บทที่ 2668 ตัวจริงตัวปลอม 3
ใช่แล้ว เหมือนมาก
แต่ว่า ตอนที่เขาเห็นครั้งก่อนนางเหมือนกว่านี้…
ตอนนี้ดูไม่ค่อยเหมือนแล้วจริงๆ
หลานไว่หูนิสัยร่าเริงสดใส ถึงแม้จะไม่อ้วน แต่ก็มิใช่โฉมงามที่ผอมบาง เป็นคนงามที่ใบหน้าน้อยๆ กลมอิ่มคนหนึ่ง น่ารักจนทำให้คนอยากกอดสักที
แต่ตอนนี้สตรีนางนั้นแทบจะผอมซูบแล้ว ใบหน้าน้อยๆ ที่เดิมทีกลมอิ่มกลายเป็นใบหน้าผอมเรียวแล้ว ดวงตาที่เคยดำขลับเปล่งประกายก็กลายเป็นทรงนัยน์ตาจิ้งจอกหางตายกชี้ขึ้น นัยน์ตาเป็นสีดำเจือม่วง ยามที่มองดูคน ราวกับวังน้ำวนที่ไหวกระเพื่อม เป็นวังน้ำวนประเภทที่สามารถสูบกลืนผู้คนเข้าไปได้
อีกทั้งบุคลิกของตัวนางก็มืดมนยิ่ง เย็นชานัก ราวกับหลุดพ้นเหนือโลกโลกีย์แล้ว
เยี่ยนเฉินมองจิ้งจอกน้อยที่อยู่ข้างกาย จากนั้นก็มองสตรีนางนั้นอีกครา…
ว่ากันตามจริงแล้ว ทั้งสองคนแตกต่างกันมากมายแล้ว สตรีนางนั้นก็ไม่เหมือนจิ้งจอกน้อยแล้ว แต่เวลาที่เขามองเห็นนาง หัวใจยังเหมือนถูกสิ่งใดฉุดดึง! ปวดแปลบขึ้นมา!
สายตาของสตรีนางนั้นราวกับร่อนลงบนร่างของเขากับหลานไว่หู และคล้ายว่าจะเหม่อมองออกไปอย่างไร้ทิศทาง ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มนิดๆ ไม่ทราบเช่นกันว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ยามที่มีทหารชาวดาวจิ้งจอกครามเดินผ่านข้างกายนาง ล้วนแต่ทำความเคารพต่อนาง เรียกขานนางคำหนึ่ง
“องค์หญิง”
และตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่สนใจเลย เฉยเมยปานรูปปั้น
‘พี่เยี่ยนเฉิน นางเป็นองค์หญิงอันใดของหมู่คนชั่วพวกนี้ใช่ไหม? บางทีนางคงจะมาด้วยกันกับพวกเขากระมัง? ไม่นึกเลยว่าจะมีความคล้ายคลึงกับข้าถึงแปดส่วน…’
หลานไว่หูที่อยู่ด้านข้างวิพากษ์วิจารณ์
‘บางที…น่าจะใช่กระมัง’ เยี่ยนเฉินตอบไปส่งๆ สายตายังคงมองไปที่สตรีนางนั้น
หลานไว่หูเบะปากทีหนึ่ง ดึงแขนเสื้อของเขา
‘พี่เยี่ยนเฉิน ท่านหลงเสน่ห์นางแล้วใช่ไหม?’
เยี่ยนเฉินผงะไป ผินหน้ามอง มองเห็นใบหน้าน้อยๆ ของนางบึ้งตึง ท่าทางคล้ายหึงหวง
ท่าทางนี้ ก็เป็นท่าทางเวลาที่จิ้งจอกน้องหึงหวงเช่นกัน เยี่ยนเฉินส่ายหัวนิดๆ ตัวปลอมคนหนึ่งต่อให้เหมือนสักแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่แม้แต่การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ตามความเคยชินจะเหมือนไปด้วยกระมัง?
จิ้งจอกน้อยที่อยู่ข้างกายตนเป็นตัวจริง
ส่วนหญิงนางนั้น เป็นองค์หญิงของผู้รุกรานเหล่านี้ ที่ตอนนั้นเข้ามาพัวพันเขาน่าจะคิดสวมรอยเป็นจิ้งจอกน้อยปะปนเข้าไปในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ โชคดีที่เขามองออกทันกาล…
เขายินดีอยู่ในใจ
เขาไม่อยากให้จิ้งจอกน้อยหึง ดังนั้นจึงเก็บสายตากลับมา ลูบหัวนางอย่างคล้ายจะปลอบโยน
‘จะเป็นไปได้ยังไง เด็กโง่ ในหัวใจในสายตาของข้ามีแต่เจ้า จะหลงใหลในตัวหญิงอื่นได้อย่างไร เพียงเห็นว่ารูปโฉมของนางค่อนข้างคล้ายกับเจ้า จึงอดมองให้มากหน่อยไม่ได้เท่านั้น’
หลานไว่หูเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้ม เผยลักยิ้มบนพวงแก้มออกมา
‘ค่อยยังชั่ว’
นางอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนเยี่ยนเฉิน มองสตรีนางนั้นแวบหนึ่ง แววตาเจือความมีชัยไว้รางๆ
“องค์หญิง ทำไมมายืนตากลมอีกแล้วล่ะ?”
