GGS:บทที่ 948 จองหอง
ทีมนักเก็บกู้จากทั่วทั้งโลกได้ทำการดำดิ่งลงไปในบริเวณที่พบซากเรือด้วยความตื่นเต้น พวกเขาไม่รู้เลยว่าจะเจอเพียงเศษซากที่ซูจิ้งเหลือทิ้งไว้แค่เท่านั้น
หลังจากนักเก็บกู้ทั้งหลายทำการตรวจสอบพักใหญ่พวกเขาก็เริ่มพบอะไรแปลกๆ
อย่างแรก บนเรือไม่มีร่องรอยของอะไรเลยสักอย่างที่สามารถเชื่อมโยงกับนครที่สาบสูญแอตแลนติส
อย่างที่สอง มันว่างเปล่า จากร่องรอยแล้วพวกเขาพบว่ามีร่องรอยของสิ่งของพึ่งจะถูกเคลื่อนย้ายไปเมื่อไม่นานมานี้ และแน่นอนว่าหลุมที่ซูจิ้งให้หมึกยักษ์หัวกลมและราชาหมึกกล้วยขุดลงไปก่อนหน้านี้นั้น ซูจิ้งจัดการกลบลงไปเรียบร้อยแล้ว
“อะไรวะ สมบัติโดนรวบไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ไอ้พวกญิ่ปุ่นนี่ทำงานกันเร็วจนเอาไปแม้แต่สมบัติในเรือเลยเหรอ”
“ไม่มีทาง ต่อให้ไอ้พวกนั้นมีความชำนาญขนาดไหนก็ไม่มีทางเร็วขนาดนี้”
เหล่าทีมนักเก็บกู้จากแต่ละประเทศต่างก็มึนงงกับเหตุการณ์ที่พบเจอ อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่ทีมนักเก็บกู้จากญี่ปุ่นและจีนก็มีความรู้สึกไม่ต่างกัน
นั่นก็เพราะพวกเขานั้นมาถึงก่อนเพื่อนมารอบหนึ่งแล้วก่อนหน้านี้ และในตอนนั้นสมบัติบนซากเรืออัปปางก็ยังอยู่ไม่ได้มีร่องรอยการถูกปล้นแบบนี้ เพียงช่วงเวลาสั้นๆแบบนี้จะขนไปหมดได้ยังไงกัน
“ว่างเปล่า….ได้ยังไงกัน” เอี้ยป๋อสงสัยขึ้นมา
“จากข้อมูลที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้นั้นมีกล่องจำนวนมากอยู่ในเรือ มีเหรียญทองจำนวนหนึ่งบรรจุอยู่ข้างใน แล้วก็มีหีบเก็บเหรียญทองจำนวนหนึ่ง ดูเหมือนว่าไอ้ของที่ว่ามานี่โดนรวบไปแล้ว” โจวฉือเซียนแทบจะเป็นลมในทันที
“ไม่น่าจะเป็นพวกญี่ปุ่นนะพวกนั้นไม่น่าทำได้เร็วขนาดนี้” เอี้ยป๋อพูดออกมา
“ต้องเป็นไอ้พวกญี่ปุ่นนั่นเอาไปแล้วแน่ๆ ไม่งั้นแล้วจะเป็นใครไปได้” โจวฉือเซียนพูดพร้อมกับแสดงท่าทางโกรธออกมา ไอ้พวกลิงเผือกนั่นต้องได้ลิ้มรสความโกรธแค้นของเขา เขาไม่มีทางได้ของพวกนั้นไปได้ง่ายๆอย่างแน่นอน
แต่ที่ทั้งสองคนยังไม่รู้ก็คือนักเก็บกู้จากญี่ปุ่นก็มีท่าทีโกรธแค้นไม่ต่างกัน
ชายญี่ปุ่นวัยกลางคนที่มีหนวดเฟิ้มพูดออกมาโดยความโกรธว่า “อไรกันวะ ของในเรือเวรนั่นโดนเอาไปแล้ว ตอนที่แกลงไปตอนแรกแกบอกว่ายังมีสมบัติเหลืออยู่ในเรืออีกไม่ใช่เหรอ
จากตอนนั้นมาตอนนี้เราพักแค่ชั่วโมงเดียวเองนะเว้ย สมบัติพวกนั้นมันจะหายไปได้ยังไง มันมีครีบว่ายหายไปกันเองรึไงกัน”
