ตอนที่ 1892 เขาอยู่ที่นี่!

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1892 เขาอยู่ที่นี่!

พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!

เหล่านักปราชญ์โบราณทรุดลงไปกระแทกพื้นอย่างแรง เกิดรอยยุบมากมายบนแท่นบูชานั้น

ด้วยระดับวรยุทธของพวกเขา ทุกคนยังไม่เสียชีวิตในทันทีทันใดแม้จะเหลือแต่โครงกระดูกแล้ว แต่เนื่องจากได้เข้าสู่ภาวะจำศีลมาเนิ่นนาน และยังไม่หายดีจากอาการบาดเจ็บที่ได้รับเมื่อครั้งต่อสู้กับอำมาตย์เฉินหย่ง ดังนั้น หากพวกเขาไม่ได้รับนิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณในปริมาณที่มากพอเพื่อเรียกพลังชีวิตกลับคืนมา อายุขัยของพวกเขาจะหดสั้นลงอย่างรวดเร็ว และในที่สุดก็ต้องตาย

พูดอีกอย่างก็คือ ทุกคนเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อยืนหยัดต่อต้านเทพเจ้า!

เราจะปล่อยให้พวกร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์ต้องตายที่นี่ไม่ได้

จนถึงตอนนี้ จางเซวียนก็ยังไม่ได้ลงมือเคลื่อนไหวอะไรเพราะความไม่พอใจหลายอย่างที่เขาเคยมีต่อร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์ ประกอบกับคิดว่าพวกนั้นน่าจะรับมือกับสถานการณ์ด้วยตัวเองได้ เขากังวลว่าการเสนอหน้าเข้าไปก้าวก่ายอย่างปุบปับมีแต่จะทำให้ทุกอย่างเลวร้ายกว่าเดิมถ้านักปราชญ์โบราณเหล่านั้นพากันหันมาหวาดระแวงเขา

แต่นั่นแหละ ตอนนี้ทุกอย่างก็เลวร้ายที่สุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้แล้ว เขาไม่อาจนิ่งเฉยและปล่อยให้เหล่านักปราชญ์โบราณของร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์ต้องตาย

ถึงจางเซวียนจะรู้สึกว่าการกระทำของคนพวกนี้น่าสงสัย แต่ก็แน่นอนว่าทุกคนกำลังปกป้องมวลมนุษย์ด้วยวิถีทางของตัวเองและได้เสียสละครั้งใหญ่

เขาไม่อาจทนดูคนพวกนี้เสียชีวิตได้!

จางเซวียนขับเคลื่อนพลังงานและกำลังจะพุ่งเข้าโจมตีเทพเจ้าอย่างเงียบๆ แต่แล้วจู่ๆขงซือเหยาก็กระอักเลือดออกมาอีกกองหนึ่งก่อนจะออกคำสั่ง “ยืนหยัดไว้และผลักดันเขากลับไป!”

ฟึ่บ!

สิ้นเสียงสั่งการของเธอ รอยแยกมากมายที่อยู่กลางอากาศก็สมานตัวเข้าหากันขณะที่มิติแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกัน ตัวเทพเจ้าที่โผล่พ้นปราการแห่งมิติออกมาจนถึงเอวแล้วก็ถอยกลับเข้าไปทันทีทันใดเพราะคำสั่งนั้น ตอนนี้เขาโผล่ออกมาแค่ไหล่

โชคร้ายที่วรยุทธของขงซือเหยาอ่อนด้อยเกินไปเมื่อเทียบกับเทพเจ้า แม้จะใช้ความสามารถของสายเลือดแล้ว เธอก็ยังไม่อาจผลักดันเทพเจ้ากลับสู่มิติเบื้องบนได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

“นั่นคือสายเลือดของเขาจริงๆ! เยี่ยมยอด…น่าทึ่งมาก! ด้วยสิ่งนี้ หัวหน้าตระกูลจะต้องยอมรับเราเป็นศิษย์สายตรงของเขา และมอบทรัพยากรให้เราอย่างไม่มีวันจบสิ้น!”

