GGS:บทที่ 940 ว่าที่สุดยอดดารา(1)

 

หลังจากทำการสตรีมไปแล้ว หยินหนิงหนิงก็เก็บกวาดห้องของเธอในทันทีและได้ออกจากตึก ที่นั่นมีรถเปอร์เช่คันหนึ่งจอดรอเธออยู่ เมื่อเธออยู่ต่อหน้าแฟนๆของเธอนั้นเธอนั้นสวย สง่า และงดงาม ราวกับว่าเป็นนางฟ้านางสวรรค์ แต่ตอนนี้สำหรับคนที่อยู่ต่อหน้าเธอนั้นคือคนที่เธอให้ความเคารพอย่างที่สุด

“คุณซูคะ”

หยินหนิงหนิงเมื่ออยู่ต่อหน้าของซูจิ้งนั้นไม่ได้แสดงท่าทางถือตัวแต่อย่างใดนั่นก็เพราะว่า หนึ่ง เธอเองก็เป็นหนึ่งในแฟนคลับที่เทิดทูนซูจิ้งแบบสุดหัวใจ

สอง ที่เธอมีชีวิตแบบทุกวันนี้ได้นั้นก็เป็นเพราะว่าซูจิ้งให้โอกาสเธอจนทำให้มีทุกวันนี้ทำให้เธอนั้นเคารพนับถือซูจิ้งราวกับว่าเป็นเจ้าชีวิต

และสาม เธอได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับวูจู่มาแล้วและเข้าใจได้ทันทีว่าหากซูจิ้งนั้นรู้สึกไม่พอใจเธอขึ้นมา เธอเองก็คงต้องกลับไปอยู่ในรูปลักษณ์เดิม และนั่นก็คงทำให้เธอตกอยู่ในสภาพไม่ต่างจากวูจู่แน่นอน

 

“ไปเลยนะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มและได้สตาร์ทรถและขับออกไป

หยินหนิงหนิงพยักหน้าเห็นด้วยและยังดูประหม่าไม่น้อยเลยทีเดียว ซูจิ้งพาเธอตรงไปยังบริษัทหยุนหยินเอนเตอร์เทนเมนต์เพื่อที่จะทำให้หยินหนิงหนิงเป็นดารา นี่เองที่ทำให้เธอนั้นตื่นเต้นจนประหม่าอย่างเห็นได้ชัด

ตัวเธอนั้นนอกจากร้องเพลงแล้วยังสามารถเล่นเปียโนได้ก็จริง ถึงแม้จะทำได้ดีในฐานะสตรีมเมอร์ก็ตาม แต่กับการเป็นนักร้องหรือนักเปียโนนั้นถือได้ว่าห่างไกลมากนัก

และเธอนั้นก็รู้ดีว่ามีอีกอย่างหนึ่งที่สตรีมเมอร์อย่างเธอนั้นขาดไปนั่นก็คือการแสดง เธอรู้ดีว่าการเป็นดารานั้นจะตั้งมีทักษะการแสดงได้หลายบทบาท ถึงแม้ว่าเธอจะพอทำได้บ้างแต่มันก็ยังขัดตาอยู่ดี

 

แค่ความสวยเพียงอย่างเดียวนั้นในวงการดาราก็เปรียบได้เพียงแค่เป็นแจกันที่สวยงามแต่ก็ได้แค่วางประดับไว้เท่านั้น เธอจึงกลัวว่าจะทำได้ไม่ดีกับเรื่องนี้จนซูจิ้งไม่พอใจขึ้นมา

“อ้อใช่แล้วล่ะ” ทันใดนั้นซูจิ้งหยุดรถก่อนที่จะนำขวดเล็กๆออกมาจากกระเป๋าก่อนจะส่งให้หยินหนิงหนิงแล้วพูดขึ้นว่า “ดื่มนี่ซะ”

“นี่คืออะไรเหรอคะ” หยินหนิงหนิงถามออกมาอย่างงงๆ เธอเองได้ลองเปิดดูก็เห็นเม็ดกลมๆสีน้ำเงินอยู่ข้างใน มันกลมเกลี้ยงและเงางาม กลิ่นของมันก็เย้ายวนจนทำให้ต้องกลืนน้ำลายในทันที

