GGS:บทที่ 941 ว่าที่สุดยอดดารา (2)

 

“ฉัน ฉัน เอ่อออ…” หยินหนิงหนิงชำเลืองมองไปยังซูจิ้งด้วยท่าทีประดักประเดื่อ เธอนั้นอยากบอกมาจริงๆว่าทักษะการร้องเพลงของเธอนั้นมีเพียงเท่าที่เห็นตอนสตรีมจริงๆ ไม่ได้ซ่อนพลังเสียงหรืออะไรอย่างที่ว่ามาเลยแม้แต่น้อย แต่ในเมื่อซูจิ้งออกหน้าให้เธอซะขนาดนี้ต่อหน้าหวังซือหยา โจวซิ่ว และเจิ้งชิเหยาที่ต่างมองมาที่เธอนั้น เธอก็ทำได้แค่เพียงพูดไม่ออกเท่านั้นเอง

 

“เลือกเพลงที่ดีที่สุดของเธอได้เลย” ซูจิ้งพยักหน้าเมื่อจะสื่อว่าให้ทำให้เต็มที่ได้เลย

“งั้น ฉันจะลองพยายามดูแล้วกันค่ะ อย่าหัวเราะออกมาแล้วกันนะถ้าร้องได้ไม่ดีน่ะ” หยินหนิงหนิงพูดออกมา

“ก็ดีแล้วนี่นา เราจะได้รู้ว่าสำหรับในเรื่องร้องเพลงนั้นเธอควรฝึกหรือพัฒนาเพิ่มเติมด้านไหนในอนาคต งั้นเราไปที่ห้องอัดกันเลยดีกว่า” หวังซือหยาพูดออกมาก่อนที่จะนำทุกคนไปยังห้องอัดเสียงที่อยู่ข้างๆ ที่นั่นมีเครื่องดนตรีอยู่พร้อมและที่นั่นกำลังมีคนเล่นเพลงกันอยู่

“อาตู่ อัดเพลงให้สาวสวยคนนี้หน่อยนะ” หวังซือหยาหันไปบอกผู้คุมเสียงที่มีผมยาวปกบ่า

“ได้ครับคุณหวัง” ผู้คุมเสียงและคนอื่นๆเองที่เล่นดนตรีอยู่ก็ได้หยุดมือลงก่อนที่จะต่อปลั๊กเครื่องดนตรีเข้ากับลำโพง

หยินหนิงหนิงเองก็ได้เรียกที่จะร้องเพลงยอดนิยมอย่าง “ฉันต้องการคุณ” หลังจากนั้นไม่นาน เสียงดนตรีก็ได้บรรเลงขึ้น หยินหนิงหนิงก็ได้เผยอปากเล็กน้อยก่อนที่จะร้องเพลงออกมาผ่านไมโตรโฟน

ด้วยเพลงนี้เป็นเพลงลึกซึ้งกินใจอยู่แล้วทำให้ทันทีที่เธอร้องออกมาทำให้ตัวเพลงดูนุ่มนวล สวยงาม ราวกับว่าจับใจจนทำให้ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกสบายใจ

 

สายตาของหวังซือหยาในตอนนี้ตาเป็นประกายแบบสุดq ตอนที่เธอได้ยินซูจิ้งบอกว่าหยินหนิงหนิงยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่นั้น ตัวเธอไม่เชื่อแม้แต่น้อย

เพียงคิดว่าซูจิ้งหวงเธอผู้นี้กลัวลำบากเท่านั้น เต็มที่ก็ทำให้เพลงดีขึ้นมาได้อีกนิดหน่อย ไม่คิดว่าจะต่างกันมากขนาดนี้ ก่อนหน้านี้เธอเองก็คิดว่าหยินหนิงหนิงร้องเพลงได้ดีอยู่แล้วแต่ก็ไม่ได้ดีเด่นอะไร

กับตอนนี้เรียกได้ว่าทรงพลังต่างจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด เสียงของเธอทรงพลังขนาดที่ว่าไปจับเจาะผู้ฝังได้อย่างง่ายดายต่างกับตอนสตรีมจริงๆ ที่ซูจิ้งไม่ยอมให้แสดงเต็มที่นี่เพราะกลัวโดนแย่งตัวไปสินะ

