“ห๊ะ”
ทันทีที่จินเหยียวกลืนโอสถเยาว์วัยลงไปแต่ก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติทันที นางเริ่มรู้สึกว่าตนเองนั้นอ่อนเยาว์ลงเรื่อยๆ มันเป็นความรู้สึกประหลาดใจที่เซลต่างๆภายในร่างกายเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้
จากนั้นนางก็สังเกตเห็นสีหน้าตกอกตกใจของโม่วู๋เตาและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหลิงหยุน ทำให้นางรู้ได้ทันทีว่าโดนหลิงหยุนหลอกให้เป็นหนูทดลองยาไปแล้ว..
ท่ามกลางความตกใจสิ่งแรกที่จินเหยียวทำคือเรียกกระจกออกมาจากแหวนพื้นที่ของตนทันที และเมื่อได้เห็นภาพของตนในกระจก นางก็ถึงกับกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น!
“เด็กเจ้าเล่ห์!ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ!”
ในเวลานั้นเองจินเหยียวจึงพุ่งตรงเข้าไปหาหลิงหยุนพร้อมกับเงื้อมือขึ้นจะตีเขา “ท่านน้าจินเหยียวข้าผิดไปแล้ว!”
หลิงหยุนร้องตะโกนเสียงหลงพร้อมกับวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วในขณะที่จินเหยียวก็วิ่งไล่ตามทั้งคู่วิ่งวนอยู่รอบสวนปล่อยให้โม่วู๋เตายืนดูด้วยความงุนงง
“ผิวพรรณที่เหี่ยวย่นสามารถฟื้นฟูกลับมาเต่งตึงได้จริงๆรึนี่เป็นไปได้ยังไงกัน?!”
โม่วู๋เตาปากสั่นด้วยความตื่นเต้นตกใจในขณะเดียวกันก็กำลังนึกถึงมูลค่าของโอสถทั้งสองขนานนั้น..
“ท่านพี่หยุนขอให้ข้าอย่างละสองขวด.. ไม่สิ อย่างละยี่สิบขวด!”
โม่วู๋เตายืนนิ่งพร้อมกับร้องตะโกนออกไปเสียงดัง..
“เกิดอะไรขึ้นนี่มันเกิดอะไรขึ้นงั้นรึ?”
เหล่าสมาชิกในบ้านตระกูลหลิงต่างก็ตกอกตกใจกับเสียงกรีดร้องของจินเหยียวจนต้องพากันวิ่งกรูออกมาดู
“ดูเหมือนน้าจินเหยียวจะกำลังเล่นไล่จับกับหลิงหยุนอยู่..”
“ไล่จับอะไรกันเล่าพวกเขาสองคนกำลังต่อสู้กันต่างหาก เป็นไปได้ยังไง?!”
“จริงด้วย!พวกเรารีบไปดูกันดีกว่า”
หลิงหยุนถูกจินเหยียวไล่ล่าไปทั่วทั้งบ้านอย่างรวดเร็วเขาคิดไม่ถึงว่าจินเหยียวผู้อ่อนโยนเวลาโกรธจะดูน่ากลัวถึงเพียงนี้!
ในเวลานั้นหลิงหยุนเริ่มจะคิดได้และจากนี้ไปคงไม่กล้าที่จะยั่วโมโหคนรอบๆตัวเช่นนี้อีก!
“เด็กเจ้าเล่ห์!เจ้าหยุดวิ่งหนีข้าเดี๋ยวนี้นะ ข้าบอกให้หยุด!”
เวลานี้จินเหยียวไม่ต่างจากสิงห์โตตัวเมียที่กำลังโกรธเกรี้ยวจนขนพองไปทั่วทั้งร่างและกำลังใช้วิชาเงาลวงตาไล่ล่าตามหลิงหยุนไปอย่างไม่ยอมแพ้
แต่ถึงแม้วิชาตัวเบาของจินเหยียวจะเร็วมากก็ตามแต่หลิงหยุนย่อมต้องเร็วกว่าเป็นแน่
“ท่านน้าจินเหยียวท่านต้องรับปากจะไม่ตีข้าก่อน ข้าจึงจะหยุดวิ่ง!”
