GGS:บทที่ 939 เปลี่ยนใจ

 

การสตรีมของสตรีมเมอร์หนิงหนิงและชีเน่(ชื่อสตรีมของจูซิวหนี่)ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายในทันทีที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนคนดูในช่องของจูซิวหนี่นั้นขึ้นสูงสุดก็ตอนที่เธอนั้นกินแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นที่ 30 เสร็จสิ้นไป แน่นอนว่าการกินจุของเธอในครั้งนี้นั้นสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ชมอย่างมาก

แม้แต่ผู้ชมที่เป็นแฟนพันธุ์แท้หรือแฟนคลับเองก็ยังส่งของรางวัลให้เธออย่างมหาศาลชนิดที่ว่านำหน้าหนิงหนิงไปไกลเลยทีเดียว

 

“ฉันไม่อยากจะพูดคำนี้ออกมาเลยจริงๆ ความจริงฉันต้องอิจฉาจนเกลียดเธอไปแล้วนะ แต่ชีเน่นี่สร้างความประหลาดในให้ฉันจริงๆ ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะทำได้ดีขนาดนี้”

“แฮมเบอร์เกอร์ 30 ลูก โอ้แม่เจ้า”

“ท้องน้อยๆลูกนั้นจุเข้าไปได้ยังไงกัน”

“เธอยังดูสบายๆอยู่เลยนะ แถมยังทำท่าอยากจะกินต่อด้วยอ่ะ”

“กลายเป็นว่าพี่จิ้งนั้นไม่ใช่ไปเพียงแค่ช่วยเหลือเธอ แต่กลับพบคนมีสามารถจริงๆซะได้”

“…..” ทำไมถึงคิดว่าเธอมีความสามารถน่ะเหรอนั่นก็เพราะว่าต่อให้สาวๆที่ร่างกายสมส่วนก็ยังไม่สามารถกินได้ครึ่งหนึ่งของสาวน้อยคนนี้เลยนั่นเอง

 

แต่เดิมแล้วคนที่เข้ามาดูช่องสตรีมของจูซิวหนี่นั้นเพียงต้องการเข้ามาเพื่อช่วยเหลือเท่านั้น เย่หลินนี่ถึงกับพูดไม่ออกในทันที นี่เธอตั้งใจเข้ามาดูสตรีมเพื่อต้องการช่วยเธอจริง แต่เมื่อเห็นยอดคนดูที่นำเธอพร้อมทั้งของขวัญที่หลั่งไหลไม่หยุดยั้งแบบนี้เธอเลยไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรอีกต่อไป

“วันนี้ขอจบการสตรีมเพียงเท่านี้นะคะ พรุ่งนี้เราค่อยมาพบกันใหม่เวลาเดิม อ้อ แล้วก็ในอีกครึ่งเดือนจะมีการแข่งขันที่มีชื่อว่า “ราชันนักกินจุ” และฉันเองก็วางแผนที่จะเข้าร่วมด้วย

โดยคิดไว้ว่าในระหว่างแข่งก็จะทำการสตรีมไปด้วย ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะคะ ส่วนเพื่อนๆของฉันเองก็ฝากติดตามไปเชียร์กันด้วยน้า…..” จูซิวหนี่พูดออกมาด้วยท่าทางอายๆเล็กน้อยแต่นั่นกลับทำให้ผู้ชมประทับใจและตื่นเต้นอย่างมาก

 

“โว้ววววว ฉันจะเข้าร่วมงานแข่งนั้นด้วย”

“ฉันอยากเห็นจริงๆเลยการแข่งนั้นนะ”

“แต่ฉันกลัวว่าเธอจะสู้ไม่ไหวนี่สิ เพราะได้ข่าวว่ามีนักกินจุหลายคนเลยที่ลงแข่งนะ จะไหวจริงๆเหรอ”

“แล้วยังไงล่ะ ชีเน่ของเรานั้นถึงแม้ว่าจะดูอ่อนแอแต่เธอเองก็กินอย่างดุดันเลยนะ เธอไม่มีทางแพ้ให้กับนักกินพวกนั้นอย่างแน่นอน”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันอยากเห็นพวกนั้นหงายหลังจริงๆ”

 