“พวกเราไม่ทราบครับ แต่ดูเหมือนว่าคนที่ทำมันเพิ่งจะกลบดินลงไปไม่นานนี้เอง”
“มีคนแอบดำลงไปแล้วเอาสมบัติไปแล้วอย่างนั้นเหรอ”
นักเก็บกู้จากญี่ปุ่นรู้ดีว่าความจริงแล้วนักเก็บกู้จากจีนต่างหากที่เป็นพวกแรกที่พบซากเรือนี้ ตอนนี้พวกเขาเลยรีบตรงไปหานักเก็บกู้จากจีนเพื่อคุยกันให้รู้เรื่อง
นักเก็บกู้จากนานาประเทศยังไม่ลดละความหวัง พวกเขาได้ดำลงไปในซากเรืออีกครั้งหนึ่ง จนในที่สุดแล้วพวกเขาก็ไม่พบอะไรเลยจริงๆ ทำได้เพียงแค่ถอดใจเท่านั้นและยอมรับได้เพียงอย่างเดียวว่าในครั้งนี้พวกเขาไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปเลย
ทีมนักเก็บกู้จากจีนในตอนนี้เองก็รู้แล้วว่าพวกตนทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากจะกลับบ้านเพียงเท่านั้นถึงแม้จะไม่อยากก็ตาม
ในขณะที่กำลังจะหันเรือกลับบ้าน ทีมนักเก็บกู้จากญี่ปุ่นก็ตามพวกเขามาติดๆ ตอนแรกนักเก็บกู้จากจีนคิดเพียงว่าพวกมันได้ของไปหมดแล้วเลยจะตรงกลับบ้านเพราะยังไงซะจากจุดนี้ตรงกลับไปก็ถือได้ว่าเป็นทางเดียวกัน
เมื่อเวลาผ่านไปได้สักพัก อยู่ๆทีมนักเก็บกู้จากญี่ปุ่นก็ได้เร่งเครื่องและนำเรือมาจอดขวางหน้าทีมนักเก็บกู้จากจีน
จนตอนนี้ทีมนักเก็บกู้จากจีนก็รู้แล้วว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว
“หมายความว่ายังไงกัน” โจวฉือเซียนถามออกมา เอี้ยป๋อ และคนอื่นๆบนเรือตอนนี้กำลังโกรธจนหน้าดำคร่ำเคร่ง
“พวกแกเอาสมบัติจากซากเรือไปรึเปล่า” ชายญี่ปุ่นวับกลางคนได้ถามออกมาด้วยภาษาจีนตัวย่อ
“พวกเราเหรอ เหอะ เป็นแกไม่ใช่เหรอที่เอาไปตั้งต้น ฉันว่าแกต่างหากที่เป็นคนเอาไปทั้งหมด ถ้าพวกแกไม่ได้เอาไปแล้วจะเป็นใครกัน” โจวฉือเซียนพูดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวและแสดงออกมาในทันทีว่ารังเกียจคนญี่ปุ่นพวกนี้
พวกเขานั้นเป็นคนเจอซากเรือนั่นก่อนแต่ไอ้พวกนี้กลับกล้าประกาศออกไปว่าเป็นคนพบก่อน มาตอนนี้ยังคิดจะมาหาเรื่องและกล่าวหาว่าพวกเขานั้นเอาสมบัติไปอีก
“ทำเป็นปากดีไปเถอะ อย่าให้ฉันเจอก็แล้วกัน” กัปตันชายญี่ปุ่นได้พูดออกมาบ้าง
“อย่ามากล่าวหากันมั่วๆแบบนี้สิวะ ถ้าพวกเราเอาไปแล้วมันจะทำไม” เอี้ยป๋อถามกลับด้วยความโกรธ
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ถ้าพวกเราพบว่าพวกแกแอบลงไปเก็บสมบัติพวกนั้นมาไว้ทีมเดียวแล้วไม่ยอมแบ่งพวกเราล่ะก็ ในพื้นที่ที่ไม่มีกฏหมายแบบนี้พวกแกก็คงจะพอรู้สินะว่าจะเป็นยังไง”