หลิงหยุนวิ่งไปร้องตะโกนไปแต่ก็ยังไม่กล้าหยุดเพราะรู้ว่าหากปล่อยให้จินเหยียวจับตัวได้ เขาไม่มีทางรอดแน่ๆ
แต่เวลานี้ไม่ใช่จินเหยียวเท่านั้นที่วิ่งไล่หลิงหยุนแต่ด้านหลังจินเเหยียวยังมีโม่วู๋เตาที่วิ่งไล่ตามไปอีกหนึ่งคน พร้อมกับร้องตะโกนเสียงดัง
“ท่านพี่หยุนขอโอสถให้ข้าด้วย.. ขอโอสถให้ข้าด้วย..”
หลิงลี่กับหลิงเสี่ยวได้แต่ยืนมองทั้งสามคนวิ่งไล่กันรอบบ้านอยู่เช่นนั้นในที่สุดหลิงเสี่ยวก็กระโดดเข้าไปขวางจินเหยียวไว้พร้อมกับร้องถามออกไป
“น้องจินเหยียวนี่มันเกิดอะไรขึ้นงั้นรึ หลิงหยุนไปทำอะไรให้เจ้าโกรธมากมายถึงเพียงนี้รึ? บอกข้ามา ข้าจะจัดการกับเขาให้เอง ห๊ะ?!”
“จินเหยียวนี่เจ้า..” ทันทีที่เห็นใบหน้าจินเหยียวชัดเจนหลิงเสี่ยวก็ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เขาแทบทรุดลงกับพื้นทันที!
“พี่หลิงเสี่ยวท่านต้องจัดการกับลูกชายตัวดีของท่านให้ข้าด้วย!”
จินเหยียวยกมือขึ้นชี้ไปทางหลิงหยุนที่ซ่อนตัวอยู่ไกลพร้อมกับร้องตะโกนเสียงดังด้วยความโมโห
“เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์นั่นบังอาจหลอกข้า!”
“โอ้ว..เหตุใดน้าจินเหยียวจึงกลายเป็นเด็กสาวเช่นนี้ไปได้”
“จริงด้วย!”
เหล่าสมาชิกตระกูลหลิงต่างก็พากันร้องอุทานออกมาเสียงดังและแทบไม่อยากเชื่อสายตัวเอง
เมื่อตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนเช่นนี้จินเหยียวก็ยิ่งโกรธมากขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นใด
แต่ความจริงแล้วการได้กลับมามีผิวพรรณและใบหน้าที่อ่อนเยาว์เช่นนี้ มีหรือที่หญิงใดจะไม่มีความสุข ความโกรธของจินเหยียวจึงเป็นเพียงแค่อาการที่แสดงออกเพื่อปกปิดความดีใจไว้ต่างหาก..
หลังจากที่หลิงเสี่ยวหายตกใจจึงรีบบอกกับจินเหยียวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“น้องจินเหยียว เจ้าเปลี่ยนเป็นเด็กสาวอ่อนเยาว์เช่นนี้ เป็นเรื่องที่ดีมากทีเดียว เจ้าควรต้องดีใจจึงจะถูก..”
หลิงเสี่ยวเข้าใจจินเหยียวดีจึงรู้ว่าแท้จริงนางเองก็มีความสุขไม่น้อย เพียงแต่ตกใจกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันต่างหาก..
หลิงลี่เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่แอบคิดในใจว่า‘เจ้าเด็กนี่นำเรื่องมหัศจรรย์มาให้ตระกูลหลิงไม่เว้นแต่ละวันจริงๆ!’
“ท่านผู้เฒ่าหลิงหลิงหยุนหลอกให้ข้ากลืนโอสถเยาว์วัยเข้าไป ท่านต้องจัดการเรื่องนี้ให้ข้าด้วย!”
