจือมารับประทานอาหารเย็นกันที่นี่

หลังจากกินเสร็จพวกเขาก็นำอาหารที่บรรจุเตรียมไว้แล้วไปให้คนอื่น ๆ รับประทาน

ในฤดูหนาว ร้านจะปิดเวลา 6 โมงเย็น ตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน ร้านเสื้อผ้าของหลินชิงเหอจะปิดตอนเวลา 3 ทุ่ม

หม่าเฉิงหมินดูแลร้านค้าด้วยตนเองคนเดียวหนึ่งร้าน เฉินซานซานดูแลร้านอยู่อีกแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ พนักงานใหม่พร้อมที่จะเข้ามาทำงานที่ร้านของโจวเอ้อร์นีแล้ว และร้านของเฉินซานซานก็จะมีพนักงานใหม่มาเข้าทำงานเช่นกัน และพนักงานใหม่อีก 2 คนจะเฝ้าร้าน 1 ร้าน

เฉิงหยางกับเฉิงเยว่เองก็ไม่มีเวลาว่างที่ร้านเครื่องดื่มเลย

ด้วยเหตุนี้ หลินชิงเหอจึงขอให้โจวชิงไป๋ทำอาหารเย็นไว้ให้พวกเขาด้วย

ทางด้านของหม่าเฉิงหมินก็ได้รับเช่นกัน นี่ถือได้ว่าเป็นสวัสดิการอย่างหนึ่ง

หลังจากเพิ่มคนเข้ามาแล้ว พนักงานในร้านค้าของหลินชิงเหอก็ยังไม่พออยู่ดี ในตอนที่ถึงวันหยุดงานของพนักงาน พวกเขาก็จะต้องโยกย้ายพนักงานจากร้านหนึ่งไปทำงานที่อีกร้านหนึ่งแทน

นี่คือเหตุผลว่าทำไมหลินชิงเหอถึงอยากจะเรียกตัวโจวซื่อนีมาที่นี่

หลังจากที่กินเสร็จแล้ว หู่จือก็ไปส่งอาหารให้ทุกคน อาหารจานเนื้อ 1 อย่างและเครื่องเคียงอีก 2 อย่างถูกบรรจุอยู่ในกล่องอาหาร ปริมาณอาหารเท่านี้มากเพียงพออย่างแน่นอน

หลังจากที่ส่งอาหารไปเสร็จแล้ว หู่จือ กังจือและเอ้อร์นีต้องไปเรียนภาคค่ำต่อ

หลินชิงเหอบอกให้หม่าเฉิงหมินเปิดรับสมัครพนักงาน เธอวางแผนว่าจะรับพนักงานเพิ่มอีก 3 คน เมื่อรวมกับที่เธอกันที่ไว้สำหรับซื่อนีแล้ว ก็จะเป็นทั้งหมด 4 คน

เมื่อถึงเวลานั้น การทำงานจะมีมาตรฐานที่ดีขึ้น งานก็จะไม่รัดตัวมากเหมือนกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้

โจวข่ายไปที่บ้านคุณปู่คุณย่าด้วยตนเอง

ตอนที่เขามาถึง ท่านแม่โจวกำลังป้อนอาหารให้กับเถียนเถียนตัวน้อยอยู่ หนูน้อยกำลังเจริญอาหาร ถ้านี่เป็นช่วงปีที่ยังอยู่กันอย่างอดอยาก สาวน้อยคนนี้คงจะนึกรังเกียจเป็นแน่

“คุณย่าครับ” โจวข่ายตะโกนเรียกเมื่อเดินเข้ามา

ท่านแม่โจวตัวแข็งแล้วหันไปมอง จากนั้นความปลาบปลื้มใจก็ปรากฏบนใบหน้าของนาง “เจ้าใหญ่เหรอ?”

