บทที่ 55 วิธีการที่เสร็จสิ้น
ปีกที่พึ่งถูกฉีกออกมานั้นจำเป็นต้องต่อเข้าทันทีเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
ซูเฉินไม่เสียเวลาใช้ความรู้สึกอีกต่อไป เขาถอดเสื้อผ้าออกและพันแขนไปรอบหลังตัวเองเพื่อตัดรูสองรูขึ้นบนเนื้อกาย การผ่าตัดร่างคนนั้นเป็นเรื่องยากเย็นสำหรับคนส่วนมาก แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดนั้นง่ายดายเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ปีกฉกาจถูกเชื่อมเข้ากับแผ่นหลังของซูเฉิน ซูเฉินก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังต่างสายเลือดที่หลั่งไหลเข้ามาในร่างกายของเขาทันที
มันคือสายเลือดของเทพอสูรวายุโหมที่แทรกซึมซูเฉินเข้าไป
ผู้คนอื่นอาจแทบถวายชีวิตเพื่อตามหาสายเลือดเทพอสูรและต้องทรมานไม่สิ้นสุดเมื่อรู้ว่าพลังไร้ขอบเขตเหล่านี้พวกเขาจะไม่มีวันได้ไปครอบครอง แต่ซูเฉินนั้นตรงกันข้าม เส้นทางที่เขาเดินมาคือทางที่มนุษย์ทั้งหลายต่างก็รอดพ้นจากอุปสรรคต่าง ๆ เพียงด้วยสายเลือดมนุษย์ มันจึงทำให้การที่เขาเต็มใจจะครอบครองสายเลือดของอสูรนั้นไม่แปลกอะไร แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน อย่างไรแล้วนิกายไร้ขอบเขตก็ได้เริ่มใช้งานลักษณ์แทบจะทันทีที่มันถูกเผยแพร่
ซูเฉินหมุนเวียนพลังต้นกำเนิดในร่างของเขาเพื่อซึมซับและกลั่นพลังสายเลือด
แม้ว่าสายเลือดเทพอสูรนั้นทรงพลังยิ่งนัก พวกมันก็ยากที่จะดูดซึมเข้าไป ซูเฉินคงจะลำบากยากเย็นที่จะทำเช่นนั้นในสถานการณ์ปกติ แต่เฟิงอันหยาผู้เป็นเจ้าของสายเลือดได้ให้ความช่วยเหลือแก่เขา
เมื่อเฟิงอันหยาเห็นซูเฉินปลูกถ่ายสายเลือดเทพอสูรและสั่นเทิ้ม เขาก็คิดว่าซูเฉินกำลังพยายามดูดซึมพลังในสายเลือด เขารู้ว่ามันยากยิ่งนักสำหรับซูเฉินที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารไร้สายเลือดในการจะซึมซับสายเลือดเทพอสูรของผู้เชี่ยวชาญด่านหยั่งรู้ฟ้าดิน เขาจึงเริ่มเข้าช่วยเหลือซูเฉินกดพลังของสายเลือดไว้และทำให้ซูเฉินสามารถดูดซับมันได้ง่ายยิ่งขึ้น
เนื่องจากเขาเป็นแหล่งของสายเลือดเทพอสูร มันจึงเชื่อฟังคำสั่งของเขา พลังงานปริมาณที่ท่วมท้นพรั่งพรูเข้าสู่ร่างของซูเฉินเริ่มสงบลงและชายหนุ่มก็เริ่มควบคุมมันได้อย่างช้า ๆ
ภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิดของเขานั้นมีเขาเป็นแหล่งกำเนิดและไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ในตอนนี้บางอย่างได้เปลี่ยนไปในที่สุด