จูซิวหนี่เองนั้นไม่ได้สนใจว่าการสตรีมในครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่แต่อย่างใด ความจริงแล้วเธอนั้นไม่อยากให้ใครไปดูเลยด้วยซ้ำ แต่นี่เองก็เป็นเรื่องที่เธอนั้นได้พูดคุยกับซูจิ้งแล้ว

เธอนั้นไม่เพียงแค่ต้องลงแข่งในงานกินจุระดับชาติแบบนี้เท่านั้น หากในอนาคตเธอมีโอกาสล่ะก็เธอต้องไปงานแข่งกินจุรอบโลกเลยทีเดียว

 

วูจู่ที่พยายามจะสตรีมแข่งกับหนิงหนิงและซิวหนี่นั้น นอกจากจะไม่เทียบไม่ได้แม้แต่น้อยแล้วแถมยังต้องเจ็บตัวจนแทบกระอักเลือดออกมาด้วยซ้ำ

ตอนนี้มีหลายๆคนได้ส่งข้อความส่วนตัวมาสาปแช่งเขา ตอนนี้เขาร้องไห้ออกมาอย่างต่อเนื่อง เขานั้นปิดชีวิตตัวเองในฐานะสตรีมเมอร์แล้วจริงๆ

 

ตัวเขาในตอนนี้นั้นพลางนึกถึงเหตุการณ์ในวันคืนเก่าๆในช่วงที่เขาแปลงโฉมมาแล้วจนอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งในความโง่งมและละโมบของตัวเองจนอยากจะตายๆไปให้ซะพ้นๆ

ตอนนี้เขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่าการสตรีมของเขาในฐานะของกวนจูจิวนั้นเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป ต่อให้ในตอนที่เขาแปลงโฉมนั้นจะมีแฟนคลับพันธุ์แท้มากมายขนาดไหนก็ตาม แต่ตอนนี้ก็ถือได้ว่าเปล่าประโยชน์

ต่อให้เขาจะสตรีมในช่องของกวนจูจิวได้อยู่ก็จริงแต่พวกแฟนพันธุ์แท้พวกนั้นไม่มีทางที่จะให้ของขวัญเขาอย่างแน่นอน

ไม่เพียงเท่านั้น ตัวเขาเองก็น่าจะถูกคำพูดทิ่มแทงและเหยียดหยามเสียยิ่งกว่าเดิม ดีไม่ดีอาจถึงขั้นถูกดักทำร้ายเลยก็ได้

 

นั่นก็เพราะว่าเมื่อดูจากกำลังทรัพย์ของเหล่าแฟนพันธุ์แท้พวกนี้แล้วบอกได้เลยว่าหากคนพวกนี้อยากจะหาที่อยู่ของเขาจริงๆล่ะก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างได

ตอนนี้วูจู่ได้รับรู้ในสิ่งที่คนทั่วไปรู้จักกันว่าเป็นประสบการณ์อันเจ็บปวดและได้กลับไปใช้ห้องสตรีมที่เรียกว่า “พี่น้องนักดนตรี” ซึ่งเขานั้นเคยใช้ก่อนที่จะแปลงโฉม

ที่นี่มีเพียงแฟนคลับของเขาอยู่เพียงไม่กี่คน และก็มีจำนวนผู้ชมเข้ามาดูเพียงทีละคนทีละคนเท่านั้นเอง บรรยากาศในช่องข้อความนั้นก็ช่างเงียบเหงา

 

ผู้ชมเองก็เพียงแค่คุยกันเองซะเป็นส่วนใหญ่ ช่างเป็นบรรยากาศที่จืดชืดแบบสุดทำให้ตัววูจู่เองต้องยอมแพ้ที่จะสตรีมต่อไป ถึงจะบอกแบบนั้นแต่เขานั้นก็ยังมีคนส่งของขวัญให้เขาอยู่บ้าง ทำให้เขานั้นนึกถึงบรรยากาศเก่าๆขึ้นมา

แต่ในระหว่างที่กำลังรำลึกความหลังอยู่นั้นก็ได้มีผู้ชมจำนวนกว่าห้าสิบคนเข้ามาดูเขานี่ทำให้เขานั้นถึงกับตาเป็นประกายในทันที แต่เมื่อเห็นรายชื่อของคนที่พึ่งจะเข้ามาก็ทำให้เขานั้นถึงกับต้องหน้าถอดสี