“หึ..เจ้าเด็กคนนี้นับวันยิ่งไร้มารยาท ข้าจะลงโทษเขาไม่ให้กินข้าวเป็นเวลาสิบวัน!” หลิงเสี่ยวแสร้งทำเป็นโกรธ และร้องตะโกนออกไปด้วยเสียงดุดัน
“ไม่ได้!”
ยังไม่ทันที่หลิงเสี่ยวจะพูดจบประโยคดีด้วยซ้ำเสียงของจินเหยียวก็ดังสวนขึ้นมา
“เขาไม่ได้กินข้าวสิบวันมิต้องตายไปก่อนรึ!”
“ถ้าเช่นนั้นก็แปดวัน!ห้าวัน.. สามวัน..”
แต่จินเหยียวกลับตอบมาว่า“ทำโทษเขาไม่ให้กินข้าวเย็นวันนี้วันเดียวก็พอ!”
จากนั้นจินเหยียวก็กระโดดหายกลับเข้าไปในบ้านของตนเองและซุกตัวอยู่ในนั้นไม่ออกมาอีกเลย
แต่เมื่อกลับเข้าไปในบ้านนางก็รีบเรียกกระจกออกมาส่องดูใบหน้าของตนพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอยู่ข้างหู
–ท่านน้าจินเหยียวนี่เป็นการตอบแทนบุณคุณที่ท่านต้องลำบากเพื่อข้ามานานถึงสิบแปดปี..-
น้ำตาของจินเหยียวไหลอาบแก้ม..
……
“เอาล่ะทุกคนแยกย้ายไปทำงานของตัวเองได้แล้ว!”
หลังจากที่จินเหยียวกลับเข้าไปหลิงลี่จึงไล่ทุกคนกลับไปเช่นกันพร้อมกับกำชับว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ห้ามนำออกไปแพร่งพรายก่อนได้รับอนุญาตจากข้า ใครฝ่าฝืนต้องถูกลงโทษตามกฏตระกูลหลิง!”
“ลูกสาม..จัดการดูแลลูกชายของเจ้าด้วย!”
แต่เมื่อทุกคนกลับออกไปแล้วหลิงลี่ก็ไม่ลืมที่จะไปกระซิบกับหลิงหยุนว่า “หลานรัก เจ้าอย่าลืมของปู่ด้วยล่ะ!”
หลิงหยุนยิ้มกว้างก่อนจะตอบกลับไปว่า“ท่านปู่อย่าได้กังวลใจไป ข้าเตรียมไว้ให้ท่านแล้ว!” “หลิงหยุนเสร็จแล้วตามข้าเข้าไปที่บ้าน!”
หลิงเสี่ยวร้องบอกหลิงหยุนจากนั้นจึงหันหลังเดินออกไปหลิงหยุนเองก็เดินตามหลิงเสี่ยวไปที่บ้านทันที แต่เมื่อเข้าไปภายในบ้าน เขาก็รีบร้องถามขึ้นด้วยความสนอกสนใจ
“หลิงหยุนมันคือโอสถอะไรกัน”
“มันคือโอสถโฉมสะคราญกับโอสถเยาว์วัยเป็นโอสถพลังชีวิตชั้นสูง ผลของมันนั้นก็อย่างที่ท่านเห็น ฮ่า.. ฮ่า..”
เมื่อสังเกตเห็นว่าต่งยั่งหลานไม่อยู่บ้านหลิงหยุนจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านป้าต่งไม่อยู่บ้านหรอกรึ”
ที่หลิงหยุนถามถึงต่งยั่วหลานนั้นเพราะเขาตั้งใจปรุงโอสถทั้งสองชนิดนี้ขึ้นมาเพื่อนางโดยเฉพาะ..
“วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบหกสิบปีของต่งซานชวนหลิงซวี่กับแม่ก็เลยไปร่วมอวยพรวันเกิด..” หลิงหยุนได้ยินเช่นนั้นจึงรีบลุกขึ้นพร้อมกับร้องบอกหลิงเสี่ยวว่า“ท่านพ่อ ข้าเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่ามีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ ข้าขอตัวก่อนล่ะ!”
พูดจบก็รีบผลุนผลันออกไปทันที..