อย่างแรกคือลักษณ์สายเลือดต้นกำเนิดของซูเฉินปรากฏขึ้นแล้ว ภาพร่างสูงกว่า 2 จั้งเศษนั้นเปี่ยมไปด้วยพลังงาน ดูน่าตกใจยิ่งแม้กระทั่งกับจูเฉินฮ่วนผู้คอยเฝ้าดูอยู่ แม้เขาจะรู้ว่าซูเฉินเป็นเด็กที่น่าทึ่ง แต่เขาก็คิดเพียงว่ามันสมองของซูเฉินทรงพลังและไม่ได้รู้ถึงความแข็งแกร่งของซูเฉินมากนัก แต่เมื่อลักษณ์ของซูเฉินปรากฏขึ้นจูเฉินฮ่วนก็รู้ตัวว่าการวิเคราะห์ของเขาก่อนหน้านี้นั้นผิดมหันต์
“นั่นมันอะไรน่ะ ? มันดูเหมือนภาพจุติสายเลือดแต่ก็ไม่เชิง และเป็นเรื่องยากที่จะระบุชัดเจนได้ว่ามันคือสิ่งใด ข้าไม่เคยพบเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน” จูเฉินฮ่วนตกตะลึง
วินาทีต่อมา กระแสลมแปลกประหลาดพลันเริ่มก่อตัวขึ้นข้าง ๆ ภาพจุตินั้น
กระแสลมนั้นก่อเกิดขึ้นกลางอากาศโดยซ่อนใบหน้าพิลึกพิลั่นทั้ง 4 ที่หันไปยัง 4 ทิศทางแตกต่างกัน ใบหน้าหนึ่งนั้นคล้ายคลึงกับมนุษย์แต่มีดวงตาใหญ่มโหฬาร อีกหน้าหนึ่งมีจมูกดุจคชสารและฟันกลับหัว 4 ซี่ หน้าที่สามมีหูยักษ์เป็นคลื่นโบกพักในอากาศราวกับใบปาล์ม และใบหน้าสุดท้ายที่ดูคล้ายกระเพาะปลาโชกเลือดที่แหวกออกกว้างราวกับจะกลืนกินทั้งสวรรค์และโลกใบนี้
ใบหน้าทั้ง 4 นี้ประกอบเป็นรูปร่างต้นกำเนิดของวายุโหม เทพอสูรวายุโหมนั้นอาศัยอยู่ในร่างของกระแสอยู่โดยรอบ 4 ใบหน้านี้เป็นหลัก เพราะทั้ง 4 ใบหน้านั้นมองไปยังทุกทิศทาง วายุโหมจึงมีวิชาตรวจจับการโจมตีจากทุกทิศทางโดยกำเนิด 4 ใบหน้าแสดงถึงปาก ตา จมูก และหูโดยแยกจากกัน ทำให้มันสามารถจำแนกรส ภาพ กลิ่น และเสียงด้วยความชัดเจนอย่างน่าเหลือเชื่อ
สายเลือดวายุโหมจึงได้สร้างอัจฉริยะที่มีประสาทสัมผัสขั้นสุดยอดออกมามากมาย
แต่มีคนไม่มากที่สามารถสำแดงร่างที่แท้จริงทั้งหมดของวายุโหมได้ คนส่วนมากทำได้เพียงโอ้อวดร่างต่าง ๆ ของวายุโหมโดยเปลี่ยนไปเป็นสรรพสิ่งฉกาจชนิดต่าง ๆ
จังหวะที่ซูเฉินได้รับสายเลือดของเฟิงอันหยา เขาก็สามารถสำแดงร่างจริงของวายุโหมได้ทันทีอย่างน่าเหลือเชื่อ มันทำให้ทั้งจูเฉินฮ่วนและเฟิงอันหยาตกตะลึงเป็นอย่างมาก
แต่พวกเขาก็สามารถบอกได้ว่าซูเฉินนั้นไม่ได้ผสมปนเปสายเลือดของเขาเข้ากับสายเลือดวายุโหมแต่รวบรวมมันไว้ในตำแหน่งอื่นภายในร่างกาย และเป็นเพราะไม่เกิดการผสมกันระหว่างสองสายเลือด จึงทำให้ภาพสายเลือดที่ปรากฏขึ้นนั้นบริสุทธิ์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่สายเลือดนี้จะมีประโยชน์จริงไหมนั้นยังไม่อาจตอบได้
ลักษณ์วายุโหมเริ่มก่อตัวขึ้นช้า ๆ ขณะที่พลังสายเลือดจากปีกของอีกาฉกาจเริ่มแผลงฤทธิ์ออกมา !