แม้เทพเจ้าเกือบจะถูกขับออกจากโลกใบนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่แสดงความหวาดหวั่นสักนิดต่อเทคนิคของขงซือเหยา นัยน์ตาของเขากลับเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นจนแทบจะคลุ้มคลั่ง

ในตอนนั้นเอง ศพของนักปราชญ์โบราณจื่อหยวนก็ดูเหมือนจะได้ซึมซับเลือดในปริมาณที่มากพอ ร่างนั้นค่อยๆลุกขึ้นจากโลงศพ เขากำหมัดแน่นแล้วปล่อยหมัดเข้าใส่เทพเจ้าที่กำลังปีนป่ายออกจากรอยแยกแห่งมิติ

พลั่ก!

หมัดนั้นไร้ซึ่งความสง่างามอย่างสิ้นเชิง แต่พละกำลังของมันน่าทึ่งถึงระดับของนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติเลยทีเดียว

“ฮ่า!”

เทพเจ้าไม่แสดงความตื่นตระหนกออกมาแม้ต้องเผชิญหน้ากับพละกำลังทำลายล้าง เขาคำราม และประกบมือเข้าหากัน

ครืดดดด!

ค่ายกลที่ได้รับการเสริมพลังจากศพของนักปราชญ์โบราณจื่อหยวนแยกตัวออกจากกันอย่างแรง ทำให้พลังงานที่มีหน้าตาเหมือนปรอทพุ่งตรงเข้าสู่โลก

ด้วยพละกำลังหนักหน่วงนั้น นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงล้มลงกระแทกพื้นและขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไม่ได้ ราวกับถูกภูเขาลูกใหญ่ทับไว้

คนอื่นๆก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีกว่ากันนัก แต่เพราะขงซือเหยาเปิดใช้งานสายเลือดของเธอ จึงยังพอยืนหยัดอยู่ได้ ส่วนเหยียนเฉว่ก็หน้าซีดเผือดขณะที่ผิวหนังฉีกขาดเพราะแรงกดดันที่ถาโถมเข้าใส่ เผยให้เห็นเนื้อสดๆสีแดงก่ำข้างใน

จางเซวียนก็ได้รับผลกระทบจากพลังงานที่มีหน้าตาเหมือนปรอทนั้นเช่นกัน แต่ไม่รุนแรงนัก ตัวเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักปราชญ์โบราณที่รวมตัวกันอยู่ แถมยังได้ปิดกั้นจุดชีพจรทั้งหมดไว้ล่วงหน้าแล้วเพื่อป้องกันไม่ให้พลังงานนั้นซึมซาบเข้าสู่ร่าง ความบอบช้ำที่จางเซวียนได้รับจึงไม่หนักหนาสาหัสอะไร

พลั่ก! พลั่ก! ตุ้บ!

เทพเจ้าต่อสู้กับศพของนักปราชญ์โบราณจื่อหยวน แต่ในทุกๆกระบวนท่าที่ล่วงไป พละกำลังของศพก็ดูจะลดลงเรื่อยๆ พูดอีกอย่างก็คือ เมื่อพลังงานที่มีหน้าตาเหมือนปรอทแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณนั้น เทพเจ้าก็ดูจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถึงกระบวนท่าที่ 8 ก็เกิดเสียงระเบิดขึ้นดังสนั่นขณะที่ศพถูกสอยกระเด็นกลับเข้าไปอยู่ในโรง

“การแผดเผาสายเลือด!”

ขงซือเหยาคำรามก้องด้วยนัยน์ตาแดงก่ำขณะเริ่มแผดเผาสายเลือดของเธออีกครั้ง แต่คราวนี้ ยังไม่ทันที่เธอจะทำสำเร็จ เทพเจ้าก็คำราม “เก็บเรี่ยวแรงของคุณไว้เถอะ ดิ้นรนไปก็เปล่าประโยชน์ เพียงเพราะผมต้องการให้คุณมีชีวิตอยู่ ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะอดทนกับความดื้อด้านของคุณนะ!”

