บทที่ 2671 (2) ชิงคน / บทที่ 2672 (1) ทว่าเขากลับโจมตีปลิดชีพนาง...

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2671 (2) ชิงคน

ตวนมู่เหยี่ยนคนนั้นก็หันมองตามเสียงเช่นกัน…

สายเกินไปแล้ว ทันใดนั้นเอง เยี่ยนเฉินพลันโผเข้าไป คว้าข้อมือขององค์หญิงผู้นั้นไว้ รั้งเข้าสู่อ้อมแขนตน

ดึงองค์หญิงผู้นั้นออกมาจากอ้อมแขนของตวนมู่เยี่ยนทันที…

“ใครกัน?!”

“เวรเอ้ย ผีหลอกแล้ว!”

ถึงแม้ทุกคนจะมองไม่เห็นเยี่ยนเฉิน แต่มองเห็นองค์หญิงของบ้านตนที่ถูกผู้อื่นดึงออกมา…

ตวนมู่เหยี่ยนก็เหมือนจะมองไม่เห็นเช่นกัน พลันตวัดแขนฟาดฟันออกไป ฟาดเข้าใส่ด้านหลังขององค์หญิง

เขาเป็นวรยุทธ์ แถมวรยุทธ์ยังไม่ต่ำต้อยด้วย กระแสฝ่ามือนี้ฟันเข้าที่แขนของเยี่ยนเฉิน…

เยี่ยนเฉินครางออกมา เจ็บปวดราวดุจแขนหัก แต่ท่อนแขนเขายังคงรัดองค์หญิงผู้นั้นเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เขาทราบว่าตนไม่อาจใช้พลังวิญญาณได้ ทันทีที่ใช้พลังวิญญาณ ก็จะเผยตัวทันที…

ถ้าปรากฏกายขึ้นในสถานที่แห่งนี้จะเป็นการรนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย เนื่องจากนายพลเหล่านี้พากันชักปืนออกมาแล้ว

เพียงแต่พวกเขาเกรงว่าจะพลาดไปโดนองค์หญิงเข้า ซ้ำยังมองไม่เห็นคน จึงยังไม่กล้ายิงออกไป

เพียงแต่เริ่มดึงแว่นอินฟราเรดบนร่างออกมาแล้ว…

เยี่ยนเฉินไม่กล้าโอ้เอ้ หลังจากชิงคนได้ก็อุ้มขึ้นมาแล้วหนีออกไปด้านนอกทันที แม้แต่หลานไว่หูที่เดิมทีติดตามอยู่ข้างกายก็ลืมเลือนไปแล้ว…

ถึงแม้คนพวกนั้นจะมองไม่เห็นเยี่ยนเฉินกับหลานไว่หู แต่สามารถมองเห็นองค์หญิงของพวกเขาได้!

มองเห็นองค์หญิงพ้นประตูออกไปดุจลอยอยู่ในอากาศ ก็สบถด่าทอเสียงดังแล้วไล่ตามออกไปทันที…

เพียงแต่เพิ่งจะพ้นประตูออกมา ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังตูมแว่วขึ้นไกลๆ เปลวเพลิงพวยพุ่งสู่นภา!

เหล่านายพลหน้าเปลี่ยนสีทันที เป็นทิศทางลานบินของพวกเขา! เกิดอะไรขึ้น?!

ความคิดนี้ยังไม่ทันจบดี พลุสีแดงเจิดจ้าสายหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาจากทิศทางนั้น มีเสียงเตือนภัยที่หวีดแหลมแว่วมาจากทิศทางนั้น

ยานรบเหล่านั้นสำหรับชาวดาวจิ้งจอกครามแล้ว เปรียบเสมือนบุพการีผู้ค้ำจุนของพวกเขา เป็นอาวุธที่มีประโยชน์ที่สุดของพวกเขา ย่อมปล่อยให้เกิดความผิดพลาดขึ้นไม่ได้อีก เวลานี้จึงไม่สนใจจะไล่ตามองค์หญิงต่อแล้ว พากันพุ่งไปทางลานบิน…

ทันใดนั้นเอง ทั่วทั้งแดนเผ่าจิ้งจอกครามก็โกลาหลวุ่นวายไปหมด ทหารนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากทั่วสารทิศ มุ่งไปทางลานบินอย่างบ้าระห่ำ!

เยี่ยนเฉินก็อุ้มองค์หญิงคนนั้นวิ่งห้อไปเช่นกัน ในสมองเขาส่งเสียงดังหึ่งๆ วินาทีนี้หัวสมองของเขาว่างเปล่าขาวโพลน ในใจมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น อุ้มอีกฝ่ายออกไป จะปล่อยให้นางอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว!