เมื่ออาตู่และคนอื่นๆที่ได้ยินเสียงของหยินหนิงหนิงนั้น ทุกคนต่างก็รู้สึกลุ่มหลงในน้ำเสียงของหยินหนิงหนิงตั้งแต่ต้น

 

พวกเขาเองก็ไม่ได้คิดว่าเสียงของผู้หญิงคนนี้จะทำได้ดีสุดๆแบบนี้เพราะตอนแรกเห็นเธอประหม่ามากๆ ในฐานะนักดนตรีนั้นพวกเขารู้ได้แทบจะในทันทีที่ได้ยินเสียงของหยินหนิงหนิงว่าเสียงของเธอวิเศษแค่ไหน

อย่าว่าแต่คนอื่นๆเลย แม้แต่ตัวหยินหนิงหนิงก็ยังกลัวเสียงของตัวเองในตอนนี้เลยด้วยซ้ำ นี่ขนาดเธอแค่ร้องเพลงเฉยๆไม่ได้ร้องตามคีย์เสียงด้วยซ้ำยังไพเราะขนาดนี้ชนิดที่ว่าไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตามเธอก็ปรับตัวได้ทันทีและรีบทำความเคยชินกับเสียงของเธอและร้องต่อไปโดยไม่เป็นที่ผิดสังเกตแต่อย่างใด

 

เมื่อเสียงของหยินหนิงหนิงนั้นทะลุออกจากห้องอัดไปข้างนอก คนที่ได้ยินแม้เสียงเบาๆแต่เขาเหล่านั้นก็อดไม่ได้ที่จะหยุดรับฟัง เพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงของเธอก็รู้ได้เลยว่าเพลงที่เธอร้องนั้นต้องการสื่อถึงอะไร

ทุกคนที่ได้ยินถึงกับต้องหลับตาฟัง เพื่อรับรู้ความรู้สึกก่อนที่จะหันไปหาที่มาของเสียงด้วยความตื่นเต้นเพราะเพลงนี้ช่างเติมเต็มหัวใจของพวกเขาจริงๆ

ทุกคนดื่มด่ำไปกับเสียงร้องของหยินหนิงหนิงราวกับว่าเพลงนี้นั้นยาวนานมากๆ ทั้งที่เพลงนี้สั้นเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น

เมื่อเพลงบรรเลงตัวสุดท้ายได้เล่นออกมาและค่อยๆเงียบลงไป ทุกคนในที่นั้นอดไม่ได้ที่จะปรบมือจนดังลั่น หญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นคนบรรเลงเปียโนเมื่อสักครู่ได้ล6กขึ้นมาและพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า

“คุณหวัง คนที่ร้องเพลงนี้เป็นใครกันคะ เธอร้องเพลงได้สุดยอดมากๆเลย”

“ยอดเสียยิ่งกว่ายอดซะอีก ราวกับว่านี่เป็นเสียงโดยธรรมชาติของเธอเลยจริงๆ” ชายหนุ่มอีกคนพูดเยินยอเข้าไปอีก

 

“กุญแจของความสุดยอดนี้คือสียงของเธอ เสียงของเธอนั้นเป็นเสียงที่หาได้ยากยิ่ง เพียงแค่เธอฮัมเพลงก็รู้ได้เลยว่าเสียงของเธอเพราะแบบสุดๆ” อาตู่ได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจปนอิจฉา ที่เขารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีนั่นก็เพราะว่าเขาเองก็เป็นนักร้องคนหนึ่ง

เสียงนั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของนักร้อง ถึงแม้จะมีหลายๆคนแย้งออกมาว่ามันไม่สำคัญเพราะว่าสามารถดัดมันได้ก็จริง ตัวเนื้อเสียงนั้นควรจะทำให้เหมาะกับแนวเพลงที่ร้องถึงจะดีที่สุด และนั่นจะทำให้คนๆหนึ่งสามารถร้องเพลงได้หลากหลายแนว