นั่นก็เพราะว่าคนทีเพิ่งจะเข้ามาใหม่นั้นเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเขาตอนที่เป็นกวนจูจิว และคนที่ดูรวยที่สุดในกลุ่มก็พิมพ์ข้อความออกมาว่า “ไอ้อ้วนนี่มีช่องสตรีมของมันอยู่ที่นี่ รีบคืนรหัสของพี่จูมาเดี๋ยวนี้”

คนที่พิมพ์ออกมานั้นคือสุดยอดในหมู่สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ของกวนจูจิว นี่ทำให้วูจู่ถึงกับลืมเตะคนนี้ออกจากห้องในทันที

 

แต่ในทันทีที่เขาทำอย่างนั้น แฟนคลับของเขาในตอนที่เป็นกวนจูจิวก็ได้เข้ามาที่นี่แทบจะทุกคน ก่อนที่จะถล่มใส่เขายับเยินด้วยคำด่าที่หยาบโลนแบบสุดๆ

จนทำให้ในตอนนี้ภาพในการสตรีมนั้นคือวูจู่นั้นกำลังนั่งจิ้มเอาคนออกจากห้องแชทชนิดมือเป็นระวิง แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้ช่วยอะไรแม้แต่น้อย

ตอนนี้เขาเหนื่อยจนเริ่มร้องไห้ออกมาแล้ว เขาไม่อยากจะเสียช่องสตรีมนี้ไปอีกหลังจากตัดสินใจผิดพลาดมาก่อนหน้านี้ และนี่ทำให้บรรยากาศในช่องสตรีมของเขายิ่งเงียบสงัดกว่าเดิมและของรางวัลที่เขาได้เองก็น้อยลงด้วยเช่นเดียวกัน

วูจู่ที่น้ำตานองหน้าอยู่ในตอนนี้เขาพลันนึกถึงฉากในวันสุดท้ายที่เขายังสตรีมในคราบของกวงจูจิวอยู่ ในตอนนั้นของรางวัลหลั่งไหลมาอย่างกับสายน้ำ ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งร้องไห้ออกมามากกว่าเดิม

เขาได้ทำการปิดสตรีมลงในทันทีก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อที่จะโทรหาซูจิ้งแต่เขาก็ยังโทรหาซูจิ้งไม่ได้

 

เขารีบวิ่งออกจากห้องเพื่อไปตามหาโทรศัพท์สาธารณะที่แทบจะหาได้ยากยิ่งแล้วทำการโทรหาซูจิ้งในทันที ในคราวนี้ซูจิ้งรับสาย วูจู่ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ เขาได้รีบพูดออกไปทั้งๆที่ยังสะอึกสะอื้นอยู่ว่า

“คุณซู ฮึกๆ ผมรู้ว่าผมผิด ผมผิดไปแล้วจริงๆ ฮึก โปรดให้โอกาสผมอีกครั้ง ผมขอเซ็นสัญญาแบบเดิมก็ได้ผมจะ ฮึก ผมจะไม่เรียกร้องส่วนแบ่งเพิ่มจากคุณอีกเลย”

“ความร่วมมือของเรานั้นจบไปแล้ว ฉันไม่ชอบให้โอกาสครั้งที่สองกับใครหรอกนะ อย่ามาโทรหาแล้วพูดจาไม่รู้เรื่องไร้มารยาทแบบนี้อีก” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างเย็นชา

 

“ได้โปรดเถอะครับคุณซู ให้โอกาสผมอีกที คราวนี้ผมจะพูดดีๆแล้วครับ อ่ะ แฮ่ม อย่างแรกผมต้องสวัสดีก่อนสินะ สวัสดีครับ คุณซูาครับ” วูจู่ในขณะนี้ถึงแม้จะร้องไห้และพยายามพูดขอร้องแบบสุภาพที่สุด แต่ในขณะที่พูดนั้น ซูจิ้งก็ได้วางสายไปกลางคัน วูจู่ก็ยังพยายามโทรหาซูจิ้ง แต่ครั้งนี้ซูจิ้งไม่ได้รับสายแต่อย่างใด วูจู่เองก็ยังพยายามดึงดันโทรอยู่แบบนั้นแต่เขาก็ไม่รับสายอยู่ดี