โชคดีที่ถึงแม้สมองของเขาจะว่างเปล่า แต่คนยังคงรอบคอบอยู่ ตอนที่อุ้มคนหนีได้เลือกเส้นทางที่ปลอดคน

ส่วนผู้คนของที่นี่ล้วนถูกการเปลี่ยนแปลงที่ลานบินแห่งนั้นดึงดูดไปหมดแล้ว ตลอดทางมานี้เขาจึงไม่พบผู้คนอีกเลย

แถมความเร็วของเขายังว่องไวนัก ครู่เดียวก็วิ่งมาถึงละแวกประตูใหญ่ของแดนเผ่าจิ้งจอกครามแล้ว

แดนจิ้งจอกออกง่ายเข้ายาก ดังนั้นเขาจึงหนีออกไปได้ไม่ยากเย็นนัก

ผ่านไปหนึ่งเค่อ เขาก็อุ้มองค์หญิงผู้นั้นมุดเข้าไปในป่าใหญ่แห่งหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาแล้ว

ป่าผืนนี้ไม่เล็กเลย นับว่าเป็นอาณาเขตของเผ่าจิ้งจอกครามอยู่เช่นกัน ปกติแล้วผู้คนไม่ค่อยย่างกรายมา สัตว์ร้ายเหิมเกริม ตอนนี้ยิ่งร้างซึ่งผู้คน ทว่ากระต่ายป่ากลับมีอยู่ไม่น้อยเลย

เสียงจอแจของผู้คนเริ่มห่างไกลออกไป เมื่อเยี่ยนเฉินมาหยุดยืนใต้หน้าผาแห่งหนึ่ง รอบข้างได้ยินเพียงเสียงน้ำไหลกระเซ็นแว่วอยู่ไม่ไกล และเสียงลมที่พัดผ่านยอดไม้เท่านั้น

และในที่สุดศีรษะที่ร้อนรุ่นของเขาก็เยือกเย็นลงแล้ว จากนั้นก็พบว่า เขาไม่ได้พาหลานไว่หูออกมามาด้วย ทิ้งไว้ในแดนจิ้งจอกครามเสียแล้ว…

“อุ่บ!”

องค์หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนเมามากแถมยังถูกเขากระแทกสะเทือนมาตลอดทาง จึงอ้วกใส่ร่างเขาทันที

เยี่ยนเฉินตะลึงงัน…

อันที่จริงเขาก็เป็นโรครักสะอาดนิดหน่อยเช่นกัน ปกติแล้วบนร่างจะไม่เปื้อนฝุ่นเลย ทว่ายามนี้กลับถูกอาเจียนใส่ทั่วร่าง น้ำสุราที่ผสมปนเปด้วยเศษอาหารไหลย้อยลงมาจากหน้าอกเขา ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง

————————————————————————————-

บทที่ 2672 (1) ทว่าเขากลับโจมตีปลิดชีพนาง…

หากว่าเป็นคนอื่นมาอาเจียนรดตัวเขาเช่นนี้ เยี่ยนเฉินคงโยนคนออกไปไกลแปดร้อยลี้นานแล้ว!

แต่คนที่อาเจียนคือนาง…

น่าประหลาดที่เยี่ยนเฉินไม่มีความรู้สึกว่าไม่เหมาะสมอันใดเลย มีเพียงความโมโหและปวดใจ

เขาวางนางลงบนพื้น เพื่อป้องกันไม่ให้เศษอ้วกบนตัวเปื้อนร่างนาง

องค์หญิงผู้นั้นเมาสุราอย่างหนัก ยืนไม่อยู่เลย พอถูกปล่อยลงบนพื้นก็ส่ายโงนเงนเสมือนผู้เฒ่า เยี่ยนเฉินได้แต่พยุงนางไว้อีกครั้ง มองซ้ายมองขวา เห็นโขดหินก้อนหนึ่งอยู่ด้านข้าง จึงพยุงนางไปนั่งตรงนั้น

เนื่องจากนางนั่งไม่อยู่ เขาเลยไม่กล้าปล่อยมือ ได้แต่ใช้มือหนึ่งพยุงนางไว้ อีกมือก็ถอดเสื้อผ้าที่เลอะเทอะบนร่างตนออก

คาดไม่ถึงว่าพอองค์หญิงผู้นั้นเห็นเขาถอดเสื้อผ้าออก คล้ายจะสะดุ้งโหยง ร่างกายที่อยู่ใต้มือเขาพลันดิ้นรน เอ่ยโพล่งออกมา

“ม…ไม่เอา ข้า…ข้าท้องนะ ทำไม่ได้…”

เยี่ยนเฉินตัวแข็งทื่อ หลุบตามองนาง

“เจ้า…เจ้าว่าอะไรนะ?”

องค์หญิงผู้นั้นขดตัว มองดูเขาริมฝีปกจิ้มลิ้มเผยอออกนิดๆ แววตาพร่าเลือน ดูน่าสงสารนัก

“พี่เยี่ยนเฉิน พวกเราไม่ทำได้ไหม?”

การปฏิเสธที่แสนคุ้นเคย!

ท่าทางที่แสนคุ้นเคย…

หัวใจเยี่ยนเฉินเต้นกระหน่ำ นิ้วมือที่สั่นระริกยื่นออกไป ลูบแก้มนางเบาๆ ผิวเนื้ออบอุ่นเรียบลื่น แต่กระดูกกลับทิ่มมืออยู่บ้าง…

นางผอมเหลือเกิน!