“มันเป็นยาจีนโบราณน่ะ เจ้ายานี่ดีต่อหลอดลมและเส้นเสียง มันจะทำให้น้ำเสียงของเธอนั้นก้องกังวาลและละมุนหูยิ่งขึ้น” ซูจิ้งพูดออกมา

 

หยินหนิงหนิงไม่ได้รู้สึกแปลกใจต่อคำพูดของซูจิ้งแม้แต่น้อย เธอเทขวดให้เม็ดสีน้ำเงินนี้ออกมาแล้วนำมันวางไว้ในปากก่อนที่จะกลืนลงไปอย่างว่าง่าย

ถึงแม้ว่าเจ้าเม็ดสีน้ำเงินนี้จะใหญ่ไปหน่อยแต่มันก็ไหลลื่นผ่านลำคอราวกับเธอได้กินหยกที่กลมเกลี้ยงลงไปทำให้เธอกลืนลงไปได้อย่างง่ายดาย

เหตุผลที่เธอกลินลงไปโดยไม่ถามอะไรเลยนั้นก็เป็นเพราะว่าเธอนั้นเชื่อซูจิ้งแบบหมดใจและมั่นใจในตัวซูจิ้งว่าจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อเธอ

 

เธอเองก็ได้ยินข่าวลือของซูจิ้งมามากมายหลากหลายเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมบัติมหัศจรรย์ลึกสุดหยั่งที่เขานั้นมีไว้ครอบครอง

ที่เธอรู้ว่าสุดมหัศจรรย์แน่ๆอย่างน้อยก็คือวิธีการศัลยกรรมเรือนร่างที่ทำให้เธอมีรูปลักษณ์แบบทุกวันนี้ หากโลกนี้รู้ว่ามีเทคนิคแบบนี้อยู่ล่ะก็แน่นอนว่าต้องทำให้ทั้งโลกต้องสั่นสะเทือน

อีกข่าวหนึ่งที่เธอได้ยินมาก็คือยาที่ทำให้เพื่อนเก่าของเขาสูงขึ้นได้ร่วมสิบเซนติเมตร

“เอาล่า คราวนี้เธอก็แค่รอไปอีกสักพักไม่ต้องพูดอะไรนะ รอให้ผลของมันออกมาก่อนแล้วกัน” ซูจิ้งพูดออกมา

“ค่ะ” หยินหนิงหนิงพยักหน้าและทำเสียงตอบรับออกมาเล็กน้อย แต่แค่เพียงเสียงตอบรับเล็กน้อยนี้ก้ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจแล้วเหมือนกัน

นั่นก็เพราะเสียงของเธอในตอนนี้นั้นช่างนุ่มนวล เย้ายวน และมีเสน่ห์ยิ่งกว่าเดิม จนขนาดที่ว่าตัวเธอเองก็ยังรู้สึกไปว่าหูฝาดไปรึเปล่า

 

แต่ในเมื่อซูจิ้งบอกมาว่าให้เงียบไว้ก่อนเธอก็เลยไม่อยากจะลองอะไรมาก กลัวว่าจะเกิดผลเสียต่อเสียงของเธอ เธอยอมนั่งเงียบไปนานจนรถมาหยุดอยู่ที่ประตูของยริษัทหยุนหยินเอนเตอร์เทนเมนต์

 

เอาจริงๆรถปอร์เช่ของซูจิ้งคันนี้นั้นไม่ได้เหมาะสมกับฐานะของซูจิ้งเลยสักนิด ขนาดรถออร์ดี้ที่เขาให้ฉือชิงไปนั้นยังดีซะกว่า

 

ก่อนหน้านี้ซูจิ้งเองก็รู้สึกอยากจะเปลี่ยนรถให้หรูกว่านี้เหมือนกันอย่างเช่นรถ ปอร์เช่918ที่มีราคากว่าสิบล้านหยวน หรืออย่างรถโรลสลอยด์ก็ดูสวยดี

แต่เมื่อเขานั้นคิดอีกทีก็รู้สึกไม่อยากเปลี่ยน นั่นก็เพราะว่าต่อให้รถมันจะหรูสักขนาดไหนแต่มันก็แค่เพียงเพิ่มลูกเล่นนิดๆหน่อยๆให้อยู่บนรถให้มีความสุขมากขึ้นเท่านั้น

หากเทียบกับการได้ขี่อินทรีย์ทองของเขาแล้วรถพวกนี้ไม่มีอะไรที่เทียบได้เลยสักคัน ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ความรู้สึกที่ได้สัมผัสสายลม