“เฮ้ เป็นอะไรรึเปล่า นายเข้าไปนานแล้วนะ” ที่ข้างนอกตู้โทรศัพท์นั่นมีเด็กสาวคนหนึ่งที่ใส่ชุดเดรสออกแนวแฟชั่นร่วมสมัยยืนคอยอยู่ก็ได้ตะโกนถามเข้ามา

 

ถึงแม้จะดูแปลกตาไปบ้างที่ใครๆเดี๋ยวนี้ก็น่าจะมีโทรศัพท์มือถือใช้กันหมดแล้ว เธอเองก็มีเหมือนกันแต่หน้าจะของเธอนั้นดำสนิท นั่นหมายความว่าโทรศัพท์ของเธอนั้นแบตหมด และตัวเธอเองก็แสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมา

“รอเดี๋ยวได้รึเปล่า อีกฝั่งยังไม่รับโทรศัพท์ของฉันเลย” วูจู่ละล่ำละลักออกมา แต่ทันทีที่เห็นใบหน้าของสาวน้อยในชุดแฟชั่นร่วมสมัยแล้วทำให้เขาเองก็หลงใหลจนไม่เป็นตัวของตัวเองไปพักหนึ่งเหมือนกัน แต่ไม่นานนักเขาก็ได้สติเหมือนฟองสบู่ที่พองจนสุดแล้วก็แตกในทันใด

คนบางคนนั้นถึงแม้จะรูปร่างธรรมดาแต่ความสามารถดีก็มีเยอะแยะ แต่กับเขาแล้วหน้าตายังไม่สามารถเทียบได้กับคนธรรมดา

 

“ฉันรอนานแล้วนะแล้วก็จะโทรเพียงไม่นานหรอก ขอฉันโทรก่อนทีหนึ่งแล้วกัน” สาวน้อยพูดออกมา

“ก็ได้” วูจู่ยอมออกมาจากตู้โทรศัพท์แต่โดยดีและสาวน้อยเองก็ไม่ได้มีท่าทีแปลกๆต่อเขาแต่อย่างใด

ยิ่งเมื่อวูจู่ได้เห็นสาวน้อยคนนี้ก็ยิ่งทำให้เขานั้นยิ่งเศร้าหมองลง หากเขานั้นยังหล่อเหลาแบบก่อนหน้านี้ สาวน้อยคนนี้คงไม่แคล้วที่จะอึ้งไปกับความหล่อเหลาจนต้องยากคุยกับเขามากกว่าโทรศัพท์อย่างแน่นอน ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งเศร้าแบบสุดกู่ เศร้าจนเขาต้องลงไปนั่งกองกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมา

 

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ เกิดอะไรขึ้นกับคุณเหรอ” สาวน้อยที่เห็นวูจู่ลงไปกองกับพื้นก็ได้ถามออกมาด้วยความสงสัย เธออยากรู้จริงๆว่าชายคนนี้เศร้าอะไรนักหนา

ถึงแม้เขาจะดูหน้าตาหื่นกามแต่พอสังเกตเห็นรอยคราบน้ำตาที่ติดอยู่กับโทรศัพท์ ถึงแม้จะรู้สึกขยะแขยงอยู่บ้างแต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา แล้วเธอก็ได้พูดต่อว่า “อย่าร้องไปเลยน่า ฉันยอมให้นายโทรก่อนก็ได้”

วูจู่ที่ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งร้องไห้ออกมาหนักมากกว่าเดิมราวกับใจของเขาได้แตกสลายไป

เมื่อสาวน้อยได้เห็นวูจู่ที่ร้องไห้ออกมาอย่างหนักก็ถึงก็หน้าเปลี่ยนสีในทันที นี่มันพื้นที่สาธารณะนะ หากมาร้องไห้แบบนี้มันก็เหมือนกับว่าเธอรังแกเขาอยู่น่ะสิ

ถึงแม้จะยังดูขยะแขยงไปบ้างแต่สถานการณ์ของเธอในตอนนี้เองก็ทำให้ไม่สามารถใส่ใจวูจู่ได้เช่นเดียวกัน ดูเหมือนว่าเธอจะต้องหาโทรศัพท์สาธารณะตู้อื่นซะแล้ว