บทที่ 808 อยู่เหนือแดนโลกีย์

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 808 อยู่เหนือแดนโลกีย์
ฉินมิ่งกระอักเลือด ถอยหลังไปหลายก้าว ดวงตาของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ เขาตะคอก“เย่เซิ่งเทียน แกจะกำจัดให้สิ้นซากจริงๆหรอ?อย่าลืมนะ แกเป็นแค่ตัวทดลองคนหนึ่ง ถ้าอยากจะทำลายเกมนี้ เราจะต้องร่วมมือกัน จะมีความเป็นไปได้มากกว่านะ!”

พ่อบ้านตระกูลฉินวิ่งไปทางเย่เซิ่งเทียน แต่ก็ถูกฝ่ามือของเย่เซิ่งเทียนตบกระเด็นตายคาที่

ความกดดันดุจดั่งสายน้ำ ที่กดทับฉินมิ่ง

“แกคิดว่าฉันจะเชื่อแกอย่างงั้นหรอ?”

เย่เซิ่งเทียนหัวเราะอย่างเยือกเย็น

ถ้าคนพวกนี้เชื่อ เย่หลงในตอนนั้นคงไม่พ่ายแพ้

เขาไม่เชื่อว่าเย่หลงจะไม่ได้ร่วมมือกับคนของตระกูลเก่าแก่ผู้ดี อีกทั้งอดีตจอมพลบอกแล้วว่า ตอนนั้นมียุครุ่งเรืองของเย่หลง เจ็ดตระกูลเก่าแก่ต้องก้มหัวฟังคำสั่งเขา กดหัวพวกเขาจนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้

แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ ตระกูลเก่าแก่ผู้ดียังคงยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของอำนาจทางโลก

นี่หมายความว่าอย่างไร?

หมายความว่าตระกูลเก่าแก่ผู้ดีหักหลังเย่หลงน่ะสิ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ตระกูลเก่าแก่ผู้ดีเป็นหมารับใช้ให้สรวงสวรรค์มานานหลายปี เขาจะยอมจำนนต่อเสือคำรามอย่างเย่หลงได้อย่างไร?

เพียงแต่ไม่รู้ว่าตระกูลเก่าแก่ผู้ดีได้อะไรจากความพ่ายแพ้ของเย่หลง แต่เห็นได้ชัดว่าถูกเย่หลงหลอกเข้าให้แล้ว

เย่เซิ่งเทียนไม่มีทางเดินรอยตามเย่หลง ตั้งแต่เริ่ม เขาไม่เคยเชื่อใจคนพวกนี้

เขาคิดแต่อยากฆ่าคนพวกนี้ให้ตาย

ก่อนหน้านี้หยางทาวแนะนำให้กำจัดเป็นกลุ่มๆไป ถือว่าเย่เซิ่งเทียนทำได้แล้ว

แต่เมื่อมีคนเหนือโลกีย์สิบกว่าคนอยากฆ่าเขาให้ตาย เย่เซิ่งเทียนจึงเปลี่ยนแปลงความคิด

ตระกูลเก่าแก่ผู้ดีกลายเป็นเนื้อร้ายไปแล้ว ถึงพวกเขาจะให้ความร่วมมือ หรือเรื่องราวหลังจากนี้เขาจะยอมให้อภัยตราบาปที่คนเหล่านี้เคยก่อไว้หรอ?

จากที่เขารู้ ตระกูลเก่าแก่ผู้ดีเป็นกลุ่มคนที่อะไรทำเงินก็ทำอันนั้น บนโลกใบนี้สิ่งที่หาเงินได้มากที่สุดไม่ใช่สิ่งที่กฎหมายอนุญาต

ค้ามนุษย์ ยาเสพติดและอื่นๆ ล้วนมีเงาของตระกูลเก่าแก่ผู้ดี

พวกเขาก่อกรรมทำเข็ญกับผู้คนมากมายจนฟ้าไม่อาจยกโทษให้ จะให้แล้วกันไปอย่างงั้นหรอ?

เป็นไปไม่ได้!