แต่ในความจริงแล้วหากในตอนทดสอบการร้องเพลงใดๆนั้น หลายๆครั้งก็ได้มีการตัดสินกันตั้งแต่เสียงธรรมดาที่ใช้พูดคุยกันไปแล้ว

ไม่ได้มีโอกาสได้ใช้ความสามารถพวกนั้นอย่างแน่นอน อีกหนึ่งก็คือการดัดเสียงนั้นทำไม่ได้ทุกคน และแต่ละคนก็มีขีดจำกัดในการดัดเสียงของตัวเอง

 

ดังนั้นที่ดีที่สุดสำหรับนักร้องก็คือการที่มีเสียงดีโดยเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว คนที่มีเสียงแบบนี้ต่อให้ร้องเพลงแบบไหนก็การันตีได้ว่าไพเราะจับใจ

ต่อให้ทักษะการร้องไม่ได้ดีนัก แต่เสียงที่ไพเราะนี้จะทำให้ไม่มีใครใส่ใจเรื่องความสามารถในร้องเพลงแต่อย่างใด และหากคนที่เสียงเพราะมีทักษะในการร้องเพลงสักหน่อยล่ะก็ แน่นอนว่าสามารถจับใจผู้ฟังได้อย่างแน่นอน

และตามที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น หยินหนิงหนิงที่อยู่ต่อหน้าทุกคนนี้คือคนประเภทหลัง หรือก็คือเป็นคนที่เสียงไพเราะจับใจผู้ฟังโดยไม่ต้องทำอะไร แค่เธอฮัมเพลงก็เรียกความสนใจจากคนที่ได้ยินแล้ว เธอนั้นเหมาะกับการเป็นนักร้องเหนือเสียยิ่งกว่าใคร ต่อให้เจอคนที่ดัดเสียงได้ 108 เสียง ก็ไม่มีทางสู้ได้แม้แต่น้อย

 

“สุดยอดดดดด”  แม้แต่หวังซือหยาเองนั้นยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวชมออกมาก่อนที่จะปลายตาไปหาซูจิ้งพลางนึกไปว่า เป็นอย่างที่ซูจิ้งว่าไว้จริงว่าเธอนั้นเหมาะกับการร้องเพลงที่สุด หมอนี่ไปหาสมบัติแบบนี้มาจากไหนกันนะ หยินหนิงหนิงนั้นนอกจากความสวยงามสุดยอดแล้วเธอยังเป็นนักร้องแต่กำเนิดอีกด้วย

กับบางคนที่สวยนั้นยังต้องมีจุดด่างพร้อยอยู่บ้าง กับนักร้องบางคนเองก็ยังต้องมีการปรับปรุงทักษะการร้องเพลงของตนเองอยู่ตลอดเวลา

แต่กับหยินหนิงหนิงคนนี้นั้นไม่มีส่วนใดในร่างกายเลยที่รู้สึกขัดหูขัดตาแม้แต่น้อย

“เพลงที่ฉันร้องออกไปนั้นยังมีบางส่วนที่ยังร้องได้ไม่ดี หากผิดเพี้ยนไปยังไงฉันก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ” หยินหนิงหนิงได้พูดออกมาด้วยความอายเล็กน้อย แต่เธอเองนั่นแหล่ะเป็นคนที่ตื่นเต้นที่สุด เธอนั้นถึงกับลอบหันไปมองซูจิ้งพลางยิ่งคิดไปในคำเล่าลือที่ว่าเขานั้นเป็นมนุษย์ที่เปรียบได้ดั่งเพราะเจ้า

 

เธอนั้นไม่รู้จริงๆในตอนนั้นว่าเขานั้นเปรียบได้ดั่งพระเจ้ายังไง แต่กับตอนนี้ต่อให้เธออธิบายเหตุการณ์จริงๆที่เธอประสบมานี้ก็บอกได้อย่างเดียวว่าไม่มีทางที่คนบนโลกนี้จะเข้าใจอย่างแน่นอน