…แท้จริงแล้วแก่นสายเลือดที่เฟิงอันหยาเสียไปจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยนับทศวรรษในการฟื้นฟู เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถทดแทนได้ด้วยขวดเลือดเพียงไม่กี่ขวด
ท้ายที่สุด ลักษณ์วายุโหมก็ได้ก่อเกิดขึ้นและตั้งอยู่อย่างสงบเสงี่ยมถัดจากลักษณ์เลือดต้นกำเนิดของซูเฉิน
หลังจากการครุ่นคิดสักครู่ ซูเฉินก็ควบคุมลักษณ์วายุโหมด้วยจิตของเขาและค่อย ๆ ผลักมันเข้าหาลักษณ์เลือดต้นกำเนิดของตน
ในเชิงของพลังแล้ว ลักษณ์วายุโหมนั้นแข็งแกร่งกว่าลักษณ์เลือดต้นกำเนิดของซูเฉินอยู่มาก แต่ซูเฉินก็ปฏิเสธโดยสัญชาตญาณไม่ให้ลักษณ์ต่างประเภทของอสูรช่วงชิงร่างของเขาได้ ดังนั้นซูเฉินจึงเลือกลักษณ์เลือดต้นกำเนิดเป็นร่างหลักเมื่อเขาผนวกลักษณ์ทั้งสองเข้าด้วยกัน
ภายใต้การชี้นำของซูเฉิน ลักษณ์วายุโหมหลอมรวมเข้ากับลักษณ์เลือดต้นกำเนิด ลักษณ์วายุโหมที่ดูร้ายกาจได้หายลับไปอย่างไร้ร่องรอยโดยถูกแทนที่ด้วยลมพายุที่โหมกระหน่ำอยู่รอบภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิด
ในวินาทีนี้ ภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิดรูปร่างมนุษย์ได้กลายเป็นร่างหลักซึ่งในตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยกระแสลมฉกาจกระทั่งตอนที่มันไม่ได้โจมตี ทำให้แม้แต่จูเฉินฮ่วนและเฟิงอันหยาก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงพลังของลมฉกาจที่รวมตัวกันโดยรอบร่างของมัน
เมื่อซูเฉิดเปิดใช้งานภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิดจนถึงขีดจำกัดแล้ว จะมี 3 ใบหน้าเพิ่มเติมปรากฏขึ้นบนศีรษะของภาพจุติ เมื่อรวมเข้ากับศีรษะเดิมแล้ว 4 ใบหน้าก็สามารถหันได้ทุกทิศทางและเสริมกำลังกันเอง
แต่ต่างกับภาพลักษณ์ดุร้ายของวายุโหม ใบหน้าเหล่านี้ทำให้รูปร่างของมนุษย์ดูน่าเบื่อหน่ายเสียอย่างนั้น
เมื่อเขาสำเร็จในลักษณ์นี้แล้ว ปีกฉกาจก็ได้ผสานเข้ากับร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์ ซูเฉินสามารถสัมผัสได้ถึงความเชื่อมต่อทางสายเลือดกับปีกคู่นั้นราวกับว่าพวกมันเป็นส่วนขยายของลำแขน เพียงแค่นึกถึง ปีกบนหลังของเขาก็หายไปและโผล่กลับมาอย่างเป็นธรรมชาติ ลักษณ์เลือดต้นกำเนิดม้วนและแผ่ปีกของมันในเวลาเดียวกัน เป็นเพราะลักษณ์นี้เชื่อมตรงต่อซูเฉินและพัฒนาตามเขาไปด้วย ดังนั้นหากซูเฉินไม่ได้ตั้งใจห้ามการเคลื่อนไหวของภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิดแล้ว ภาพจุติก็จะเลียนแบบเขาเสมอ
เมื่อปีกที่ผสานเข้าอย่างสมบูรณ์แล้ว ความแข็งแรงของซูเฉินกลับดิ่งลงตามไปด้วย
ฟิงอันหยาถอนหายใจอย่างเสียดาย “เจ้าเด็กน้อย แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าใช้ทักษะใด ข้าก็สามารถสัมผัสได้ว่าความแข็งแกร่งนั้นลดลงเมื่อเจ้ารวมทั้งสองเข้าด้วยกัน หากเจ้าให้วายุโหมเป็นร่างหลัก เจ้าคงจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้เสียอีก”