หัวใจเยี่ยนเฉินเสมือนถูกคนเสียบมีดใส่ เสียงแหบแห้ง

“ได้ จิ้งจอกน้อย ข้าไม่กวนเจ้าหรอก…”

จมูกเขาแสบเคือง น้ำเสียงก็แหบเครือยิ่งนัก “จิ้งจอกน้อย เจ้าก็รู้ ข้าไม่มีทางบังคับเจ้า”

องค์หญิงผู้นั้นคล้ายจะโล่งออก เม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มแล้วพ่นลมออกมา หลับตาลง คิ้วเรียวขมวดมุ่น

“ข้า…ข้าทรมาน”

นี่ก็เป็นท่าทางที่คุ้นเคยยิ่งนักเช่นกัน

ถึงแม้รูปโฉมจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว แต่ท่าทางเล็กๆ น้อยๆ ในยามที่ไร้สติของนางเหมือนหลานไว่หูไม่มีผิด

หัวใจเยี่ยนเฉินเสมือนถูกด้ายเส้นหนึ่งพัวพันรัดรึงหัวใจเขารอบแล้วรอบเล่า ปวดแปลบเป็นพักๆ เขาโยนเสื้อนอกที่สกปรกแล้วทิ้งไป ตบไหล่นางเบาๆ ให้นางเอียงซบร่างตน

“จิ้งจอกน้อย ไม่ต้องกลัว ไม่ทรมานแล้ว…”

“อุ่บ…” นางสำรอกสุราอีกครั้ง อาเจียนใส่ร่างเขาอีกรอบ

เยี่ยนเฉินชะงักไป ไม่รีบร้อนถอดเสื้อแล้ว ค้อมกายใช้มือหนึ่งประคองนางไว้ อีกมือหนึ่งนวดกดไปตามจุดที่สอดคล้องกันของนาง ช่วยให้นางสำรอกสุรา

วิธีขับอาเจียนของเขาได้ผลยิ่งนัก นางอาเจียนออกมาอย่างมืดฟ้ามัวดินอีกครั้ง อาเจียนติดต่อกันอยู่หลายครั้ง อาเจียนจนตั้งเอวไม่อยู่แล้ว แถมในการอาเจียนสิบครั้งก็ได้ราดรดลงบนร่างเยี่ยนเฉินไปแปดครั้งแล้ว

ในที่สุด นางอาเจียนจนไม่อาเจียนต่อไปได้แล้ว เยี่ยนเฉินหยิบผ้าห่มผืนหนึ่งออกมาจากมิติเก็บของปูลงบนโขดหินก้อนนั้น พยุงนางขึ้นนอนด้านบน แล้วห่มให้นางอีกที

เมื่อจัดการร่างกายนางเรียบร้อยแล้ว เยี่ยนเฉินถึงได้ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์บนร่างตน

ครั้งนี้ร่างกายเขาสกปรกอย่างสิ้นเชิง สิ่งสกปรกที่นางอาเจียนออกมาเปรอะซึมเสื้อผ้าทั้งสองชั้นเข้าไปถึงผิวกายเขา

ดังนั้นเขาจึงถอดเสื้อผ้าทั้งหมดทิ้งเสียเลย จากนั้นก็ใช้คาถาชำระล้างอีกครั้ง เพื่อให้ร่างกายหมดจดอย่างแท้จริง

เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าของตนเสร็จก็กลับมาอยู่ข้างกายองค์หญิงผู้นั้นอีกครั้ง ทว่านางหลับไปแล้ว ต่อให้หลับใหลนางก็ยังขมวดคิ้วอยู่ ดวงหน้าน้อยๆ ขนาดเท่าฝ่ามือที่ซุกอยู่ใต้ผ้าห่มยิ่งขับเน้นให้ดูบอบบางขึ้น

เขานั่งลงข้างกายนาง กุมมือน้อยข้างหนึ่งของนางไว้

“จิ้งจอกน้อย…”

ข้อมือนางก็ผอมบางราวกับท่อนกระดูก หัวใจเยี่ยนเฉินราวกับมีมีดสับเฉือนอยู่ ในใจมั่นใจไปแปดส่วนแล้วว่านี่สิถึงจะเป็นจิ้งจอกน้อยตัวจริง! ภรรยาที่เขารักถนอมมากว่าสองร้อยปี…

นางมาหาเขา ทว่าเขากลับโจมตีปลิดชีพนาง…

เขายื่นมือออกไปหมายจะสางเส้นผมที่ยุ่งเหยิงของนาง ทว่าดวงหน้าน้อยๆ ของนางกลับบิดเบี้ยวขึ้นมา จากนั้นก็พลิกตัว อาเจียนเสียงดังแหวะออกมาอีกครั้ง

เพียงแต่ หนนี้สิ่งที่นางอาเจียนออกมามิใช่สุรา แต่เป็น…

โลหิตคำหนึ่ง

….

————————————————————————————-