 

นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พวกมันยังต้องแล่นอยู่บนถนนเท่านั้น ไหนจะเรื่องรถติดอีก เขาสามารถขี่เสี่ยวจินไปยังที่ไหนบบนโลกก็ได้แถมยังสบายกว่านั่งบนรถเป็นไหนๆ

ถึงแม้ในความจริงแล้วเขาจะไม่สามารถขี่เสี่ยวจินไปได้ทุกเวลาก็ตาม แต่ยังไงซะการที่ต้องจ่ายเงินแพงๆเพียงเพื่อความสบายเล็กน้อยแบบนั้นเขาไม่ต้องการ อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนรถอยู่แล้วจึงขี้เกียจเปลี่ยน แค่เจ้าปอร์เช่911คันนี้ก็เพียงพอต่อเขาแล้ว

 

ซูจิ้งนำหยินหนิงหนิงเข้าไปในตึกและพาเข้าไปคุยกับหวังซือหยา โจวซิวและเชิงชิเหยาในทันที หยินหนิงหนิงในตอนนี้อยู่ในชุดเดรสสีน้ำเงินและกระโปรงยาวราวกับว่าเป็นนางแบบเลยทีเดียว ที่ว่ามาอย่างนั้นนั่นก็เพราะว่าชุดแบบนี้น้อยคนนักที่จะใส่แล้วดูดีได้

เมื่อทุกคนได้เห็นหยินหนิงหนิงนั้นอดไม่ได้ที่จะรุมล้อมเข้ามาดูใกล้ๆและเดินดูรอบตัวจนหยินหนิงหนิงเขินไปเลยทีเดียว

ทุกคนในที่นี้ได้เข้าไปดูการสตรีมของหยินหนิงหนิงมาแล้ว แต่เมื่อได้เห็นตัวเป็นๆแล้วเธอได้ทำให้ทุกคนต้องยืนขึ้นมาและเดินมาชมความงามใกล้ๆ ถึงกับมีช่างภาพมาถ่ายรูปของเธอในตอนนี้ด้วยซ้ำทำให้เธอประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก

 

ถึงแม้ว่าหวังซือหยาและเชิงชิเหยาจะเป็นสาวงาม แต่ทั้งสองรู้ได้ทันทีว่ายังเทียบไม่ได้กับหยินหนิงหนิงในตอนนี้

หยินหนิงหนิงในตอนนี้งดงามราวกับงานศิลป์ปูนปั้นเลยทีเดียว แทบจะบอกได้เลยว่าสวยงามในทุกมุมมองเลยแบบไร้ที่ติ ทั้งคู่ได้เห็นสาวงามมาก็มากแต่ไม่มีใครเลยที่เทียบกับหยินหนิงหนิง ถ้าไม่นับฉือชิงและมู่หรงเซียนเอ๋อล่ะนะ

“อาจิ้ง นายไปเจอสาวงามคนนี้ที่ไหนกัน” หวังซือหยาถามออกมาด้วยความตื่นเต้น สาวงามคนนี้เธอแทบจะบอกได้เลยว่าในยุคสมัยที่ทั่วทั้งโลกเชื่อมต่อกันด้วยอินเตอร์เนตแบบนี้สามารถทำให้เธอดังได้ไปอีกนานเลยทีเดียว

ตอนนี้ในสังกัดของเธอนั้นมีสาวงามอยู่มากมายแล้วก็ตามแต่กับหยินหนิงหนิงคนนี้ต่างออกไป นั่นก็เพราะว่าสาวงามเหล่านั้นยังต้องมีมุมมองที่ไม่สวยอยู่บ้าง เหล่าช่างภาพเองถึงกับต้องคอยออกแบบท่าทางให้เธอ

แต่กับหยินหนิงหนิงนั้นบอกได้เลยว่าแม้แต่มุมเงยก็ยังดูสวยเลยทีเดียว นี่ต้องทำให้อินเตอร์เนตต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน

 

แต่สาวงามแบบนี้แทนที่จะควรถูกพบเจอบ้างแล้ว แต่เธอก็ยังถูกซูจิ้งขุดเจอมาจนได้ นี่เธอไปอาศัยอยู่แถวตะเข็บชายแดนรึไงกันนะ