ดังนั้นเย่เซิ่งเทียนตัดสินใจแล้ว จะต้องกำจัดตระกูลเก่าแก่ผู้ดีให้ราบคาบ

โน้มน้าวทำไม?

ไม่จำเป็น

บาปหนายิ่งนัก ต้องฆ่าตายให้หมด!

ไม่คิดยอมจำนน ก็ต้องตายให้หมด!

ฆ่าหมดแล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล

เย่เซิ่งเทียนไม่มีทางยกคนที่อยู่ด้านหลังให้กับคนพวกนี้

ฉินมิ่งทำอะไรไม่ได้ เขาคิดไม่ถึงว่าเย่เซิ่งเทียนจะเผด็จการขนาดนี้ ไม่ให้โอกาสเขาได้ร่วมมือเลยแม้แต่น้อย

คำนวณพลาดไปแล้ว!

เขาคิดว่าถ้าเกิดพ่ายแพ้ ยังพอที่จะพยายามขอร่วมมือกับเย่เซิ่งเทียนได้

เนื่องจากเย่เซิ่งเทียนต้องการต่อกรกับสรวงสวรรค์ ทำได้แค่รวบรวมพันธมิตร

แต่เขาคิดไม่ถึงว่า เย่เซิ่งเทียนจะฆ่าเขาตาย โดยไม่แม้แต่จะให้โอกาสเขาเลย!

“เย่เซิ่งเทียน แกอย่ารังแกฉันมากเกินไปนะ!คิดว่าฉันจะกลัวแกอย่างงั้นหรอ!”

จู่ๆ ท่าทีของฉินมิ่งก็เปลี่ยนไป เขาทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

รังสีอำมหิตเล็ดลอดออกมาจากร่างของเขา

“อดทนมานานหลายปี ดูท่าทุกคนจะคิดว่าฉันเป็นคนขี้แพ้สินะ!”

สายตาของฉินมิ่งเย็นชา มองดูคนในตระกูลตายไปเรื่อยๆ แต่กลับไม่มีความสงสัยแม้แต่น้อย

เขาพูดอย่างเยือกเย็นว่า“ไอ้เหี้ย ให้โอกาสแกได้มีชีวิต แต่แกกลับรนหาที่ตาย วันนี้ฉันจะให้แกรู้ว่า ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงเป็นยังไง!”

รูม่านตาของเย่เซิ่งเทียนหดลง จากนั้นก็หยุดลง

ลมหายใจของฉินมิ่งทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ ขีดจำกัดของเขาได้ทะลุผ่านแดนเหนือโลกีย์ แต่ยังคงไม่มีทีท่าจะหยุดลง

“ต่อหน้าแดนลอยเมฆ เป็นแค่มดในแดนเหนือโลกีย์ กล้าจองหองอีกงั้นหรอ ตายซะเถอะ!”

วินาทีนี้ ลมหายใจของฉินมิ่งแข็งแกร่งผิดปกติ เขาได้ทะลุผ่านแดนเหนือโลกีย์ และไปถึงแดนลอยเมฆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“แดนลอยเมฆงั้นหรอ?ดูท่าแกเป็นวิชาที่จะขึ้นไปยังแดนเหนือโลกีย์สินะ”

ไม่เพียงแต่เย่เซิ่งเทียนไม่รู้สึกถึงความอันตราย ในทางกลับกันยังเต็มไปด้วยพร้อมรบ

เขาไม่สู้อย่างเต็มที่มานานแล้ว

ถึงก่อนหน้านี้จะต้องเผชิญหน้ากับคนแดนเหนือโลกีย์เป็นสิบ เขาก็แค่ยืดเยื้อเวลาก็เท่านั้น

ฉินมิ่งอยู่ขั้นกว่าของแดนเหนือโลกีย์ เป็นไปตามคาดเขาเป็นเหล่าอิน

แต่เย่เวิ่งเทียนกลับไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย ฉินมิ่งเป็นหนูมานานหลาย คิดว่าการต่อสู้มีแค่แดนต่างๆก็เพียงพอแล้ว?

ตลกหน่า