ตอนที่ 1891 วาจาสิทธิ์

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1891 วาจาสิทธิ์

ฟึ่บ!

พร้อมกันกับการปรากฏของศีรษะนั้น พลังงานที่มีหน้าตาเหมือนปรอทเริ่มซึมซาบเข้าสู่รอยแยกแห่งมิติและแผ่ซ่านออกไปโดยรอบ จางเซวียนรีบปิดกั้นจุดชีพจรทั้งหมดของเขาไว้ ไม่กล้าซึมซับอะไรทั้งนั้น

ก็เหมือนกับปราณสังหาร พลังปราณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทเป็นพลังงานชนิดพิเศษที่สามารถทำลายล้างทางเดินพลังปราณของนักรบได้ ทำให้วรยุทธของผู้นั้นตกฮวบ หรือแม้แต่ฉุดเขาเข้าสู่อันตรายใหญ่หลวง

“เราต้องสังหารเขาให้ได้เดี๋ยวนี้!”

เห็นเทพเจ้าพยายามผลักดันศีรษะของตัวเองให้ผ่านรอยแยกออกมา นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงกับคนอื่นๆหน้าดำคร่ำเครียด พวกเขาคำรามก้อง จากนั้นก็รี่เข้าใส่ร่างที่กำลังปีนป่ายออกจากความว่างเปล่า

พลังงานทุกชนิดที่แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณทำให้ค่ายกลสั่นสะท้านไม่หยุด มิติถูกฉีกกระชากออกชิ้นแล้วชิ้นเล่า

เพียงแค่กระดิกนิ้ว เทพเจ้าก็สามารถปัดป้องการโจมตีของทุกคนออกไปได้ ในเวลาเดียวกัน ก็ใช้มืออีกข้างหนึ่งดันตัวเองให้หลุดออกจากรอยแยก ไม่ช้า หัวไหล่ของเขาก็ปรากฏ

สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ต่างอะไรกับการรับมือกับฝูงมด แม้จะต้องปัดป้องการรุมโจมตีของนักปราชญ์โบราณมากมาย แต่เทพเจ้าก็ยังเหลือพละกำลังมากพอที่จะผลักดันตัวเองให้หลุดจากปราการแห่งมิติมาได้

เพียงเท่านั้นก็เห็นชัดแล้วว่าเทพเจ้าองค์นี้แข็งแกร่งกว่าองค์ที่เขาเคยใช้หน้าหนังสือสีทองสังหาร

“ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ พวกเรายับยั้งเขาไม่ได้แน่!” ขงซือเหยากัดฟันคำราม

เธอสำแดงกระบวนท่าออกไปแล้วมากมาย จนถึงระดับที่พลังปราณเกือบจะเหือดแห้ง แต่ก็สร้างความบอบช้ำให้อีกฝ่ายไม่ได้สักนิด ขงซือเหยากัดฟัน จากนั้นก็พูดกับนักปราชญ์โบราณเหยียนชิง ด้วยเสียงดังกึกก้อง “อย่ามัวเสียแรงเล่นงานเขาอยู่เลย ใช้พละกำลังของคุณดึงร่างของนักปราชญ์โบราณจื่อหยวนมาตรงนี้จะดีกว่า!”

“เอ่อ…” ราวกับจะเข้าใจว่าขงซือเหยาคิดอะไร นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงส่ายหน้าโดยอัตโนมัติ

“นักปราชญ์โบราณเหยียนชิง ไม่มีหนทางอื่นแล้วนะ ถ้าเราเสียเวลามากกว่านี้ล่ะก็ ทุกคนจะต้องตายกันหมด!” ขงซือเหยาตวาด

ถ้าหมอนั่นปีนป่ายออกจากปราการแห่งมิติและลงมาสู่โลกใบนี้ได้สำเร็จ ทุกคนจะตายเรียบ และในเวลาเดียวกัน ร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์ก็จะต้องพบกับหายนะรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ไม่ช้าไม่นาน ทั่วทั้งทวีปแห่งปรมาจารย์ก็คงพังพินาศ!

หากพวกเขาอยากเอาชนะวิกฤตการณ์ครั้งนี้ให้ได้ ก็จะต้องหาวิธีแก้ไขแทนที่จะเอาชีวิตเข้าแลก!

“แต่…คุณคือทายาทเพียงหนึ่งเดียวของปรมาจารย์ขงที่มีระดับความบริสุทธิ์ของสายเลือดเกินกว่า ‘8’ นะ คุณเป็นอนาคตของร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์ของเรา” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตอบอย่างร้อนรน

ถ้าขงซือเหยาลงมือทำในสิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่ ก็มีโอกาสสูงที่เธอจะต้องเสียชีวิต

ตัวเขาเองแก่มากแล้ว ความตายของเขาไม่สลักสำคัญอะไรกับร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์ แต่สาวน้อยคือทายาทของปรมาจารย์ขงที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุดในช่วงพันปีที่ผ่านมา แถมยังผ่านการทดสอบนักปราชญ์โบราณมาแล้วถึง 3 ครั้ง

ขอแค่เธอมีเวลามากพอ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เธอจะกลายเป็นนักรบคนแรกที่สำเร็จวรยุทธขั้นผู้ทำลายล้างมิตินับตั้งแต่ยุคสมัยของปรมาจารย์ขงเป็นต้นมา ถ้าเขาปล่อยให้เธอตาย เขาคงไม่อาจสู้หน้าบรรพบุรุษของตัวเองได้แม้จะอยู่ในปรโลก!