“เอ้า ได้เจอก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

“มันไม่ใช่แค่ดี แต่ดีสุดๆต่างหาก”

“ขอบคุณค่ะคุณหวัง” หยินหนิงหนิงที่ได้ยินหวังซือหยาชมเธอแบบนั้นก็ทำให้เธอถึงกับมีความสุขอย่างมากเลยทีเดียว

แต่คำพูดนี้ทำให้ทุกคนที่นั้นไม่ว่าจะเป็นหวังซือหยา โจวซิว และเชิงชิเหยาถึงกับนิ่งอึ้งไปในทันที นั่นก็เพราะว่าเสียงของเธอนั้นมีเสน่ห์ที่แม้แต่ผู้หญิงก็ยังต้องอึ้ง แม้แต่หยินหนิงเองก็ยังอึ้งไม่ต่างไปจากทุกคน ก่อนหน้านี้ที่เธอคิดว่าเสียงดีขึ้นนั้นไม่ใช่ว่าหูฝาดไปจริงๆสินะ นี่เสียงของเธอเปลี่ยนไปจริงๆ ขนาดเธอพูดออกมาเองยังรู้สึกได้ถึงความต่างขนาดนี้ แน่นอนว่ากับคนอื่นเองล่ะก็ยิ่งกลายเป็นจับใจแบบสุดๆ เสียงนี้มีเสน่ห์มากชนิดที่เป็นเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่เธอเองได้ยินมา ยาของซูจิ้งนี่มีเวทมนต์รึไงกันนะ

 

“ไม่คิดเลยว่าเสียงของหนิงหนิงจะเย้ายวนขนาดนี้” หวังซือหยากล่าวชมออกมาในทันทีเพราะนี่จะทำให้หยินหนิงหนิงดังง่ายกว่าเดิมเข้าไปอีก

 

หวังซือหยาและซูจิ้งได้พูดคุยกันพักใหญ่เกี่ยวกับเรื่องเส้นทางในวงการบันเทิงของหยินหนิงหนิง โดยปกติแล้วเส้นทางในวงการบันเทิงนั้นหลักๆจะมีสองอย่างนั่นก็คือการเป็นนักแสดง อีกอย่างคือการเป็นนักร้อง

หวังซือหยานั้นเชื่อว่าหยินหนิงหนิงนั้นจะเติบโตในเส้นทางนักแสดงมากที่สุดเพราะนั้นสวยมากๆ ถึงแม้เธอจะแสดงไม่เก่งแต่นั้นก็ยังฝึกกันได้

ส่วนการร้องเพลงเองแน่นอนว่าเดี๋ยวนี้สามารถใช้คอมพิวเตอร์ทำได้อยู่ก็จริงแต่นั่นมันก็เท่ากับเป็นการแสดงเสียงอย่างเดียวซึ่งนั่นมันน่าเสียดายมากๆ

แต่ซูจิ้งกลับเห็นต่างและก็ยังเชื่อว่าควรจะสร้างแนวทางให้เธอเป็นดาราโดยการเป็นนักร้องไปเลย

“ฉันได้เห็นเธอตอนสตรีมนะ ถึงแม้ว่าเธอจะร้องเพลงได้ดีอยู่แต่เมื่อเทียบกับนักร้องมืออาชีพแล้วยังถือว่าห่างกันมากเลยนะ ฉันว่าหากจะดังด้วยการเป็นนักร้องไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย” หวังซือหยาพูดออกมา

“อ่อ อันนั้นเหรอ ความจริงเธอร้องได้ดีกว่านั้นแต่ฉันรั้งไม่ให้เธอร้องสุดฝีมือเองนั่นแหล่ะ ลองให้หนิงหนิงร้องเพลงให้เจ๊ดูแล้วกัน” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

นี่ทำให้หวังซือหยา โจวซิว เชิงชิเหยา และคนอื่นๆอึ้งจนหันไปมองหยินหนิงหนิงกันเป็นตาเดียว จนทำให้เธอนั้นประหม่าแบบสุดๆในทันทีพลางนึกไปถึงตอนที่ตัวเองสตรีมแล้วก็คิดในใจว่า นั่นมันก็ที่สุดของเธอแล้วนะตัวเธอเองจะไม่รู้ได้ยังไง นี่ซูจิ้งอวยเธอเกินไปแล้ว