จากนั้น พลังฝ่ามือก็ถูกปล่อยออกมาจากรอยแยกของมิติ

พลั่ก!

ขงซือเหยาร่วงจากกลางอากาศทันทีเพราะแรงปะทะนั้น

เพราะเกรงว่าทางเดินพลังปราณของเธอจะฉีกขาด เหยียนเฉว่รีบขับเคลื่อนพลังปราณของเขาเพื่อรับตัวเธอไว้

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

หลังจากเล่นงานศพของนักปราชญ์โบราณจื่อหยวนและขงซือเหยาจนล่าถอยได้แล้ว เทพเจ้าหัวเราะลั่นขณะดันตัวเองออกจากรอยแยกแห่งมิติจนสำเร็จ เขาลอยตัวอยู่กลางอากาศโดยประสานมือไว้บนหน้าอก

เหตุผลที่ก่อนหน้านี้เขาฝ่าปราการแห่งมิติได้อย่างยากลำบากก็เพราะมีค่ายกลขวางไว้ แต่เมื่อค่ายกลแหลกสลายไปจากแรงปะทะของพลังงานที่มีหน้าตาเหมือนปรอท ก็ไม่มีอะไรยับยั้งเขาไว้ได้อีก

“อยากรู้เหลือเกินว่าสภาพแวดล้อมแบบไหนที่สร้างสิ่งมีชีวิตทรงพลังขนาดนี้ขึ้นได้ แต่ต้องขอบอกเลยว่าผมผิดหวังมากกับสิ่งที่ได้เห็นที่นี่!” เทพเจ้าคำรามเยาะขณะพุ่งเข้าไปคว้าตัวขงซือเหยา

เหยียนเฉว่รีบเข้ามาดึงขงซือเหยากลับไป แต่ก็ถูกสอยกระเด็นด้วยการกระดิกนิ้วเพียงครั้งเดียว เขาทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น กระดูกกระเดี้ยวแหลกสลายเพราะพละกำลังหนักหน่วงนั้น

“คุณน่ะ มากับผม!” เทพเจ้าออกคำสั่ง

ฟึ่บ!

เขาใช้ตาข่ายพลังงานห่อหุ้มตัวร่างขงซือเหยาไว้

“ไม่นะ!”

เห็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวของปรมาจารย์ขงที่มีความบริสุทธิ์ของสายเลือดระดับ ‘8’ ตลอดระยะเวลาพันปีที่ผ่านมาถูกจับตัวไป ทุกคนนัยน์ตาเบิกโพลงอย่างพรั่นพรึง

แต่ด้วยความเหลื่อมล้ำของพละกำลังระหว่างพวกเขากับศัตรู ก็ไม่มีอะไรที่จะทำได้ ทุกคนพยายามสุดตัวแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผล

“อาณาจักรคุนฉื่อที่ปรมาจารย์ขงก่อตั้งจะต้องล่มสลายในช่วงอายุขัยของเราหรือ? เราจะปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตัวสั่นอย่างหนักขณะส่ายหน้าด้วยความไม่อยากเชื่อ ไม่พร้อมยอมรับความเป็นจริงที่เห็น

ในครั้งนั้น แม้ปรมาจารย์ขงจะไว้ชีวิตเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นเพราะความเมตตากรุณา แต่เขาก็พูดไว้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะต้องแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆตามกาลเวลาที่ผ่านไป เพื่อจะได้เอาชนะภัยคุกคามที่เข้ามาขวางทางได้

แต่เพราะแม้แต่ปรมาจารย์ขงเองก็นึกไม่ถึงว่านิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณจะหายไปจากโลกใบนี้อย่างปุบปับ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สถานการณ์พลิกผันไป ในชั่วพริบตา มวลมนุษย์ก็ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอีกครั้ง

