บทที่ 2666 ตัวจริงตัวปลอม
เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ ‘หลานไว่หู’ ภาวนาไม่ให้ถูกคนอื่นพบเข้า ต่อมากู้ซีจิ่วเตร็ดเตร่อยู่ที่นี่สองรอบก็พาพวกเขากลับไป ไม่ได้เล่นตุกติกเลย
ยิ่งเดินสีหน้าเยี่ยนเฉินก็ยิ่งซีด เขาเคยมาที่แดนเผ่าจิ้งจอกครามนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ทว่าเพิ่งได้เห็นแดนเผ่าจิ้งจอกครามที่เปลี่ยนเป็นเช่นนี้ครั้งแรก
อาคารแต่ละหลังเป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยพบเห็นเลย ถึงแม้ลักษณะของอาคารเหล่านั้นจะมีความคล้ายคลึงกับลักษณะบ้านเรือนของเผ่าจิ้งจอกคราม แต่วัสดุนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ราวกับก่อสร้างขึ้นจากโลหะอันใด ตอนที่เดินผ่านสิ่งปลูกสร้างหลังหนึ่ง เขาลองลูบดูตามสัญชาตญาณ สัมผัสถึงความเย็นยะเยือกอันเป็นเอกลักษณ์ของโลหะ ยังมีความเรียบลื่นคล้ายหยกอยู่เล็กน้อยด้วย
เขาลอบออกแรง อยากเห็นความแข็งแรงของโลหะชนิดนี้
ผลก็คือเขาใช้แรงระดับที่สามารถบดขยี้โคตรเพชรให้แหลกละเอียดได้แล้ว ทว่าไม่อาจทิ้งร่องรอยไว้บนพื้นผิวได้เลย
ชัดเจนแล้ว โลหะชนิดนี้แข็งกว่าโคตรเพชรมากนัก แถมยังทนทานด้วย
ด้วยความแข็งระดับนี้ ถ้าไม่มีพลังวิญญาณขั้นสิบขึ้นไป ไม่มีทางทำลายมันได้
ส่วนยอดฝีมือที่บรรลุพลังวิญญาณขั้นสิบในทวีปซิงเยวี่ย สามารถนับนิ้วได้เลย
สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้ รักษาง่ายทำลายยาก
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เยี่ยนเฉินหน้าเปลี่ยนสี แต่เป็นชาวเผ่าจิ้งจอกครามขนานแท้ที่เขาได้เห็นต่างหาก!
เขามาที่เผ่าจิ้งจอกครามหลายต่อหลายครั้งแล้ว ยังคงรู้จักชาวเผ่าจิ้งจอกครามบางส่วนอยู่ โดยเฉพาะชนชั้นสูงของเผ่าจิ้งจอกคราม ในสิบคนเขารู้จักไปแล้วแปดคน
ระหว่างที่เขาเดินสำรวจอยู่ ได้พบชาวเผ่าจิ้งจอกครามอยู่หลายครั้ง คนส่วนใหญ่ในหมู่พวกเขาเปลี่ยนเครื่องแต่งกายแบบเดิมออกไปแล้ว ไม่สวมเสื้อคลุมตัวยาวแขนกว้างอีก แต่สวมเสื้อคลุมตัวสั้นกับกางเกงขายาว (อันที่จริงก็คล้ายกับเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็ค แต่เยี่ยนเฉินไม่รู้จัก ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเป็นเสื้อคลุมแบบสั้น)
เสื้อผ้าของบุรุษเป็นสีเทาเงิน ส่วนเสื้อผ้าของสตรีเป็นสีเทาอ่อน
พวกเขาก็ดูมีอิสระเสรียิ่งนัก ยังคงทำมาค้าขาย ทำการเกษตรอยู่ในเผ่าจิ้งจอกคราม วิถีชีวิตไม่เปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไหร่
บนท้องถนนมีผู้รุกรานบางส่วนสัญจรผ่านมาบ้างเป็นครั้งคราว พวกเขายังโบกมือทักทายผู้รุกรานด้วย ถึงขั้นเรียกขานกันเป็นพี่น้อง
ถึงแม้เยี่ยนเฉินจะเคยต่อกรกับผู้รุกรานเหล่านี้อยู่สามสี่ครั้ง แต่เนื่องจากตกอยู่ในสภาพถูกรุกไล่ทั้งสิ้น แถมผู้รุกรานเหล่านี้ยังซ่อนตัวอยู่ในเรือประหลาดหุ้มเกราะเหล็กอีก ไม่เคยเผยหน้าออกมาเลย ดังนั้นจนกระทั่งยามนี้เยี่ยนเฉินเพิ่งได้เห็นรูปพรรณสัณฐานของผู้รุกรานเหล่านี้อย่างแท้จริง
ผู้รุกรานส่วนใหญ่จมูกโด่งเบ้าตาลึก ไม่เหมือนชาวที่ราบภาคกลาง แต่ดวงตาของพวกเขามีความคล้ายคลึงกับชาวเผ่าจิ้งจอกครามยิ่งนัก
ส่วนใหญ่จะมีนัยน์ตาสีครามเข้ม ตาเรียวดุจจิ้งจอก ยามที่แย้มยิ้ม ในดวงตาดั่งมีแสงวารีไหวระยับ
ยังมีอีก ไม่ว่าจะเป็นชาวเผ่าจิ้งจอกครามหรือว่าผู้รุกราน บนใบหูของพวกเขาล้วนมีรูเล็กๆ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอยู่รูหนึ่ง…
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความบังเอิญแน่นอน!