“ครับ” โจวข่ายยิ้มกว้างเต็มหน้า

“ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะ? อาได้ยินพี่สะใภ้สี่บอกว่าจะต้องอีกสักพักหนึ่ง” โจวเสี่ยวเหมยพูดอย่างดีใจ

“ผมกลับมาล่วงหน้าน่ะครับ” โจวข่ายตอบ

ท่านแม่โจวส่งชามไปให้โจวเสี่ยวเหมยแล้วบอกให้หล่อนป้อนอาหารให้ลูกเอง นางถามหลานชายว่า “กินอะไรมาหรือยัง? ถ้ายังไม่ได้กิน ย่าจะทำบะหมี่ใส่ไข่ให้!”

“ผมกินแล้วครับ ม้าทำอาหารให้ผมกินหลายอย่างเลย” โจวข่ายยิ้ม

“ตอนนี้ 2 ทุ่มแล้ว ดึกเกินไป พรุ่งนี้มาตอนเที่ยงนะจ๊ะ ย่าเลี้ยงไก่เอาไว้ตั้งหลายตัว จะเชือดไก่ตอนเช้าเอามาตุ๋นให้เธอกินตอนกลางวัน กระดูกไก่ที่เคี่ยวจนเปื่อย จะอร่อยมากเลยละ” ท่านแม่โจวบอก

“ตกลงครับ” โจวข่ายตอบรับด้วยรอยยิ้ม

“ย่าของเธอเลี้ยงไก่ไว้เยอะมากสำหรับเธอเลยนะ เอาไว้เพื่อรอเธอกลับมาโดยเฉพาะนี่แหละ จะได้เอามาทำให้เธอกินได้ทุกวันเลยละจ้ะ” โจวเสี่ยวเหมยบอก

“จะไม่ต้องบำรุงร่างกายให้มากได้ยังไง? ดูสิว่าคล้ำแล้วก็ผอมลงแค่ไหนแล้ว?” ท่านแม่โจวกล่าว

“ไก่วันละตัวจะสิ้นเปลืองมากเกินไปนะครับ คุณย่าตุ๋นให้ผมกินทุก ๆ สามวันก็พอแล้วครับ” โจวข่ายตอบ จากนั้นเขาก็ถามขึ้น “คุณปู่อยู่ไหนหรือครับ?”

“ปู่ของหนูไปโรงอาบน้ำกับคุณปู่ทูนหัวของเธอน่ะจ้ะ ออกไปก่อนหน้าที่เธอจะมาถึงแป๊บเดียวเอง” ท่านแม่โจวตอบ

“ถ้าอย่างนั้น ผมจะไปอาบน้ำด้วยเหมือนกันครับ” โจวข่ายเอ่ย

“ไปเถอะ แล้วค่อยกลับมาอีกที เดี๋ยวย่าจะทำบะหมี่กับไข่ให้” ความรักที่ท่านแม่โจวมีให้หลานชายของนางนั้นมากมายเป็นพิเศษ จนนางต้องแสดงออกมาให้เห็นอยู่เสมอ

โจวข่ายยิ้มรับ

เขาวิ่งกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านและสอบถามคนอื่น โจวกุยหลายจะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ ดังนั้น วันนี้เขาจึงไปอาบน้ำร่วมกับโจวข่ายด้วย

ทั้ง 2 คนมาหาท่านพ่อโจวและเฒ่าหวังที่โรงอาบน้ำ

ท่านพ่อโจวและเฒ่าหวังต่างก็ดีใจมาก เมื่อเห็นว่าโจวข่ายกลับมาแล้ว

“กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่? กินอะไรมาหรือยังล่ะ?” เฒ่าหวังและท่านพ่อโจวถาม

“ผมกินแล้วครับ ตอนอยู่ที่บ้านคุณย่า ผมได้ยินว่าคุณปู่มาโรงอาบน้ำกัน ก็เลยชวนเจ้าสามตามมาด้วย” โจวข่ายตอบ ก่อนที่จะโยนผ้าขนหนูไปให้น้องชายช่วยถูหลังให้เขา

“พี่ใหญ่ พี่เห็นไหม? ทุกคนกำลังมองพี่อยู่ ทั้งโรงอาบน้ำเลย แม้แต่คนงานในเหมืองก็ยังตัวไม่ดำเท่าพี่เลย” โจวกุยหลายเอ่ย