กับเธอ คนที่เปรียบได้ดั่งลูกเป็ดขี้เหล่คนนี้กับกลายเป็นหงส์ฟ้านางสวรรค์ไปได้ กับคนที่มีเสียงธรรมดาสามัญกลับกลายเป็นคนที่มีเสียงไพเราะราวกับกำเนิดมาด้วยกันในเวลาอันสั้น

เพียงแค่สองเรื่องนี้หากว่าคนทั่วทั้งโลกได้รับรู้นั้นนอกจากจะตกใจกันไปหมดอย่างแน่นอน กลัวแต่ว่าต่อให้คนพวกนั้นเห็นกับตาตัวเองก็ไม่มีทางเชื่อได้อยุ่ดี

 

“ถึงแม้จะร้องผิดคีย์ไปบ้างแต่ก็ยังไพเราะอยู่นะ” หวังซือหยาพูดออกมา

“ก่อนหน้านี้ขอโทษนะที่พูดแบบนั้นออกไป ตอนนี้เราควรจะให้หนิงหนิงเป็นนักร้องใช่รึเปล่า” โจวซิวนั้นอดไม่ได้ที่จะถามออกมา เชิงชิเหยานั้นได้พยักหน้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้ นั่นก็เพราะหยินหนิงหนิงจะต้องกลายเป็นนักร้องที่สวยที่สุดและร้องเพลงได้ไพเราะที่สุดในวงการ ชนิดที่ว่านักร้องด้วยกันยังต้องอิจฉาทีเดียว

 

ความจริงแล้วเมื่อเทียบกับเชิงชิเหยาแล้วตัวเธอเองก็ดูดีไม่ด้อยไปกว่าหวังซือหยาเลยแม้แต่น้อย บางมุมมองนั้นเธอสวยกว่าด้วยซ้ำ เธอจึงเหมาะกับการเป็นดาราไม่ต่างกัน แต่ติดตรงที่ว่าเธอนั้นมีทักษะการแสดงที่แย่ยิ่ง แถมยังไม่ถูกโรคกับผู้ชายซะอีกทำให้แม้แต่ตอนนี้เธอเองก็ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นคน

 

ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าจะเป็นนักแสดงเลยแม้แต่น้อย เธอเองนั้นชอบร้องเพลงและอยากเป็นนักร้องที่สุด แต่เธอนั้นรู้ตัวดีว่าเป็นไม่ได้นั่นก็เพราะว่าเธอไม่สามารถพัฒนาทักษะด้านนี้ได้อีกแล้ว

เธอยอมรับเรื่องนี้ได้หลังจากฝึกร้องเพลงได้สักพักหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย เธอเคยสตรีมและร้องเพลงและปล่อยในอินเตอร์เนตอยู่พักหนึ่งเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรเธอจงเลิกไป

ตอนนี้เธอได้ยินเสียงร้องเพลงของหยินหนิงหนิงแล้วทำให้เธอนั้นรู้สึกได้ว่าคนๆนี้จะเป็นคนที่เธอช่วยผลักดันให้ทำตามความฝันแทนเธอได้อย่างแน่นอน

“ลองเปลี่ยนเพลงแล้วร้องอีกรอบสิ ฉันว่าคราวนี้เธอต้องทำได้ดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน คราวนี้เธอเลือกได้ตามใจเลยนะ” ซูจิ้งพูดออกมา

“ค่ะคุณซู” ในคราวนี้นั้นหยินหนิงหนิงมีความมั่นใจยิ่งกว่าเดิม เธอนั้นเลือกที่จะร้องเพลงภาษาอังกฤษของ เคลินดิออน ที่มีชื่อว่า “มายด์ฮาร์ทวิลโกออน(My heart will Goon)” ที่เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ลำดับตำนานอย่างไททานิค

เหตุผลที่เธอเลือกเพลงนี้นั้นก็เพราะว่าหลังจากเธอได้ยินเสียงของตัวเองในตอนนี้ไปแล้วเธอมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าจะร้องเพลงนี้ได้ตามระดับที่เธอคาดหวังไว้ และนั่นทำให้ทุกคนในที่นี้ตะลึงกันไปหมด พลางคิดกันไปว่าเพลงนี้มันเป็นเพลงที่ยากเลยไม่ใช่เหรอ

