“เทวทูตจื่อเยียนบอกว่า หากข้าสามารถทะลวงผ่านชั้นที่สามของหอคอยสุดหล้าได้ ก็จะชี้แนะข้าอีกครั้ง หากข้าใช้วิธีแรกในการทะลวงด่าน คงไม่อาจสนองความต้องการของเทวทูตจื่อเยียนได้แน่”

ระหว่างที่คิด หลัวซิวก็ได้คำนวณดูเวลาฝึกตนในตำหนักเต๋าของตัวเอง ห้าสิบวันในก่อนหน้านี้ บวกกับหกสิบวันของหอคอยสุดหล้าชั้นที่สาม สามสิบวันของหอคอยร่างทองชั้นที่สาม รวมหนึ่งร้อยสี่สิบสองวัน

สามสิบวันสามารถนำมาตระหนักรู้ร่องรอยกฎที่อยู่ในตำหนักเต๋า ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งร้อยสิบสองวัน พอถึงตอนนั้นสามารถนำมาแลกสิ่งที่ตนเองต้องการกับทางดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้

“เจ้าหนุ่มคนนี้สุขุมไม่เบา มิได้รีบร้อนไปทะลวงหอคอยสุดหล้าชั้นที่สาม” เทวทูตจื่อเยียนเห็นหลัวซิวตรงไปยังตำหนักเต๋า

ก็มีแววชื่นชมปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า

“ไม่อวดเก่งไม่ใจร้อน พรสวรรค์เป็นเลิศ เป็นต้นกล้าที่ดีจริง ๆ” หลิวหงเทียนเองก็ไม่ยอมรับไม่ได้ ซิงหลิงเมื่อเทียบกับหลัวซิวแล้ว ยังด้อยกว่ามาก

เวลาผ่านไปอย่างเงียบ ๆ สำหรับเหล่าจอมยุทธ์แล้ว เวลาหนึ่งเดือนนั้นผ่านไปเร็วมาก อัจฉริยะหนุ่มสาวทั้งยี่สิบคนเข้ามาฝึกตนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นเวลาครบหนึ่งปี

ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา อัจฉริยะหนุ่มสาวทุกคนต่างแต่งกลับไปกลับมาระหว่างที่พักและหอคอยฝึกตน และเวลาฝึกตนในหอคอยฝึกตนนั้นส่วนมากก็ใช้กันจนหมดแล้ว ฝีมือก็เพิ่มขึ้นมาจนถึงขีดสุด ไม่สามารถทะลวงหอคอยในระดับที่สูงกว่านี้ได้ และเป็นธรรมดาที่จะไม่ได้รับเวลาในการฝึกตนในตำหนักเต๋าเพิ่มขึ้นอีก

ดังนั้นอัจฉริยะหนุ่มสาวจำนวนมากต่างก็พยายามทะลวงหอคอยฝึกตนอย่างสุดชีวิต ประการหนึ่งคือเพื่อที่จะได้รับเวลาฝึกตนในตำหนักเต๋า และอีกประการหนึ่งที่สำคัญยิ่งกว่า นั้นก็คือได้รับคะแนนสะสม เพื่อจะได้อยู่ในอันดับที่สูงยิ่งกว่า

อันดับในปัจจุบัน อันดับหนึ่งนั้นยังคงเป็นซิงหลิง เขาได้ทะลวงผ่านสามชั้นแรกของทั้งสี่หอคอยไปได้ ในจำนวนนั้นเขาใช้วิธีแรกในการทะลวงหอคอยสุดหล้า ส่วนอีกสามหอคอยที่เหลือล้วนใช้วิธีที่สองในการทะลวงด่าน

นี่ไม่ได้หมายความว่าซิงหลิงมีระดับการกลั่นวิญญาณและการกลั่นร่างที่ค่อนข้างสูง แต่จุดสำคัญนั้นคือเขาตระหนักรู้กฎได้สูงยิ่งกว่า เขาเพียงคนเดียวตระหนักรู้กฎได้ถึงสามชนิด ใช้พลังแห่งกฎเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวสำนึกและร่างเนื้อ ค่อนข้างง่ายมากที่จะทะลวงหอคอยเทพจิตและหอคอยร่างทอง

และต่อให้เป็นเช่นนี้ ซิงหลิงก็ยังไม่พอใจ เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะเลือกปิดขังตนเองเพื่อทะลุแดนมหายุทธ์!

ในขณะเดียวกัน หวูหยุน ต้าวหวูซิน และกุ่ยโยวทั้งสามคนต่างก็ปิดขังฝึกตน

วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาหนึ่งเดือน อารมณ์ของอัจฉริยะหนุ่มสาวทั้งยี่สิบคนนั้นซับซ้อนมาก มองดูรายชื่อของตนเองในอันดับบนแท่นศิลา บางคนมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่คนส่วนมากนั้นกลับหน้านิ่วคิ้วขมวด

คนพวกนี้ต่างเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นที่สุดของแต่ละแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่พอมาที่นี่แล้วกลับอยู่ในอันดับที่ค่อนข้างต่ำ ในใจจึงรู้สึกไม่ค่อยดีนัก

จนถึงขณะนี้ ห้าอันดับแรกนับว่าได้ถูกกำหนดแล้ว อันดับหนึ่งคือซิงหลิง หวูหยุน ต้าวหวูซิน และกุ่ยโยวทั้งสามคนต่างอยู่อันดับที่สอง เรียงตามคะแนนที่ได้รับก่อนหลัง หวูหยุนอยู่ในอันดับที่สอง อันดับสามคือกุ่ยโยว และอันดับที่สี่นั้นเป็นต้าวหวูซิน

ส่วนหลัวซิวนั้น อยู่ในอันดับที่ห้า

สาเหตุที่หลัวซิวอยู่ในอันดับที่ค่อนข้างต่ำ เพราะเขาใช้วิธีแรกในการทะลวงชั้นที่สามของหอคอยเสวียนเทียน แต่ไม่ใช่วิธีที่สอง

ข้อได้เปรียบของซิงหลิงคือเขาทะลวงชั้นที่สามของหอคอยสุดหล้ามาได้ ส่วนคะแนนจากอีกสามหอคอยที่เหลือ ล้วนเท่าเทียมกับพวกหวูหยุน ต้าวหวูซิน และกุ่ยโยวทั้งสามคน

“กุ่ยโยวออกจากการปิดขังฝึกตนแล้ว!”

“ฮ่า ๆ ศิษย์พี่บรรลุถึงแดนมหายุทธ์แล้ว ครั้งนี้จะต้องทะลวงผ่านหอคอยสุดหล้าชั้นที่สามไปได้ในคราวเดียวแน่!”

กุ่ยโยวปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าหอคอยสุดหล้า กระแสพลังอันแรงกล้าแผ่ซ่านอยู่ที่รอบกายของเขา ทำให้อัจฉริยะหนุ่มสาวจำนวนมากต่างรู้สึกถึงแรงกดดัน