แม่ว่าคนผู้นั้นของตำหนักดารานภาจะเป็นสายเก่าของตน แต่หลิวหงเทียนก็จะไม่จงใจพุ่งเป้าหมายไปที่หลัวซิวเพียงเพราะหลัวซิวโดดเด่นกว่าซิงหลิง เพราะในฐานะที่เป็นเจ้าแดนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หากที่นี่มีอัจฉริยะที่สามารถเข้าตาโลกเสวียนเทียนได้ ตัวเขาเองก็จะได้รับรางวัลจากโลกเสวียนเทียน

ดังนันตอนนี้หลิวหงเทียนไม่เพียงไม่หวังให้หลัวซิวด้อยกว่าซิงหลิง ในทางกลับกันกลับหวังว่าเขาจะแสดงความโดดเด่นออกมายิ่งกว่านี้ เช่นนี้ถึงจะถูกเห็นความสำคัญได้ง่าย

ครืน! ครืน! ครืน!

มหายุทธ์ชั้นเก้าทั้งสามโจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง กระแสพลังมหาศาลเกลื่อนกลาดผันผวนไปทั่วบริเวณ ทว่าการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้กลับทำอันตรายใด ๆ หลัวซิวไม่ได้เลยสักนิด เพียงแค่กระบี่หมัดอย่างเรียบง่าย ก็สามารถทำลายการโจมตีทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย

“เจ้าแดนหลิว ตอนนี้ท่านยังคิดว่าหลัวซิวเทียบซิงหลิงไม่ได้อยู่หรือเปล่า?” เทวทูตจื่อเยียนยิ้มกล่าวอย่างความหมายลึกซึ้ง

เจ้าแดนหลิวลูบเคราสีขาวของตน “เทวทูตจื่อเยียนพูดเร็วเกินไปหน่อยไหม เขาสามารถอยู่ในชั้นที่สามของหอคอยสุดหล้าอย่างไม่สะทกสะท้านได้ แต่หากต้องการสังหารคู่ต่อสู้ทั้งสามนั้น กลับไม่ใช่เรื่องง่าย”

ในตอนที่เจ้าแดนหลิวพูดคำพูดนี้ออกมาได้ยังไม่นานนั่นเอง ในหอคอยสุดหล้า ร่างของหลัวซิวพลันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และปรากฏตัวขึ้นตรงหน้ามหายุทธ์กลั่นวิญญาณ กระบี่หมัดจู่โจมออกไปอย่างไร้ปรานี

ปฏิกิริยาตอบสนองของมหายุทธ์กลั่นวิญญาณเองก็นับว่าเร็วไม่น้อย และขวางการโจมตีกระบี่หมัดแรกของหลัวซิวเอาไว้ได้ แต่จากนั้นก็มีหมัดกระบี่โจมตีเข้ามาติดต่อกันอย่างนับไม่ถ้วน จากนั้นร่างก็แตกกระจายเป็นผุยผง

“จัดการไปได้หนึ่งคนเร็วขนาดนี้เชียว?”

เมื่อเห็นเช่นนี้ เจ้าแดนหลิวก็หวั่นไหวเล็กน้อย เพราะนี่พึ่งผ่านไปไม่กี่อึดใจ คิดไม่ถึงว่าหลัวซิวจะสังหารคู่ต่อสู้หนึ่งคนไปได้ และการโจมตีของมหายุทธ์ขั้นเก้าทั้งสองคนที่เหลืออยู่ ก็ถูกเขาทำลายได้อย่างง่ายได้ ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ เลยสักนิด

จะต้องรู้ว่าตอนที่ซิงหลิงสังหารคู่ต่อสู้คนแรกในตอนที่เขาทะลวงชั้นที่สามนั้น ก็ได้แลกมากับการบาดเจ็บเล็กน้อย

และการทะลวงด่านของอคอยสุดหล้า ขอเพียงสังหารคู่ต่อสู้หนึ่งในสามคนได้ การทะลวงด่านก็จะง่ายขึ้นมามาก