 

อย่างไรก็ตามทันทีที่หยินหนิงหนิงได้เริ่มร้องเพลงออกมา ทุกคนอดไม่ได้ทีจะรู้สึกอัศจรรย์ภายในหัวใจของพวกเขา

ตลาดเวลาที่หยินหนิงหนิงร้องเพลงนี้ออกมานั้น ทุกคนต่างก็ลืมไปในทันทีว่าเพลงนี้คือเพลงที่คอยปราบเซียนานักต่อนัก

นั่นก็เป็นเพราะว่าหยินหนิงหนิงได้ร้องได้อย่างเป็นธรรมชาติและไม่ติดขัดเลยแม้แต่น้อยราวกับว่าเธอนั้นร้องเพลงนี้มาจนจำขึ้นใจได้ทีเดียว

 

แทบจะบอกได้ว่าพวกเขานั้นสามารถวางใจในน้ำเสียงของหยินหนิงหนิงในการร้องเพลงนี้โดยไม่ต้องจับผิดแต่อย่างใด

พวกเขาสามารถนั่งนิ่งๆดื่มด่ำไปกับเพลงที่หยินหนิงหนิงร้องได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกลัวว่าจะผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย ถึงแม้จะมีบางช่วงบางตอนที่มีน้ำเสียงเกินเลยจากต้นฉบับไปบ้าง

แต่นั่นกลับทำให้เพลงนั้นสุดยอดมากกว่าเดิม ถึงแม้จะมีบางช่วงจะไม่ดีเท่าเคลินดิออนมาร้องเอง แต่ก็บอกได้ว่ามีบางช่วงที่สุดยอดกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือถึงแม้จะเสียงบางช่วยด้อยไปบ้างแต่เมื่อกลบทับไปกลับบางส่วนที่ดีกว่าก็ถือได้ว่าสมดุลดี เรียกได้ว่าทำให้พวกเขาดื่มด่ำไปกับตำนานเพลงในอีกรูปแบบหนึ่งก็ว่าได้

 

หลังจากทุกคนได้ฟังการร้องเพลงของหยินหนิงหนิงจนจบไปแล้วก็อดไม่ได้ที่จะตบมือกันเกรียวกราว หวังซือหยาได้ไปกระซิบที่ข้างหูของซูจิ้งว่า “อาจิ้ง ขอบคุณที่ส่งว่าที่สุดยอดซุปเปอร์สตาร์มาให้ฉันนะ”

คำพูดนี้ไม่ได้กล่าวเกินไปเลยแม้แต่น้อยที่ว่าหยินหนิงหนิงจะเป็นว่าที่ซุปเปอร์สตาร์ นั่นก็เพราะว่านอกจากความสวยอย่างที่สุดเมื่อเทียบกับคนในรุ่นเดียวกันแล้ว เธอนนั้นยังมีทักษะการร้องเพลงที่สามารถจับใจผู้ฟังได้

จะไม่ให้ดังแบบสุดๆไปได้ยังไง เพราะนอกจากซูจิ้งจะแปลงโฉมเธอคนนี้ด้วยหนังแปลงโฉมแล้ว เขานั้นยังให้เม็ดเสียงของปีศาจทะเลอย่างไซเรนที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดนักร้องในตำนานเสียอีก

เอาจริงๆต่อให้ซูจิ้งไม่ทำอะไรแค่เพียงให้เม็ดเสียงไซเรนนี้แก่หยินหนิงหนิงก็เพียงพอที่จะทำให้เธอเป็นสุดยอดดาราอยู่แล้ว

และเมื่อเธอนั้นใช้ของสองอย่างนี้แน่นอนว่าเธอสามารถขึ้นไปอยู่ในดาราชั้นสองระดับต้นๆได้อย่างสบายเลยทีเดียว ดีไม่ดีจะขึ้นไปชั้นหนึ่งเร็วกว่าเขาซะอีก