“เฮ้อ..เจ้าเด็กคนนี้นี่!”
จากนั้นหลิงเสี่ยวก็ออกจากบ้านไปหาหลิงลี่ที่บ้านเช่นกัน..
เพียงแค่พริบตาเดียวหลิงหยุนก็ใช้เงาลวงตาไปปรากฏตัวอยู่ที่หน้าบ้านของหลิงซิ่ว หลิงซิ่วเองก็กำลังนั่งอยู่บนโซฟา และยังไม่หายตกใจเรื่องที่จินเหยียวเปลี่ยนเป็นเด็กสาว เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนมาจึงร้องตะโกนออกไปเสียงดัง
“ทำตัวลับๆล่อๆเป็นวิญญาณล่องลอยอยู่ได้ยังไม่รีบเข้ามาข้างในอีก!”
ทันทีที่หลิงหยุนก้าวเข้ามาในบ้านหลิงซิ่วจึงเอ่ยถามออกไปทันที “เจ้ามีอะไรก็รีบๆพูดมา!” จากนั้นนางก็เหลือบตามองหลิงหยุนพร้อมกับพูดต่อว่า“แต่หากเจ้ามีเรื่องที่จะขอให้ข้าช่วยแล้วล่ะก็ มอบโอสถนั่นมาให้ข้าก่อน..” หลิงซิ่วแบมือออกไปรอ..
“พี่หลิงซิ่วที่ข้ามาหาเจ้าก็เพราะต้องการเอาโอสถนี้มาให้เจ้า!”
ครั้งนี้ดูเหมือนหลิงหยุนจะใจกว้างมากกว่าทุกครั้งเขาหยิบโอสถโฉมสะคราญและโอสถเยาว์วัยออกมาให้หลิงซิ่วหกเม็ด พร้อมกับมอบขวดหยกเล็กๆให้อีกสองขวด
“นี่เป็นโอสถพลังชีวิตชั้นสูงเจ้าต้องเก็บมันไว้ในขวดหยกนี้ พลังชีวิตจะได้ไม่ระเหยออกไปจนหมด”
แต่หลิงซิ่วกลับหยิบมาเพียงแค่อย่างละหนึ่งเม็ดเท่านั้นแล้วเก็บเข้าไปในขวดหยกทันที นางนั่งมองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม..
“พี่หลิงซิ่วเจ้าหยิบที่เหลือไปด้วย ฝากไปมอบให้ท่านลุงกับท่านป้า”
แต่หลิงซิ่วกลับถามขึ้นว่า“นี่.. โอสถของเจ้าจะมีผลข้างเคียงอะไรหรือไม่”
หลิงหยุนย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ไม่มีผลข้างเคียงใดๆต่อร่างกายแน่ เจ้ามั่นใจได้!”
หลิงซิ่วมีสีหน้าลังเลและได้แต่คิดว่าแม้แต่จินเหยียวยังเด็กลงราวกับเด็กสาวอายุยี่สิบปีเช่นนี้ หากตนกลืนโอสถนี้เข้าไป ด้วยวัยเพียงแค่ 23 ในเวลานี้นางไม่ต้องกลับกลายเป็นเด็กไปเลยหรอกรึ
หลิงหยุนดูเหมือนจะเข้าใจความกังวลของหลิงซิ่วจึงรีบอธิบาย“โอสถเยาว์วัยนี้มีจะทำให้คนผู้นั้นอ่อนเยาว์ลงได้ไม่เกินสิบแปดปีเท่านั้น หากผู้ที่กินโอสถนี้ยังไม่เข้าสู่วัยชรา ก็จะมีผลให้คนผู้นั้นมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์เช่นนั้นไปอีกนับสิบปีเลยทีเดียว..”
“ใช้ได้ทั้งผู้หญิงผู้ชายเลยรึ!”