ดังนั้น เรื่องที่กู้ซีจิ่วบอกเป็นความจริง เผ่าจิ้งจอกครามกับผู้รุกรานเหล่านี้เป็นวงศ์วานว่านเครือกัน…
ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะเคยบอกเขาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ยามนี้พอได้เห็นเองกับตาเยี่ยนเฉินก็ยังคงได้รับความสะเทือนใจมากอยู่ดี
กว่าหนึ่งปีมานี้ผู้รุกรานเหล่านี้ก่อกรรมทำเข็ญบนทวีปซิงเยวี่ยอย่างมหาศาล กล่าวได้เลยว่าประชาชนชาวซิงเยวี่ย ล้วนเคียดแค้นชิงชังผู้รุกรานเหล่านี้อย่างลึกล้ำ ปรารถนาจะสับเป็นหมื่นชิ้นพันชิ้น และยากจะคลายความเกลียดชังในหัวใจได้…
ตอนนี้ความจริงอันโหดร้ายได้บอกเล่าต่อเขาแล้ว ภรรยาของเขาเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับผู้รุกรานเหล่านี้!
ความรู้สึกนี้เสมือนการทำสงครามต่อต้านญี่ปุ่นแล้วจู่ๆ ก็ค้นพบว่าภรรยาสุดที่รักของตนเป็นชาวญี่ปุ่น…
เท้าของเขาหนักอึ้งอย่างยิ่ง หัวใจดั่งจมดิ่งสู่ธารน้ำแข็ง
เขาย่อมรู้ดีว่าจิ้งจอกน้อยเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นภรรยาที่ดี
แต่เขารู้แล้วอย่างไร จะอธิบายกับชาวทวีปซิงเยวี่ยคนอื่นว่าอย่างไรเล่า? ทันทีที่พวกเขารู้ความจริง จะยังผ่อนปรนต่อจิ้งจอกน้อยอยู่หรือ?
————————————————————————————-
บทที่ 2667 ตัวจริงตัวปลอม 2
เขามองหลานไว่หูที่อยู่ข้างกาย ดวงหน้าน้อยๆ ของหลานไว่หู่ก็ซีดเผือดเช่นกัน คล้ายว่าจะได้รับความสะเทือนใจไม่น้อยเลยเหมือนกัน
“ไม่ต้องกลัว ข้าจะปกป้องเจ้าเอง” เขาจับมือน้อยๆ ของหลานไว่หูไว้
หลานไว่หูขบริมฝีปากแน่น มองเขาน้ำตาคลอ
“ท่านจะไม่รังเกียจข้าใช่ไหม?”
“ไม่หรอก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
เยี่ยนเฉินลูบหัวนาง
หลานไว่หูเข้าซุกซบในอ้อมแขนเขา
“แต่ว่า…ข้าก็ยังกลัวมากอยู่ดี…”
“กลัวอะไร?”
“กลัวสหายของท่านจะไม่ละเว้นข้า…”
เยี่ยนเฉินไม่สันทัดการโป้ปดเพื่อปลอบใจคน เขาใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยกล่าวว่า
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าหรอก หากว่าพวกเขาไม่ยอมรับเจ้าจริงๆ ข้าจะพาเจ้าไปอยู่อย่างสันโดษ หลีกห่างจากคนเหล่านั้น”
หลานไว่หูเงียบงัน แววตานางวูบไหวนิดๆ ค่อยๆ ยื่นแขนไปโอบเอวของเยี่ยนเฉิน ไม่เอ่ยวาจา เพียงเอียงหัวซบแผงอกของเยี่ยนเฉิน
เยี่ยนเฉินได้กลิ่นที่คุ้นเคยจากกายนาง จู่ๆ ในใจก็ค่อนข้างรู้สึกผิด
หลายวันมานี้เขาเคยสงสัยว่านางจะไม่ใช่จิ้งจอกน้อยตัวจริง ถึงแม้ฉากหน้าจะยังคงห่วงใยนางยิ่งนัก แต่ในใจยังคงระแวงนางอยู่ ตอนนี้ได้เห็นนางทำตัวอย่างที่คุ้นเคย ท่าทางอย่างที่คุ้นชิน เขาก็รู้สึกขึ้นอีกครั้งว่าตัวเองคิดมากไปแล้ว…
ถึงแม้การที่นางทำตัวยั่วยวนอยู่เสมอจะไม่คล้ายตัวนางในอดีต แต่อาจเป็นเพราะนางเพิ่งคิดได้อย่างกะทันหันกระมัง? จู่ๆ ก็มีความคิดความอ่านขึ้นมาใช่ไหม?