“ถ้าหมอนั่นทำสำเร็จ พวกเราตายกันหมดแน่ สายเลือดบริสุทธิ์ของฉันจะมีประโยชน์อะไรถ้าไม่เหลือใครอยู่สักคน?” ขงซือเหยาร้องออกมา

เธอสูดหายใจลึกก่อนจะกระอักเลือดออกมากองใหญ่

ฟึ่บ!

ทันทีที่เธอกระอักเลือดกองนั้น มันก็ระเบิดกลายเป็นเปลวไฟที่ลุกโพลงขึ้นกลางอากาศ ในชั่วพริบตา กาลเวลาที่อยู่โดยรอบก็ดูเหมือนจะหยุดชะงักไป แม้แต่เทพเจ้าที่กำลังปีนป่ายออกจากรอยแยกแห่งมิติก็หยุดกึก

ราวกับมีใครสักคนกดปุ่ม ‘หยุด’ เอาไว้

หลังจากที่ขงซือเหยากระอักเลือดกองใหญ่ออกมา ใบหน้าของเธอก็ซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม เหงื่อเม็ดโป้งๆผุดขึ้นจากหน้าผากขณะจ้องมองโลงศพที่ลอยอยู่ไม่ห่างออกไปนักและสั่งการ “มานี่”

วิ้งงงง!

ได้ยินคำสั่งนั้น โลงศพค่อยๆลอยเข้าหาขงซือเหยา ท่ามกลางแสงที่เรืองรองอยู่โดยรอบ

“นี่คือ…การถ่ายทอดลิขิตสวรรค์?” จางเซวียนถึงกับอัศจรรย์ใจ

มันเป็นศักยภาพที่ขงซือเหยาได้รับผ่านทางสายเลือดของเธอ ที่ผ่านมา เขาเคยสงสัยว่า ความสามารถของสายเลือดที่มีอยู่ในตัวทายาทปรมาจารย์ขงคืออะไร ใครจะไปคิดว่ามันคือการถ่ายทอดลิขิตสวรรค์?

ไม่เรียบง่ายไปหน่อยหรือ?

เมื่อเปรียบเทียบกับการเร่งเวลาของตระกูลจางและฉนวนแห่งมิติของตระกูลหลัว การถ่ายทอดลิขิตสวรรค์ดูจะอ่อนด้อยไป สิ่งนี้ดูไม่สอดคล้องกับพละกำลังอันน่าทึ่งของปรมาจารย์ขงเลย

“แบบนี้ไม่ใช่แล้วล่ะ…” จางเซวียนขมวดคิ้วขณะเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้เพื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน

สิ่งที่เห็นทำให้หัวใจของเขาเต้นตึกตัก

นี่ไม่ใช่การถ่ายทอดลิขิตสวรรค์ แต่เป็น…”

การถ่ายทอดลิขิตสวรรค์คือการถ่ายทอดความรู้ที่ได้การยอมรับจากสวรรค์ของคนคนหนึ่งเพื่อโน้มน้าวใจเหล่านักรบให้ทำตามคำสั่งของเขา ขณะที่หัวใจครูบาอาจารย์ที่จางเซวียนทำความเข้าใจได้สำเร็จนั้นทำให้เขาสามารถออกคำสั่งและร่ายมนต์ใส่บรรดาพืชพรรณและของล้ำค่าได้

พูดอีกอย่างก็คือ การถ่ายทอดลิขิตสวรรค์ใช้ได้ผลกับผู้ที่มีจิตวิญญาณและสามารถฝึกฝนวรยุทธได้เท่านั้น อีกทั้งยังต้องได้รับฟังการบรรยายเรื่องเทคนิควรยุทธที่เหมาะสมกับเทคนิควรยุทธของตัวเองด้วย ซึ่งเรื่องนี้การพูดง่ายกว่าทำมาก

ยกตัวอย่าง ถ้าจางเซวียนอยากโน้มน้าวจิตใจใครสักคนด้วยการถ่ายทอดลิขิตสวรรค์ ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของเขาก็จะต้องเหนือกว่าอีกฝ่าย อีกทั้งเนื้อหาของการบรรยายก็จะต้องสามารถจุดประกายของแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้นในหัวใจของอีกฝ่ายได้ด้วย

แม้ขงซือเหยาจะดูเก่งกาจไร้เทียมทาน แต่วรยุทธที่แท้จริงของเธอก็เป็นแค่นักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกเท่านั้น ต่อให้ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของเธอเข้าถึงระดับของนักปราชญ์โบราณแล้ว ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะสั่งการให้โลงศพและศพที่ไร้ชีวิตทำตามคำสั่งของเธอได้