หลิงหยุนถึงกับถอนหายใจนี่เป็นโอสถพลังชีวิตชั้นสูง จะหญิงหรือชายล้วนเป็นมนุษย์ ย่อมได้รับผลเช่นเดียวกัน! เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวพันเพียงแค่ความสวยความงามและความอ่อนเยาว์เท่านั้น แต่มันยังหมายถึงชีวิตที่ยืนยาวขึ้นอีกด้วย!
“หากเจ้ากลืนโอสถเยาว์วัยนี้ไม่เพียงเจ้าจะจะไม่แก่ แต่นั่นเท่ากับหยุดอายุของเจ้าไว้เท่านี้ด้วย!”
หลิงซิ่วถึงกับกระเด้งขึ้นจากโซฟาด้วยความตกใจ..
“แต่โอสถนี้เยาว์วัยนี้หากใช้เกินกว่าหนึ่งครั้งประสิทธิภาพก็จะลดลงเรื่อยๆ และหากใช้เกินสามครั้งก็จะไม่ได้ผลอีกเลย..”
“หากต้องการมีชีวิตเป็นอมตะจะต้องใช้โอสถเซียนตันเท่านั้น!”
หากผู้ใดคิดที่ขโมยโอสถเยาว์วัยเพื่อยืดชีวิตตนเองแล้วล่ะก็นับว่าเข้าใจผิดถนัด..
“น้องหลิงหยุนเจ้าบอกกับข้ามาตามตรง เจ้าสามารถกลั่นโอสถเซียนตันได้หรือไม่”
หลิงซิ่วรอคอยคำตอบพร้อมจ้องมองหลิงหยุนตาไม่กระพริบ.. “พี่สาว..ผู้ที่จะกลั่นโอสถเซียนตันได้นั้นจะต้องเป็นเซียนแล้วเท่นั้น!”
เหตุผลก็ง่ายมากในเมื่อมนุษย์เองก็ไม่สามารถมีชีวิตที่เป็นอมตะได้ จะสามารถกลั่นโอสถที่ทำให้ผู้อื่นมีชีวิตอมตะได้อย่างไรกันเล่า
หลิงซิ่วตบหน้าอกตนเองอย่างแรงพร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ“ข้าเองก็หลงคิดว่าเจ้าเป็นเซียนไปแล้วเสียอีก!”
“เอาล่ะเจ้ามีเรื่องอะไรจะให้ข้าช่วยก็พูดมา ของกำนัลล้ำค่าเช่นนี้ ต่อให้เจ้าต้องการให้ข้าเกลี้ยกล่อมหญิงงามทั้งแปดทั่วปักกิ่งให้มาเป็นภรรยาของเจ้า ข้าก็จะยอมทำ!”
ในบรรดาสิบสาวงามแห่งปักกิ่งนั้นสองคนก็คือทายาทสาวตระกูลหลิง จึงเหลือหญิงงามเพียงแค่แปดคนเท่นั้น!
หลิงซิ่วร้องบอกหลิงหยุนพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง..
“พี่หลิงซิ่ว!” หลิงหยุนร้องอุทานออกมาพร้อมกับรีบยกมือขึ้นปิดปากหลิงซิ่วไว้ทันทีเพราะเกาเฉินเฉินยังคงอยู่ที่บ้าน หากได้ยินเข้าคงต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่..
หลิงซิ่วดึงมือหลิงหยุนออกพร้อมกับถามยิ้มๆ“ถ้าเช่นนั้นเจ้ามีเรื่องอะไรก็รีบๆพูดมา..”
หลิงหยุนเปลี่ยนมาเป็นการพูดผ่านกระแสจิตทันที..
–พี่หลิงซิ่วพี่รู้จักบ้านของต่งซานชวนหรือไม่ ข้ารู้มาว่าวันนี้เป็นวันเกิดครบรอบหกสิบปีของเขา ท่านช่วยพาข้าไปหน่อยจะได้หรือไม่?-
–รู้สิ!ข้าเคยไปกับหลิงซวี่หลายครั้ง พวกเรารีบไปตอนนี้น่าจะยังทัน!-
–เยี่ยม!พี่หลิงซิ่วรอข้ากลับมาอีกประเดี๋ยว แล้วข้าจะรีบกลับมา!-