คำพูดของจวินเสี่ยนช่วยกอบกู้สถานการณ์ขึ้นมาได้ กองทัพรุ่ยหลินมีขวัญกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง กระทั่งออร่าของพวกเขาก็ดุดันขึ้นกว่าเมื่อก่อน ในเวลานั้น อาณาจักรล่างได้ระดมกำลังทั้งหมด รวมกันเป็นกองกำลังภายใต้การนำของฉูหลิงเย่ พวกเขาได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวดด้วยความเร็วที่บ้าคลั่ง กองทัพรุ่ยหลินกลุ่มใหญ่ถูกส่งไปยังอาณาจักรกลางเพื่อติดตามการเคลื่อนไหวในอาณาจักรกลาง
“อีกสองวันก็จะได้เวลาที่พวกคุณชายเฉียวฉู่จะออกจากการเก็บตัวฝึกแล้ว ตอนนั้นข้าคงต้องกลับไปที่อาณาจักรล่างสักพัก พวกเจ้าที่เหลือก็คอยสังเกตการเคลื่อนไหวของอาณาจักรกลางต่อไป หากมีอะไรผิดปกติให้ส่งข่าวกลับโดยเร็วที่สุด” กู้หลีเชิงพูด
“ขอรับ!”
หลังจากถามเพิ่มอีกสองสามคำถามและยืนยันการเคลื่อนไหวล่าสุดของอาณาจักรกลางแล้ว กู้หลีเชิงก็โบกมือไล่ คนของกองทัพรุ่ยหลินแยกย้ายกันไปทันที
ในวิหารที่สร้างไปแล้วครึ่งหนึ่ง เด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงตะโกนโวยวายของพวกผู้คุมงาน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแวบขึ้นในใจเขา เด็กหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงชายหนุ่มคนนั้น แต่พอเขาลุกขึ้นก็เห็นว่าชายหนุ่มที่หายตัวไปเมื่อคืนยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน มองดูแล้วเหมือนกับว่าเขาก็เพิ่งตื่นเช่นกัน
เด็กหนุ่มกระพริบตาอย่างเหลือเชื่อ หลังจากแน่ใจว่าตนไม่ได้ตาฝาด เด็กหนุ่มก็ยืนขึ้นและเริ่มสงสัยว่าเรื่องเมื่อคืนได้เกิดขึ้นจริงๆหรือเปล่า
หรือว่าเมื่อคืนเขาแค่ฝันไป?
พวกคนคุมงานโบกแส้เร่งพวกเขา เด็กหนุ่มจึงไม่กล้าชักช้าและรีบเดินไป
สีหน้าของชายวัยกลางคนคนเมื่อวานดูไม่ค่อยดีนัก เขาหน้าซีด การเคลื่อนไหวก็เซื่องซึม ขณะที่เดินอยู่ภายใต้แสงแดดอันร้อนระอุ เหงื่อก็เริ่มไหลลงมาตามหน้าผากของเขา ร่างของเขาโอนเอนไปมา โชคดีที่เด็กหนุ่มสังเกตเห็นและรีบเข้าไปพยุงตัวเขาไว้
“ลุงหลิว!” เมื่อเด็กหนุ่มแตะตัวชายวัยกลางคน เขาก็รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิร่างกายของชายคนนั้นสูงผิดปกติ สีหน้าของเขาแสดงความวิตกกังวลอย่างที่ไม่เป็นมาก่อน
ลุงหลิวกลืนน้ำลาย เขาเกิดอาการเวียนหัวขึ้นมา จึงจับแขนเด็กหนุ่มไว้ และแทบจะทรงตัวไม่อยู่
“ลุงหลิวไม่สบายหรือ?!” เด็กหนุ่มถามอย่างกังวล เขาเพิ่งมาที่นี่ได้ไม่นาน ช่วงแรกๆลำบากมากและถูกแส้ฟาดอยู่หลายครั้ง โชคดีที่มีลุงหลิวคอยดูแล เขาจึงคุ้นเคยกับทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาเห็นลุงหลิวล้มป่วย เด็กหนุ่มจึงร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา
“ไม่ต้องเอะอะไป ข้าไม่เป็นไร” ลุงหลิวส่ายหน้า ไม่กล้าแสดงอาการไม่สบายออกมาที่นี่นั้นคนที่ถูกพบว่าป่วยจะไม่ได้รับการรักษาใดๆ สิ่งที่รออยู่มีเพียงการถูกเนรเทศออกไปเท่านั้น หากคนคุมงานพบว่าเขาป่วย เขาจะไม่มีสิทธิ์ได้รับน้ำและอาหาร แต่จะถูกโยนเข้าป่าให้หาทางรอดเอาเอง เขาอยู่ที่นี่มานานและได้เห็นเพื่อนนับไม่ถ้วนตายไปด้วยวิธีนี้ ดังนั้น ถึงแม้เขาจะป่วย แต่เขาก็ไม่กล้าแสดงอาการออกมา
เด็กหนุ่มกัดฟัน ดวงตาฉายแววกังวล แต่เขารู้ว่าอาการของลุงหลิวนั้น สิ่งที่ทำได้มีเพียงอดทนเท่านั้น
“พวกเจ้าสองคนตรงนั้นน่ะ เร็วเข้า! ไอ้พวกขี้เกียจสันหลังยาว อยากโดนฟาดเรอะ!” เมื่อคนคุมงานที่อยู่ด้านข้างเห็นเด็กหนุ่มกับลุงหลิวยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน เขาก็เดินเข้ามาพร้อมกับโบกแส้ยาวในมือและฟาดออกมาอย่างไร้ความปราณี แส้ฟาดลงบนตัวเด็กหนุ่มและลุงหลิว พวกเขาขมวดคิ้วด้วยความเจ็บทันที
ลุงหลิวล้มลงบนพื้น ร่างกายที่ไม่สบายของเขาเริ่มกระตุกในตอนที่ล้มลง
“ลุงหลิว!” เด็กหนุ่มร้องออกมา เขาพุ่งเข้าไปหาอย่างตื่นตระหนกและพยายามจะประคองลุงหลิวขึ้น