ถึงพวกเขาจะกำจัดภัยคุกคามจากเผ่าพันธุ์ปีศาจได้สำเร็จ แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ยังไม่อาจกลับสู่ยุคสมัยแห่งความรุ่งเรืองได้ดังเดิม

ถ้าเป็นช่วงเวลาก่อนที่วิหารแห่งขงจื๊อจะปรากฏ ก็คงไม่มีใครผ่านปราการแห่งมิติเข้ามาได้ แต่เพราะการล่มสลายของวิหารแห่งขงจื๊อ ค่ายกลที่สกัดกั้นปราการแห่งมิติไว้จึงอ่อนกำลังลงเรื่อยๆตามระยะเวลาที่ล่วงไป

ต่อให้ตอนนี้พวกเขายืดอายุขัยเพื่อเสริมกำลังให้ปราการ ก็คงช่วยได้เพียงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น

ทุกอย่างจะแตกต่างจากนี้หรือไม่ถ้าชายผู้นั้นอยู่ที่นี่*?*

ในตอนนั้น นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงอดนึกถึงปรมาจารย์ฟ้าประทานที่ชื่อจางเซวียนไม่ได้

เขาอาจอายุยังน้อย แต่ก็สร้างปาฏิหาริย์ครั้งแล้วครั้งเล่า

เท่าที่นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงรู้ จางเซวียนคือผู้สังหารเทพเจ้าที่อำมาตย์เฉินหลิงเรียกมา ระหว่างการประกอบพิธีกรรม…

ถ้าเขาอยู่ที่นี่ จะสังหารเทพเจ้าองค์นี้ได้หรือเปล่า? จะช่วยชีวิตร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์จากวิกฤตการณ์ที่จ่อคอหอยพวกเขาอยู่ได้ไหม?

“คิดไปก็เปล่าประโยชน์ เขาไม่ได้อยู่ที่นี่สักหน่อย แถมความสัมพันธ์ของพวกเรากับเขาก็ย่ำแย่…” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงส่ายหัวอย่างจนปัญญา

นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่าคนนอกเข้ามาที่นี่ไม่ได้ ต่อให้ชายหนุ่มคนนั้นอยู่ที่นี่ ก็คงไม่มีทางที่เขาจะเต็มใจช่วย

แม้ทั้งสองฝ่ายจะมีเป้าหมายร่วมกันในการปลดปล่อยเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้เป็นอิสระจากภัยคุกคามของเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่แนวคิดและค่านิยมที่ต่างกันก็ทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดการปะทะกันหลายครั้ง เกิดเป็นความสัมพันธ์อันร้าวฉาน

“ต่อให้วันนี้เราต้องตาย ก็จะต้องช่วยชีวิตขงซือเหยาให้ได้ เธอคือความหวังเพียงหนึ่งเดียวของร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์ เราจะไม่มีวันปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับเธอเด็ดขาด!”

รู้ดีว่าคิดเหลวไหลเลอะเทอะไปก็ไร้ประโยชน์ นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงรวบรวมพละกำลังเฮือกสุดท้าย หวังจะโจมตีอย่างเด็ดขาดเพื่ออย่างน้อยก็จะได้ยื้อเวลาให้ขงซือเหยาได้หลบหนี แต่ในตอนนั้น ประกายเย็นเยือกก็สว่างวาบขึ้นกลางอากาศ

ด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า ประกายนั้นพุ่งเข้าใส่ลำคอของเทพเจ้า

“เฮ้ย…”

นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงถึงกับผงะกับการปรากฏตัวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่ง เขารีบเขม้นมอง เห็นร่างสง่างามร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าต่อตา มันเป็นภาพที่เขาจะไม่มีวันลบออกจากใจได้

“นั่นจางเซวียนนี่!”

“เขาอยู่ที่นี่!”