เขายืดแขนโอบนางไว้แน่น จุมพิตหน้าผากนางทีหนึ่ง
“วางใจเถอะ จิ้งจอกน้อย ไม่ว่าจะตอนไหนข้าก็ไม่มีทางทอดทิ้งเจ้า”
คนทั้งสองโอบกอดกัน
เนื่องจากบนร่างของทั้งสามคนล้วนแปะยันต์เร้นกายไว้ ดังนั้นทั้งสามคนจึงไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา
อย่างเช่นยามนี้ กู้ซีจิ่วไม่ได้อยู่ข้างกายของพวกเขา เธอไปที่ฐานยานรบแล้ว
ระบบรักษาความปลอดภัยของที่นั่นเข้มงวดกวดขันที่สุดสมบูรณ์พร้อมที่สุด มียุทโธปกรณ์ที่มีความแม่นยำสูงสารพัดชนิด กู้ซีจิ่วเองก็ไม่กล้ารับประกันอย่างสมบูรณ์ว่าจะไม่ถูกเผยตัวที่นั่น ดังนั้นเธอจึงให้เยี่ยนเฉินพาจิ้งจอกน้อยไปสำรวจจุดที่มีการตรวจตราไม่เข้มงวดก่อน เธอจะไปตรวจสอบทางนั้นเอง
ยันต์เร้นกายของกู้ซีจิ่วมีประสิทธิภาพมาก ตลอดทางมานี้พวกเขาพบพานผู้คนมากมายหลายกลุ่ม แต่ไม่มีใครพบเห็นพวกเขาเลย
เพื่อให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น กู้ซีจิ่วจึงให้พวกเขาเปลี่ยนไปสวมชุดของชาวเผ่าจิ้งจอกคราม แบบนี้ต่อให้ถูกคนพบเข้า ก็สามารถปะปนอยู่ในหมู่ชาวเผ่าจิ้งจอกครามได้ รอโอกาสหลบหนี
เยี่ยนเฉินโอบจิ้งจอกน้อยไว้ในอ้อมแขน หัวใจอบอุ่น จู่ๆ ก็รู้สึกว่าที่ตนปฏิเสธนางก่อนหน้านี้ค่อนข้างหยาบคาบไปหน่อย…
นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยกระซิบริมหูนาง หลังจากกลับไปแล้วพวกเราอยู่ด้วยกันอีกดีไหม?”
ดวงตาหลานไว่หูส่องประกายวาบ ทราบว่าความนัยของเขาคืออะไร ดวงหน้าพริ้มเพราแดงก่ำ พยักหน้ารับ
“ดี!”
พวงแก้มนางแดงปลั่งดั่งผลผิงกั่ว เยี่ยนเฉินพลันใจเต้นแรง อดใจไม่ไหวหอมแก้มนางไปอีกที
“จิ้งจอกน้อย ข้า…”
เอ่ยประโยคนี้ยังไม่ทันจบ จู่ๆ เขาก็ชะงักไป!
สายตามองไปยังทิศทางหนึ่ง ตรงนั้นมีสตรีนางหนึ่งยืนอยู่ เส้นผมสลวยใช้แถบแพรเพียงเส้นเดียวมัดรวบไว้ด้านหลัง สวมชุดราชครูสีฟ้าอ่อนตัวหลวมโคร่งที่ปลิวไสว ร่างผอมบาง ดูผอมแห้งอ่อนแอ
รูปโฉมนางงามล้ำ เพียงแต่สีหน้าซีดเซียวไปหน่อย ริมฝีปากที่เคยแดงเรื่อยามนี้ยิ่งดูซีดขาวจนมองไม่เห็นสีเลือด มีเพียงไฝชาดตรงกลางหว่างคิ้วเม็ดนั้นที่ยังแดงสดใสเช่นในวันวาน
นี่คือสตรีที่เหมือนกับหลานไว่หูคนนั้น!
ตอนนี้นางกำลังพิงเสาต้นหนึ่งอยู่ สายตามองมาทางพวกเยี่ยนเฉิน ทำให้เยี่ยนเฉินแทบนึกสงสัยแล้วว่านางมองเห็นพวกเขา…
หัวใจเยี่ยนเฉินคล้ายถูกสิ่งใดกระแทกเข้าอย่างจัง เต้นกระหน่ำขึ้นมา!
แทบจะเป็นไปตามสัญชาตญาณเลย เขาปล่อยหลานไว่หูในอ้อมแขนออก อดใจไม่อยู่เดินไปทางสตรีนางนั้นสองก้าว
มือของหลานไว่หูดึงแขนเสื้อเขาไว้ทันที ส่งกระแสเสียงหาอย่างประหลาดใจ
‘พี่เยี่ยนเฉิน หญิงนางนี้…หน้าตาเหมือนข้ามากเลย!’
————————————————————————————-