เมื่อพูดจบกัปตันเรือญี่ปุ่นก็ได้ยกมือขึ้น นั่นเป็นสัญญาณทำให้ลูกเรือของพวกมันโผล่หน้าออกพร้อมทั้งยกปืนเล็งมายังเรือของทีมเก็บกู้จากจีน ตอนนี้ทีมเก็บกู้จากญี่ปุ่นไม่ได้ดู้เหมือนนักเก็บกู้แต่อย่างใด พวกมันมีท่าทางไม่ต่างจากโจรสลัดเลยสักนิด
โจวฉือเซียน เอี้ยป๋อ และคนอื่นๆในทีมเก็บกู้ของจีนเพียงได้ยินก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ได้ติดอาวุธมาแต่อย่างใด
แต่อาวุธของเขามันก็เป็นเพียงอาวุธป้องกันตัวเท่านั้น พวกเขานั้นไม่ได้ต้องการจะยิงใครจริงๆ และเหนือสิ่งอื่นใดดูจากสภาพแล้วสู้ไปก็เท่านั้น อีกอย่างหนึ่งพวกเขาเองนั้นไม่รู้จะสู้ไปทำไม เพราะยังไงซะไอ้คนพวกนี้ขนสมบัติไปหมดไม่มีอะไรเหลือให้พวกเขาอยู่แล้ว
แต่การมาตราหน้าว่าพวกเขาเอาของไปแล้วยังจะปล้นกันแบบนี้อีกนี่มันเกินไปแล้ว
“เกินไปแล้วโว้ย พวกเราไม่ยอมให้รังแกกันง่ายๆหรอกเว้ย” กัปตันเรือของทีมจีนตะคอกออกมาอย่างเหลืออด
“เฮ้เฮ้เฮ้ แกคิดจะยิงพวกเราจริงๆเหรอ พวกฉันก็ไม่รังเกียจหรอกนะที่จะบอกพวกแกไว้หน่อยว่าพวกเราฆ่าโจรสลัดมานักต่อนักแล้ว ทันทีที่พวกแกเริ่มยัง เรือของพวกแกจะจมลงไปในทะเลอย่างแน่นอน” กัปตันเรือทีมญี่ปุ่นพูดออกมาอย่างสบายอารมณ์
“แก…” เอี้ยป๋อในตอนนี้โกรธจนตัวสั่น
“แกอะไร เหอะ หุบปากแล้วคุกเข่าลงบนพื้น เอามือไว้เหนือหัว ปล่อยให้พวกฉันเข้าไปดูในเรือแต่โดยดีซะดีกว่าน่า หากไม่มีอะไรจริงๆฉันก็จะปล่อยแกไปแล้วกัน” กัปตันเรือญี่ปุ่นสั่งออกมาเสียงดังลั่น
แน่นอนว่าชนชาติจีนนั้นไม่อยากจะยอมแพ้แต่อย่างใด แต่พวกเขาก็เป็นเพียงนักเก็บกู้ใต้น้ำเท่านั้น ไม่ใช่โจรสลัด ก็เลยมีความกลัวตายอยู่บ้าง
ในขณะเดียวกันไม่ไกลนัก มีเรือลำหนึ่งได้แล่นขนานกันในระยะห่างๆ บนกาบเรือนั้นได้มีกลุ่มชาวยุโรปกลุ่มหนึ่งได้คอยสังเกตุการณ์และหนึ่งในนั้นคือคนอเมริกัน
นี่คือทีมนักเก็บกู้จากอเมริกา ชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังใช้กล้องส่องทางไกลส่องมองดูเหตุการณ์ที่ทีมเก็บกู้ของญี่ปุ่นขวางทางทีมเก็บกู้จากจีนอยู่อย่างสนใจ
“เฮ้อ ทีมจีนนี่ช่างโชคร้ายจริงๆ” ชายคนหนึ่งพูดออกมาด้วยยรอยยิ้ม
“คำกล่าวที่ว่าคนจีนหัวร้อนจนไม่ฟังคนนี่ไม่จริงสินะ” ชายอีกคนหนึ่งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน
ถึงแม้ว่าคนพวกนี้จะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าทีมนักเก็บกู้ใต้น้ำจากญี่ปุ่นนี้ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน
เมื่อเทียบกับทีมจากจีนที่เป็นเพียงนักเก็บกู้ธรรมดเท่านั้นนี่ถือได้ว่าเป็นข้อเสียเปรียบของทีมจีนในการต้องออกมาอยู่ในพื้นที่ไร้ซึ่งกฏหมายแบบนี้ แน่นอนว่าทีมแบบจีนนั้นอยู่รอดได้ยากยิ่งนัก เพราะเนื่องจากที่นี่เป็นพื้นที่ไร้กฏหมาย แน่นอนว่าทำอะไรก็ย่อมได้
“ตอนนี้ก็ลองดูท่าทีไปก่อนแล้วกัน ดูสิว่าพวกนั้นจะเจอสมบัติบนเรือจีนรึเปล่า” หัวหน้าของชายอเมริกันได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้เหตุการณ์การปะทะคารมกันของทีมจีนและทีมญี่ปุ่นได้ถึงจุดปะทุ กัปตันเรือชาวญี่ปุ่นได้สบถออกมาว่า “ยัง ยัง พวกแกรีบๆคุกเข่าลงบนพื้นแล้วก็เอามือขึ้นไปไว้บนหลังหัวซะ อยากตายกันรึไง”
“แม่…เอ๊ย เราจะไม่ขัดขืนพวกมันจริงๆเหรอ”
“แต่ ถึงเราขัดขืนไปก็สู้ไม่ได้อยู่ดีนี่นา พวกนั้นมีปืนมากกว่านะ”
“ที่สำคัญที่สุดคือพวกเราไม่มีอะไรอยู่บนเรือเลยนะ สู้ไปก็เท่านั้น”
“ไอ้เรื่องนั้นน่ะฉันรู้ แต่ไอ้การที่ต้องมาคุกเข่าแบบนี้มันหยามหน้ากันเกินไป ฉันทนไม่ได้เว้ย ฉันจะสู้”
หากมองจากมุมมองของทีมเก็บกู้จากจีนแล้ว พวกเขาไม่ได้สู้เพื่อรักษาสิ่งของ แต่พวกเขานั้นสู้เพื่อรักษาหน้าตัวเองไว้เท่านั้น
ตอนเด็กๆพวกเขาเคยถูกรังแกโดยชาวญี่ปุ่น พอโตมาแล้วยังต้องโดนกดขี่แบบนี้ เป็นพวกเขาเองที่ผิดที่ไม่ยอมรอกองทัพแล้วรีบเร่งมาแบบนี้
หากเขายอมรอกองทัพล่ะก็กับอีแค่พวกลิงเผือกไม่คณามือเขาอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จะมาเสียใจตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
ตอนนี้บางคนนั้นต้องการจะขัดขืนอยู่แล้ว แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่อยากจะขัดขืน นั่นก็เพราะว่าพวกเขาหลายๆคนคือหนึ่งในเสาหลักของแวดวงเศรษฐกิจของจีน หากพวกเขาต้องตายแล้วตระกูลจะทำยังไงกัน
“แม่งเอ๊ย ไอ้พวกนี้พูดฟังกันไม่รู้เรื่องรึไง รีบคุกเข่าแล้วเอามือวางไว้หลังหัวซะ หรือจะให้ฉันต้องลงมือเอง”
กัปตันเรือของทีมญี่ปุ่นเริ่มเหลืออด เขาได้หยิบปืนขึ้นมาแล้วยิงขึ้นฟ้าไปจำนวนหนึ่ง นี่สำหรับเขาแล้วถือเป็นการเตือน
แต่ที่เขายังไม่รู้ก็คือตอนนี้ใต้น้ำได้มีเงาดำเงาหนึ่งได้เคลื่อนไหวอยู่และเสียงปืนนี้ได้ทำให้เงานั้นเร่งรีบขึ้นมาในทันที