สีผิวที่คล้ำของโจวข่ายไม่สามารถปิดบังไว้ได้ ถึงแม้จะมีเสื้อผ้าปกปิดอยู่ก็ตาม เขามีผิวสีสำริดไปทั้งตัวจนเป็นเงาวาวเมื่อสะท้อนแสง

“ถ้าพวกเขาอยากจะมอง ก็ให้มองไป ตราบใดที่ไม่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองมีปมด้อย” โจวข่ายตอบ

เขาเป็นเด็กหนุ่มที่โตเต็มที่แล้ว ทั้ง ๆ ที่มีสีผิวที่ดำคล้ำ แต่เขามีรูปร่างที่สุดยอด ด้วยกล้ามเนื้อที่หน้าท้อง 8 มัด ในแบบที่ผู้ชายจะต้องรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่า และผู้หญิงจะต้องกรีดร้องเมื่อได้เห็น

“ฮี่ฮี่ ถ้างั้นพี่ก็เดินไปรอบ ๆ เลยสิ ให้พวกเขารู้สึกว่าสู้พี่ไม่ได้” โจวกุยหลายฉีกยิ้มและพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย

“ขัดหลังต่อไปซะ” โจวข่ายบอก

โจวกุยหลายขัดหลังต่อ เมื่อเสร็จแล้ว เขาก็ให้พี่ชายขัดหลังให้เขาบ้าง ท่านพ่อโจวกับเฒ่าหวังต่างก็ขัดหลังเช่นเดียวกัน

การมาโรงอาบน้ำก็จะเป็นเช่นนี้ ต้องหาใครสักคนมาร่วมด้วย หรือลองมองหาดูว่ามีใครบ้างที่มาคนเดียวตามลำพัง

แม้ว่า ตอนที่ถูกขัดตัวจะรู้สึกเจ็บบ้าง แต่มันจะรู้สึกสบายตัวขึ้นมากทีเดียวหลังจากที่ขัดตัวเสร็จแล้ว

ท่านพ่อโจวและเฒ่าหวังสอบถามว่าครั้งนี้โจวข่ายจะอยู่ได้นานแค่ไหน โจวข่ายก็บอกให้ฟังอย่างละเอียด

สำหรับการที่โจวข่ายมีสีผิวที่ดำคล้ำ พวกเขาไม่ใส่ใจกับมันเลย ในฐานะที่เป็นผู้ชาย จะผิวคล้ำก็ปล่อยให้คล้ำไปสิ มันสำคัญอะไรล่ะ?

“ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้หวังหยวนจะมีเวลาหรือเปล่า ถ้าเขาว่าง จะได้ให้เขาพาพวกเราไปบ่อน้ำพุร้อนกัน ฉันเป็นเจ้ามือเอง” เฒ่าหวังเปลี่ยนเรื่อง

“หวังหยวนคือใครหรือครับ?” โจวข่ายสงสัย

เขาไม่ได้กลับมาบ้านเกือบปี แม้กระทั่งในตอนนี้ เขาก็ยังไม่รู้เรื่องการแต่งงานของสวี่เชิ่งเหม่ย อย่าว่าแต่ความสัมพันธ์ระหว่างโจวเอ้อร์นีกับหวังหยวนเลย

…………………………………………………………………………………………

(1) หมายถึงเรื่องของความรักที่ไม่มีความสุข

สารจากผู้แปล

รู้สึกเหมือนประเทศแถบเอเชียจะนิยมผิวขาวกันนะคะ ซึ่งอันนี้ก็เป็นค่านิยมที่ถ้าตัดสินกันก็คงจะเถียงกันไม่จบ เอาเป็นว่าเรื่องนี้เป็นสิทธิส่วนบุคคลของแต่ละคนแล้วกันค่ะ ขอแค่ไม่ไปข่มหรือเหยียดใครก็พอ

อยากรู้ว่าพี่เขยเป็นไงล่ะสิเจ้าใหญ่ ถ้าได้รู้จะรู้สึกอยากทำบ้างแบบไม่ให้น้อยหน้าพี่เขาไหมนะ

ไหหม่า(海馬)