“แดนกฎของเขาเพิ่มระดับขึ้นมาอีกแล้ว”

แววตาของเจ้าแดนหลิวเฉียบคมขึ้นมา ด้วยสายตาของเขาเป็นธรรมดาที่จะสามารถดูออกว่า แดนในการตระหนักรู้กฎความตายของหลัวซิวนั้น เมื่อเทียบกับเมื่อหนึ่งเดือนก่อนแล้ว ได้พัฒนาขึ้นมามาก แม้ว่าแดนของกฎจะยังอยู่ในแดนความเข้าใจเบื้องต้น ทว่าในแดนเดียวกันนั้น ก็แบ่งออกเป็นขั้นปฐมภูมิ ขั้นกลาง ขั้นปลาย และขั้นสูงสุด

“ปีนี้หลัวซิวเพิ่งจะอายุยี่สิบสองใช่หรือไม่?” เจ้าแดนหลิวอดไม่ได้ที่จะกล่าวชื่นชม

ก่อนที่จะเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หลัวซิวอายุยี่สิบเอ็ดปี ระยะเวลาสั้น ๆ เพียงหนึ่งปี ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของเขานั้นพูดได้ว่าเป็นที่น่าสะพรึงกลัว รวดเร็วยิ่งกว่าฝนดาวตกเสียอีก

มกุฎยุทธ์ขั้นสี่ในอายุยี่สิบสองปีบางทีอาจไม่ควรค่าแก่การพูดถึง แต่ด้านแดนกฎกลับบรรลุถึงแดนความเข้าใจเบื้องต้นขั้นกลาง เช่นนี้ก็เป็นที่น่าสะพรึงกลัวแล้ว

จะต้องรู้ว่า ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่เกี่ยวพันถึงความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ ก็คือแดนของกฎนั่นเอง

เจ้ายุทธจักรจำนวนมากในโลกแสงดาว ต่างก็อยู่ในระดับตระหนักรู้กฎ แม้แต่ระดับความเข้าใจเบื้องต้นก็ยังไม่สามารถบรรลุถึง

“การฝึกตนในโลกยุทธ์เริ่มจากเจ้ายุทธจักร ความแตกต่างของระดับผลการฝึกตนนั้นมีผลกระทบต่อความแข็งแกร่งน้อยมากถึงมากที่สุด สิ่งสำคัญก็คือแดนของกฎที่บรรลุถึง!”

“การฝึกตนในโลกยุทธ์เริ่มจากเจ้ายุทธจักร ความแตกต่างของระดับผลการฝึกตนนั้นมีผลกระทบต่อความแข็งแกร่งน้อยมากถึงมากที่สุด สิ่งสำคัญก็คือแดนของกฎที่บรรลุถึง!”

“เจ้ายุทธจักรที่มีแดนของกฎในแดนสำเร็จน้อย สามารถรับมือกับเจ้ายุทธจักรที่มีแดนของกฎในแดนความเข้าใจเบื้องต้นสิบคนพร้อมกันได้อย่างง่ายดาย”

“หลัวซิวพึ่งจะบรรลุถึงแดนมกุฎยุทธ์ขั้นสี่เองแดนกฎก็บรรลุถึงแดนความเข้าใจเบื้องต้นขั้นกลางแล้ว หากรอเขาบรรลุถึงแดนมหายุทธ์หรือแม้แต่แดนเจ้ายุทธจักร จะไม่เป็นที่ตกตะลึงเลยหรือ?”

ไม่เพียงเจ้าแดนหลิวที่ต้องตกตะลึง เทวทูตจื่อเยียนเองก็ตะลึงงันเล็กน้อย เพราะเมื่อหนึ่งเดือนก่อน หลัวซิวยังมีแดนกฎอยู่ในแดนความเข้าใจเบื้องต้นขั้นปฐมภูมิอยู่เลย นี่เพิ่งผ่านไปเพียงหนึ่งเดือน ก็บรรลุถึงขั้นกลางแล้ว?

นี่ต้องมีความสามารถในการตระหนักรู้กฎที่น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงใด?