ไม่เพียงเท่านี้ บนร่างของกุ่ยโยวยังมีกลิ่นอายของกฎเคลื่อนไหวอยู่อย่างเลือนราง เห็นได้ชัดว่าได้ตระหนักรู้ถึงแดนกฎความตายเป็นที่เรียบร้อย!

ในฐานะผู้สืบทอดอันดับหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับนิรันดรอย่างนิกายมารศักดิ์สิทธิ์ เป็นธรรมดาที่จะได้รับสิ้นส่วนของกฎความตาย และสามารถตระหนักรู้กฎนั้น ๆ ผ่านทางสิ้นส่วนของกฎความตายได้ แม้ว่าผลลัพธ์จะไม่ดีเท่าตระหนักรู้จากร่องรอยกฎ แต่ก็มีผลลัพธ์ที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน

อยู่ในแดนตระหนักรู้กฎเช่นเดียวกัน แม้ว่ากุ่ยโยวจะได้ตระหนักรู้กฎความตาย ด้วยกฎระดับสุดยอดชนิดนี้ ก็สามารถเทียบได้กับกฎทั้งสามชนิดของซิงหลิงแล้ว

ด้วยพลังแห่งกฎความตาย บวกกับที่ผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงแดนมหายุทธ์ เมื่อกุ่ยโยวออกจากการปิดขังฝึกตน ก็รีบมาทะลวงหอคอยสุดหล้าทันที เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว

ในตอนที่กุ่ยโยวเข้าไปในหอคอยสุดหล้าได้ไม่นาน หวูหยุน ต้าวหวูซิน และซิงหลิงก็ออกจากปิดขังฝึกตนตามลำดับ ผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนมหายุทธ์

พวกเขาทั้งสี่คน พูดได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะหนุ่มสาวที่บรรลุถึงแดนมหายุทธ์เป็นอันดับแรก!

……

ด้านหน้าตำหนักเต๋า เงาร่างของหลัวซิวค่อย ๆ ปรากฏขึ้น เขาหลับตาเบา ๆ มั่นคงเหมือนดั่งหินก้อนยักษ์

เนื่องจากคนอื่น ๆ ไม่เหลือเวลาฝึกตนในสำนักเต๋าอยู่อีกแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีคนอื่นอยู่ใกล้ ๆ บริเวณนี้เลย บริเวณโดยรอบเงียบสงบไร้สุ้มเสียง

จากนั้นไม่นานนัก หลัวซิวก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ไม่มีกระแสพลังใด ๆ กระจายอยู่บริเวณโดยรอบเลย เขาก้าวเดินอย่างสงบนิ่ง ออกไปจากตำหนักเต๋า

“หลัวซิวออกจากการปิดขังฝึกตนแล้ว”

ในตำหนักบนยอดเขาที่สูงที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นมาที่มุมปากของเทวทูตจื่อเยียน

ภายในหนึ่งวัน ผู้สืบทอดอันดับหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ทั้งสี่ล้วนแสดงพลังออกมาอย่างเต็มที่เป็นวันสุดท้าย

กุ่ยโยวออกจากการปิดขังตนเองเป็นคนแรก ทะลวงผ่านชั้นที่สามของหอคอยสุดหล้าไปได้ในคราวเดียว สังหารคู่ต่อสู้แดนมหายุทธ์ขั้นเก้าทั้งสามคนได้ภายในหนึ่งก้านธูป

พึ่งจะบรรลุแดนมหายุทธ์ก็สามารถสังหารมหายุทธ์ขั้นเก้าทั้งสามคนได้ ความน่าสะพรึงกลัวของความแข็งแกร่งของผู้สืบทอดอันดับหนึ่งแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ เป็นที่ประจักษ์

จากนั้น หวูหยุน ต้าวหวูซินก็ได้เข้าไปทะลวงหอคอยฝึกตนตามลำดับ และต่างก็สังหารคู่ต่อสู้ได้ภายในหนึ่งก้านธูป ทะลวงด่านได้สำเร็จ

ความสามารถของทั้งสามคนนี้ห่างกันไม่มากนัก สุดท้ายการทะลวงด่านของซิงหลิงนั้น เป็นที่ตกตะลึงของทุกคน!

เพราะเขาไม่เพียงสังหารคู่ต่อสู้ในชั้นที่สามของหอคอยสุดหล้าได้ภายในเวลาหนึ่งก้านธูป และยังสามารถอยู่ในหอคอยสุดหล้าชั้นที่สี่เป็นเวลาหนึ่งก้านธูปได้อีกด้วย!

“เทวทูตจื่อเยียน ความแตกต่างระหว่างมกุฎยุทธ์และมหายุทธ์ต่างกันมากนัก ซิงหลิงไม่เพียงบรรลุถึงแดนมหายุทธ์ ยังได้ตระหนักรู้ถึงกฎชนิดที่สี่อีกด้วย ถึงสามารถทนอยู่ในหอคอยสุดหล้าชั้นที่สี่เป็นเวลาหนึ่งก้านธูปได้” เจ้าแดนหลิวยิ้มกล่าว

“ทำไม? เจ้าแดนหลิวยังคงคิดว่าหลัวซิวเทียบกับซิงหลิงไม่ได้เช่นนั้นหรือ?” เทวทูตจื่อเยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“กล่าวตามพรสวรรค์และมันสมอง หลัวซิวอาจจะโดดเด่นกว่าซิงหลิงเล็กน้อย แต่พรสวรรค์ของซิงหลิงเองก็ไม่เลว ซ้ำยังมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ อายุมากกว่าหลัวซิวเล็กน้อย ผลการฝึกตนสูงกว่าอีกมาก” เจ้าแดนหลิวยิ้มอ่อน ๆ “หากอีกสักสิงสามปี หลัวซิวอาจจะแซงหน้าซิงหลิงไปได้ แต่ตอนนี้น่ะหรือ……”

ได้ยินเจ้าแดนหลิวกล่าวเช่นนี้ เทวทูตจื่อเยียนก็เพียงแค่ยิ้มและไม่ได้อธิบายอะไร

จากนั้นไม่นานนัก หลัวซิวก็เข้าไปยังหอคอยสุดหล้า และปรากฏตัวขึ้นในชั้นที่สามโดยตรง

“ครืน!”

การทดสอบพึ่งเริ่มขึ้น การต่อสู้อันดุเดือดในชั้นที่สามของหอคอยสุดหล้าก็ได้เริ่มขึ้น ภายใต้การล้อมโจมตีของมหายุทธ์ชั้นเก้าทั้งสามคน หลัวซิวดูชำนาญไม่สะทกสะท้าน สามารถทำลายการโจมตีต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย

“ดูเหมือนว่าภายในหนึ่งเดือนฝีมือของเขาเพิ่มขึ้นมาไม่น้อยเลย” ตัวสำนึกของเจ้าแดนหลิวมองเห็นทุกการเคลื่อนไหวของหลัวซิวที่อยู่ภายในหอคอยสุดหล้าได้อย่างชัดเจน