บุรุษคนหนึ่งเดินออกมาจากอาคารหลังหนึ่ง ในมือถือเสื้อคลุมตัวหนึ่งไว้ ยามที่เดินเข้าไปถึงข้างกายสตรีนางนั้น ก็คลุมลงบนไหล่นาง
สตรีนางนั้นแน่นิ่ง ปล่อยให้เขาผูกสายคลุมให้นาง
ยามที่หลานไว่หูมองเห็นบุรุษคนนั้นกลับแข็งทื่อไปแวบหนึ่ง หดตัวเข้าหาเยี่ยนเฉินที่อยู่ข้างกาย ไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ
สายตาของเยี่ยนเฉินก็จับจ้องอยู่ที่บุรุษคนนั้นเช่นกัน บุรุษคนนั้นสวมเสื้อแขนสั้นกับกางเกงขายาวที่เรียบง่าย ขนงเนตรงามสง่า บุคลิกสุขุม ดูมีความแข็งกร้าวปราดเปรียวของคนเป็นทหาร ทั้งยังมีความสุภาพสง่างามของบัณฑิตผู้มีการศึกษาด้วย สรุปคือ เป็นบุรุษที่โดดเด่นยิ่งนักคนหนึ่ง
บุรุษผู้นี้เป็นใคร? สามารถใกล้ชิดสนิทสนมกับองค์หญิงได้เช่นนี้ น่าจะไม่ใช่ทหารทั่วไป
ซ้ำเขายังไม่ได้สวมชุดทหารของที่นี่ด้วย ดังนั้นเยี่ยนเฉินจึงมองลำดับยศของเขาไม่ออก เพียงรู้สึกได้รางๆ ว่าอีกฝ่ายฐานะไม่ต่ำต้อย
“ไปเถอะ ฉันจะพาเธอไปเดินรอบๆ ต่อ ร่างกายเธออ่อนแอ ต้องเดินให้มากหน่อย การตากแดดมีผลดีต่อสุขภาพของเธอ”
————————————————————————————-
บทที่ 2669 ตัวจริงตัวปลอม 4
“ไปเถอะ ฉันจะพาเธอไปเดินรอบๆ ต่อ ร่างกายเธออ่อนแอ ต้องเดินให้มากหน่อย การตากแดดมีผลดีต่อสุขภาพของเธอ”
บุรุษผู้นั้นจูงมือสตรีนางนั้น เลี้ยวซ้ายก้าวเดินไปยังทิศทางหนึ่ง
เยี่ยนเฉินมองเงาหลังของสองคนนี้ นิ้วมือที่อยู่ในแขนเสื้อกำแน่นอย่างห้ามไว้ไม่อยู่
ถึงแม้จะแน่ใจแล้วว่าสตรีนางนั้นไม่ใช่จิ้งจอกน้อย แต่พอเห็นนางถูกชายอื่นจูงมือก็ยังคงขัดตายิ่งนักอยู่ดี ทำให้เขาอยากจะพุ่งเข้าไปแยกพวกเขาออกจากกัน…
“พี่เยี่ยนเฉิน พวกเรา…พวกเราไปดูที่อื่นกันไหม?”
หลานไว่หูที่อยู่ข้างกายดึงแขนเสื้อเขา
เยี่ยนเฉินฝืนเก็บสายตากลับมาจากร่างของสองคนนั้น พยักหน้ารับ
“ได้!”
ที่เขาเห็นฉากนี้แล้วไม่พอใจเป็นเพราะสตรีนางนั้นรูปโฉมเหมือนจิ้งจอกน้อย พอเห็นนางใช้รูปโฉมที่คล้ายกับจิ้งจอกน้อยไปใกล้ชิดกับชายอื่นเช่นนี้ เขาย่อมขัดเคืองนัยน์ตาเป็นธรรมดา…
อือ เป็นเช่นนี้แน่ๆ!
เยี่ยนเฉินคิดว่า ตนไม่ควรสิ้นเปลืองความสนใจกับสตรีนางนี้อีกต่อไปแล้ว เขาควรจะสนใจอุปกรณ์เฉพาะของที่นี่ แบบนี้ถึงจะสะดวกต่อการจัดกลยุทธ์โจมตีในวันหน้า…
….
เยี่ยนเฉินย่างเดินดุจเหินบิน หลานไว่หูที่อยู่ข้างกายเขาหอบแฮ่กๆ แล้ว
“พี่เยี่ยนเฉิน ท่านช้าลงหน่อย”
เยี่ยนเฉินหยุดฝีเท้า เพิ่งรู้สึกตัวว่าตนทิ้งห่างจากจิ้งจอกน้อยสองก้าวแล้ว
หลานไว่หูเดินเข้ามากอดแขนเขา เอ่ยอย่างเคืองๆ
“ผู้อื่นตั้งครรภ์อยู่นะ ท่านจะเดินไวขนาดนี้ไปทำไม?”