ซูเฉินตอบอย่างใจเย็น “ราชาอีกาพูดถูก นี่เป็นวิชาที่ข้าสร้างขึ้นเรียกว่าลักษณ์ มันสามารถแยกพลังของสายเลือดเพื่อรวมเข้ากับพลังของหลากหลายสายเลือดได้ มันไม่ใช่การผสมสายเลือดมนุษย์เสียทีเดียว มันเป็นสิ่งสันโดษที่สามารถแยกออกจากการใช้สายเลือดได้มากกว่า ลักษณ์รูปร่างมนุษย์นี้มาจากตัวข้าเอง มันอาจไม่ทรงพลังเท่าวายุโหม แต่ข้าเชื่อว่าสายเลือดมนุษย์ก็สามารถครอบครองพลังที่ไม่เหมือนใครได้ ในฐานะมนุษย์แล้ว เพียงการคงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ของสายเลือดข้าคงไม่อาจทำให้ข้าค้นพบหนทางที่จะนำพามนุษย์ไปสู่ความแข็งแกร่งที่ยิ่งกว่าได้ วายุโหม… มันอาจทรงพลังเป็นอย่างมากแต่ข้าสามารถรับไว้ได้เพียงเพื่อใช้มันในการเสริมแกร่งสายเลือดมนุษย์ ไม่ใช่เพื่อทดแทนมัน กระทั่งสายเลือดมังกรสุริยะก็ไม่อาจยอมรับได้”
เฟิงอันหยาไม่รู้ว่าซูเฉินแท้จริงแล้วครอบครองสายเลือดมังกรสุริยะอยู่ด้วย แต่เฟิงอันหยานั้นประทับใจในความเด็ดเดี่ยวของซูเฉินที่ยอมให้สายเลือดวายุโหมจำนนต่อสายเลือดมนุษย์
เฟิงอันหยาเยินยอ “มิน่าเจ้าถึงได้เป็นปราชญ์ชาญโลกตั้งแต่วัยเยาว์ เจ้าเฉลียวฉลาดอย่างน่าเหลือเชื่อและมีความทะเยอทะยานยิ่งนัก เจ้าอาจจะกลายเป็นผู้นำทางให้เผ่ามนุษย์ที่เหลือเดินตามก็เป็นได้”
จูเฉินฮ่วนกล่าว “ที่ว่าอาจจะเจ้าหมายความว่าอย่างไร ? เขาได้ทำไปแล้วไม่ใช่หรือไร ?”
เพราะความพยายามของซูเฉิน เหล่าผู้เชี่ยวชาญจึงมีจำนวนมากขึ้นและมากขึ้น พวกเขาเริ่มปรากฏขึ้นในอันดับของเผ่ามนุษย์อย่างต่อเนื่องและคงมีมากขึ้นกว่านี้ในอนาคตข้างหน้า
ทั้งหมดเกิดขึ้นโดยธรรมชาติเพราะวิชาบ่มเพาะไร้สายเลือดของซูเฉินที่มอบโอกาสให้แก่ทุกคน
เมื่อคนทั่วไปที่ไม่มีสายเลือดได้รับวิชาบ่มเพาะ พวกเขาจะสามารถฝึกวิชาได้ พวกเขาอาจไม่สามารถแข็งแกร่งได้เท่ากับพวกคนจากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงแต่พวกเขาก็ไม่ได้เป็นเพียงคนธรรมดาอีกต่อไปและได้ครอบครองความสามารถเหนือมนุษย์ และเมื่อวิชาบ่มเพาะชั้นเยี่ยมมีจำนวนมากขึ้นในอนาคต ก็เป็นไปได้ที่ระบบการสืบทอดสายเลือดจะจางหายไปเพราะถูกแทนที่ด้วยระบบที่ความแข็งแกร่งของคนถูกวัดได้ด้วยวิชาบ่มเพาะของผู้นั้น
จูเฉินฮ่วนและคนอื่น ๆ รู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่พยายามฉกฉวยวิชาของซูเฉินด้วยกำลัง
ตอนนี้อดีตศัตรูของพวกเขาได้กลายเป็นสมาชิกในครอบครัวแล้ว ความคิดเห็นของจูเฉินฮ่วนเกี่ยวกับความสำเร็จของซูเฉินจึงเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
มันมาจากความสุขในการมีส่วนร่วม ความตื่นเต้นในการเป็นผู้ริเริ่มนั่นเอง
ใช่ ! เพราะเขาไม่สามารถเอาชนะซูเฉินได้ จึงจะดีกว่าหากเข้าร่วมกับเขาด้วย