“นี่มัน…วาจาสิทธิ์!” จางเซวียนตาโตด้วยความอัศจรรย์ใจ

วาจาสิทธิ์คืออานุภาพในการเปลี่ยนคำพูดและคำสั่งของคนๆหนึ่งให้กลายเป็นวาจาสิทธิ์หรือกฎเกณฑ์ของโลก สามารถบงการให้ทุกสิ่งในโลกเชื่อฟังคำสั่งของผู้นั้น หากมองเผินๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับการถ่ายทอดลิขิตสวรรค์ แต่อานุภาพของมันน่าสะพรึงกว่านั้นมาก

เมื่ออยู่ต่อหน้าวาจาสิทธิ์ ทั้งกฎเกณฑ์ของเวลาและกฎเกณฑ์ของมิติล้วนแต่ไร้ความหมาย ต่อให้เขาเปิดใช้สายเลือดตระกูลจาง ทั้งหมดที่สาวน้อยคนนี้ต้องทำก็แค่พึมพำคำว่า ‘หยุด’ แล้วทุกการเคลื่อนไหวของเขาก็จะหยุดชะงักไปในทันที

นี่ไม่ใช่แค่การควบคุมกาลเวลาหรือมิติ แต่เป็นทุกอณูของโลกใบนี้ การยับยั้งมันได้จะกลายเป็นวาจาสิทธิ์ที่บีบบังคับและผลักดันให้ทุกคนต้องทำตาม

นี่คือความน่าสะพรึงของมัน!

ไม่น่าเชื่อเลยว่าสิ่งนี้จะเป็นศักยภาพที่ปรมาจารย์ขงได้รับระหว่างการฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณ ไม่แปลกใจแล้วที่เขามีพละกำลังแข็งแกร่งน่าทึ่งอย่างที่เห็น!

ฟิ้วววว!

พร้อมกันนั้น ขงซือเหยาก็บินตรงเข้าหาโลงศพและเปิดมันออก ศพของนักปราชญ์โบราณจื่อหยวนกระเด็นออกมาอย่างรวดเร็วและลอยตัวอยู่กลางอากาศ

แม้สองตาของเขายังคงปิดสนิท แต่กระแสการเคลื่อนไหวของพลังงานที่แผ่ออกจากร่างก็ทำให้ดูราวกับว่ายังมีชีวิต

พลั่ก!

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น ขงซือเหยากระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ใบหน้าซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม ร่างของเธอสั่นสะท้านเล็กน้อย ราวกับใกล้หมดความอดทนเต็มที

ถึงวาจาสิทธิ์จะทรงพลังแค่ไหน แต่ระดับวรยุทธของเธอยังอ่อนด้อย การใช้กำลังปลุกร่างของนักปราชญ์โบราณจื่อหยวนถือเป็นภาระหนักเกินกำลังที่สร้างความบอบช้ำให้กับรากฐานร่างกายของเธอ

นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงถอนหายใจลึกและสั่งการ “ผมเอง!”

ฟิ้วววว!

เลือดปริมาณมหาศาลพุ่งออกจากร่างของเขา กระเซ็นเข้าใส่ศพของนักปราชญ์โบราณจื่อหยวน ทำให้รังสีที่ศพของนักปราชญ์โบราณจื่อหยวนแผ่ออกมาแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

“คุณคิดว่าจะเอาชนะผมได้เพียงเพราะศพๆเดียวหรือ? ผมคงต้องทำให้พวกคุณเลิกฝันกลางวันเสียที!” เทพเจ้าคำรามขณะปล่อยพลังจากฝ่ามือลงมา

ในตอนนั้น แผงอกของเขาโผล่พ้นปราการแห่งมิติแล้ว ดูเหมือนว่าไม่ช้าไม่นานก็คงได้ลงมายังโลกใบนี้อย่างเต็มตัว

พลังจากฝ่ามือนั้นทำให้มิติที่อยู่โดยรอบถูกบีบอัดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นบางอย่างที่คล้ายกับหลุมดำ

“จัดการเลย!”

เหล่านักปราชญ์โบราณที่เหลือคำรามลั่นและพุ่งเข้าปะทะกับฝ่ามือของเทพเจ้า

ครืนนนน!

แรงกดดันมหาศาลทำให้เกิดคลื่นความสั่นสะเทือนที่แผ่ออกไปโดยรอบ ยังไม่ทันที่เหล่านักปราชญ์โบราณจะได้ตอบโต้ เนื้อหนังของพวกเขาก็ถูกถลกออกไปจนเกลี้ยง เหลือไว้เพียงโครงกระดูก

แต่ถึงอย่างนั้น ทุกคนก็ไม่ถอย พวกเขายืนหยัดอยู่กลางอากาศเพื่อยับยั้งพลังจากฝ่ามือไว้ไม่ให้ตรงเข้าเล่นงานนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงกับคนอื่นๆได้