เยี่ยนเฉินสูดหายใจเบาๆ กุมมือนาง
“ซีจิ่วยังไม่กลับมาเลย ข้าเป็นห่วงนาง อยากไปดูทางนั้นสักหน่อย”
“ไม่ต้องหรอกมั้ง? ซีจิ่วบอกไว้ไม่ใช่หรือว่าทางนั้นมีสิ่งของที่ล้ำสมัยยิ่ง สามารถทำลายวิชาเร้นกายอันใดได้ ห้ามไม่ให้พวกเราเข้าไปมิใช่หรือ?”
เยี่ยนเฉินชะงักไปแวบหนึ่ง ก่อนซีจิ่วจะแยกตัวไปได้สั่งการเขาไว้แบบนี้จริงๆ ซ้ำยังให้เขาตามติดจิ้งจอกน้อยเอาไว้ ห้ามห่างเลยสักก้าว…
เขาเงยหน้าเหม่อมองออกไปทางลานบิน ยังคงไม่เห็นเงาร่างของกู้ซีจิ่ว
“วางใจเถอะ ซีจิ่วร้ายกาจถึงเพียงนั้น ไม่เกิดเรื่องหรอก ถ้าพวกเราเข้าไปจริงๆ จะยิ่งเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นได้ง่ายๆ ไม่แน่ว่าจะเพิ่มภาระให้นางอีก”
หลานไว่หูปลอบเขา
เยี่ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะมองนางแวบหนึ่ง
“จิ้งจอกน้อย เดี๋ยวนี้เจ้าฉลาดรู้ความขึ้นมากแล้ว”
หากเป็นจิ้งจอกน้อยในอดีต จะไม่มีเหตุผลถึงขนาดนี้ คงโวยวายให้เขาไปตามหาคนโดยไม่แยแสสิ่งใดไปนานแล้ว ไหนเลยจะเอ่ยวาจาที่มีเหตุมีผลเช่นนี้ออกมาได้?
จิ้งจอกน้อยเติบใหญ่แล้ว กลับเป็นคนที่สุมขุมมาโดยตลอด อย่างเขาที่วันนี้อารมณ์ร้อน ทำงานไม่ได้มาตรฐานอยู่บ้าง
ทั้งสองคนกระซิบพูดคุยยิ้มหัวกันสองสามประโยค ก็หันหลังเดินเตร่ไปทางอื่นอีกครั้ง ตลอดทางเยี่ยนเฉินได้จดจำรูปแบบของสองข้างทางเอาไว้…
ทันใดนั้นพลันมีเสียงดังเอะอะแว่วมาจากทางด้านซ้ายเป็นระยะๆ ท่ามกลางนั้นมีบางคนตะโกนขึ้นมา
“องค์หญิง ดื่มเลย! ดื่มมันเลย!”
เท้าของเยี่ยนเฉินพลันหักเลี้ยว เหยียบย่างลงทางด้านซ้าย
หลานไว่หูรีบรั้งเขาไว้
“พี่เยี่ยนเฉิน ที่นั่นคนเยอะ พวกเราอย่าเข้าไปเลยดีกว่า เลี่ยงไม่ให้ถูกพบตัวเข้า”
“ไม่เป็นไร พวกเขามองไม่เห็นเราหรอก”
เยี่ยนเฉินไม่หยุดฝีเท้าเลย ในไม่ช้าก็มาถึงบริเวณที่มีเสียงดังโหวกเหวก
นั่นคือเหลาสุราแห่งหนึ่ง เหลาสุราแห่งนี้เมื่อก่อนเยี่ยนเฉินเคยพาหลานไว่หูมาแล้ว ยังเคยดื่มสุราของที่นี่ด้วย ตอนนี้เหลาสุราแห่งนี้ไม่เปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไหร่
เยี่ยนเฉินพาหลานไว่หูเข้าไปด้านใน มองแวบเดียวก็เห็นองค์หญิงผู้นั้นนั่งอยู่หน้าโต๊ะตัวหนึ่งแล้ว รอบกายนางยังมีเจ้าหน้าที่ทหารนั่งอยู่เจ็ดแปดคนด้วย องครักษ์พิทักษ์บุปผาคนนั้นก็นั่งอยู่ด้วย
พวกเขากำลังดื่มสุราอยู่ตรงนั้น ก่อนหน้านี้น่าจะเล่นพนันสุรากัน องค์หญิงผู้นั้นแพ้ คนที่แพ้ก็ต้องดื่มสุรา ดังนั้นคนพวกนั้นถึงเอะอะเสียงดังขึ้นมา
ซ้ำยังมีบางคนเอ่ยขึ้นว่า
“หากว่าองค์หญิงไม่อยากดื่มสุรา งั้นร้องเพลงให้พวกเราพี่น้องฟังสักเพลงก็ได้”
องค์หญิงผู้นั้นไม่เอ่ยวาจา ยกมือดื่มสุราในจอกเข้าไปจนเกลี้ยง จากนั้นก็กระแทกจอกเสียงดึงปึก ยื่นมือเรียวเสลาออกมา
“เอามาอีก!”