เมื่อพวกเขาได้ตัดสินใจในแผนการสำหรับนางพญาแล้ว ตระกูลจูก็ได้ก้าวขึ้นไปบนเรือของซูเฉินเป็นที่เรียบร้อย ในอนาคตหากพวกเขาไม่ปราบศัตรูไปเคียงข้างซูเฉินและทำบางอย่างที่ยิ่งใหญ่จนสำเร็จ พวกเขาก็คงจะถูกกำจัดไปพร้อมกับชายหนุ่ม
แต่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร มันก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าอนาคตนั้นเป็นสิ่งไม่แน่นอน
ทันทีที่ทุกคนรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ตื่นตาตื่นใจพอ ข้อความจากอวิ๋นเป้าก็มาถึง
ซูเฉินเผยยิ้มออกมาเมื่อเขาอ่านข้อความนั้น
เขาพูดขึ้น “อาจารย์ของข้าได้เตรียมรูปแบบต้นกำเนิดเพิ่มเติมสำหรับการทะลวงด่านสู่พิสดารโดยปราศจากสายเลือดเรียบร้อยแล้ว วิชานี้เสร็จสิ้นแล้ว”
ทั้งจูเฉินฮ่วนและเฟิงอันหยาต่างตะลึงงันกับการค้นพบนี้
เนื่องจากรูปแบบต้นกำเนิดสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว เกราะป้องกันที่จะไปถึงยังด่านสู่พิสดารโดยไร้สายเลือดก็หายไป หรือพูดอีกอย่างคือไม่ว่าใครก็สามารถไปถึงด่านสู่พิสดารได้แล้ว
จูเฉินฮ่วนพูดขึ้นพร้อมตัวสั่นเทา “เจ้าไม่ได้วางแผนจะแจกวิชานี้ฟรี ๆ อีกใช่ไหม ?”
ที่จริงแล้วซูเฉินนั้นคิดราคาเล็กน้อยสำหรับวิชาของเขา แต่ในสายตาของจูเฉินฮ่วนราคานี้เทียบได้กับความว่างเปล่า
ซูเฉินหัวเราะ “คราวนี้ไม่แล้วละ”
หากวิชาไร้สายเลือดสำหรับด่านสู่พิสดารเผยแพร่ออกไป สังคมมนุษย์ ไม่สิ ทั่วทั้งทวีปต้นกำเนิดจะกลับตาลปัตรภายในชั่วพริบตา
โชคดีที่ครานี้ซูเฉินไม่ได้คิดจะทำเช่นนั้น
ข้อตกลงของเขากับอาณาจักรหลงซางรวมไปถึงมาตราที่ว่าเขาจะไม่เผยแพร่วิชาไร้สายเลือดในอนาคตอย่างบุ่มบ่ามอีกต่อไปเพื่อหลีกเลี่ยงความโกลาหลวุ่นวาย
ด่านสู่พิสดารถือได้ว่าเป็นกระดูกสันหลังของเผ่ามนุษย์ หากด่านนี้สามารถไปถึงได้โดยปราศจากสายเลือดมันจะมีความหมายที่ยิ่งใหญ่ ตระกูลชนชั้นสูงนับไม่ถ้วนคงแทบจะตามไล่ล่าเขาหากเขาทำเช่นนั้น แม้ว่าซูเฉินจะมุ่งมั่น… แต่เขาก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองด้วย ดังนั้นก่อนเขาจะแข็งแกร่งพอที่จะดูไร้เทียมทานภายใต้สวรรค์ ชายหนุ่มก็จะให้เกียรติสัญญานี้และจะไม่เผยแพร่วิชาไปทั่วอย่างเลินเล่อ
แต่การไม่เผยแพร่มันออกไปโดยประมาทไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เผยแพร่มันเลย เขาจะไม่เผยแพร่มันเป็นสาธารณะแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรที่จะให้มันกับศิษย์ในนิกายของเขาเอง
และนิกายไร้ขอบเขตจะสามารถใช้วิชานี้เป็นโอกาสดีในการแผ่ขยายและเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของพวกเขา
ดังนั้นแล้ว ความคิดแรกของซูเฉินคือมอบมันให้กับศิษย์นิกายไร้ขอบเขตได้ใช้งาน
..ยังไงเสีย อวิ๋นเป้า กังเหยียน และ 12 ผู้รับใช้ดาบต่างก็ไปถึงจุดสูงสุดของด่านทะลวงลมปราณแล้ว พวกเขาเองก็กำลังเฝ้ารอให้วิชานี้เสร็จสมบูรณ์เพื่อที่พวกเขาจะได้เริ่มกระบวนการเลื่อนขั้นเช่นกัน !